พบด้วงสายพันธุ์ใหม่ ในอึอายุ 230 ล้านปี

วิทยาการที่ก้าวไกลทำให้เรารู้จักโลกยุคโบราณมากขึ้นเรื่อยๆ และการค้นพบครั้งล่าสุดนับว่าสำคัญ แต่อาจต้องกลั้นขำเล็กน้อย เพราะนักวิจัยได้ค้นพบฟอสซิลแมลงเต่าทองชนิดหนึ่ง ที่มีอายุมากกว่า 230 ล้านปีจากอึของสัตว์เลื้อยคลานโบราณ

“ด้วงตัวนี้มีขนาดครึ่งนิ้ว โดยรูปร่างมันแทบไม่เปลี่ยนไปจากปัจจุบันมากเท่าไร” – Martin Qvarnstorm ผู้ซึ่งเจอเจ้าด้วงตัวนี้ในปี 2019 โดยนักวิจัยได้ข้อมูลจากฟอสซิลชนิดนี้ย้อนกลับไปได้ถึง 230 ล้านปีก่อนในยุคไทรแอสสิค ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้รู้ถึงการใช้ชีวิตของแมลงในยุคนั้นได้

“นี่มันไม่ใช่อำพัน แต่เป็นการเก็บรักษาที่น่าประทับใจมาก” – Paul Sereno นักบรรพชีววิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ถึงแม้เขาไม่ได้มีส่วนในการค้นพบครั้งนี้ แต่ก็ประทับใจกับการค้นพบครั้งนี้มาก

เจ้าของอึชนิดนี้เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีชื่อว่า “ซิลีซอรัส” (Silesaurus opolensis) ที่มีชีวิตอยู่ในยุคไทรแอสสิค ถึงมันจะเหมือนไดโนเสาร์แต่มันไม่ใช่ไดโนเสาร์ มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีชีวิตอยู่ในประเทศโปแลนด์เมื่อราว 230 ล้านปีก่อน มีน้ำหนักเพียง 33 ปอนด์ ซึ่งจัดว่ามีขนาดเล็กมาก อาหารของมันคาดว่ากินสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างเช่นเจ้าด้วงตัวนี้

“เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าแมลงในยุคไทรแอสซิกมีหน้าตาเป็นอย่างไร และนี่เป็นโอกาสสำคัญของเรา” Martin Fikácek หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยและนักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัยนานาชาติ Sun Yat-sen ในไต้หวัน เขากล่าวในแถลงการณ์ด้วยว่า “บางที ถ้าฟอสซิลอึถูกนำมาวิเคราะห์เพิ่ม เราจะพบว่าสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดผลิตอึที่ไม่มีประโยชน์ ขณะที่บางชนิดอึของพวกมันเต็มไปได้ฟอสซิลแมลงที่ถูกรักษาไว้อย่างดี มันดีจนผ่านมานานก็มีเหลือให้เราศึกษา”

จากฟอสซิลนี้เป็นไปได้ว่าเจ้าซิลีซอรัสอาจจะกินด้วงผู้โชคร้ายตัวนี้เข้าไปทั้งเป็นทันที แล้วด้วงตัวนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ในท้องจนกระทั้งถูกขับถ่ายออกมาก่อนที่จะถูกกลบฝังแล้วกลายเป็นฟอสซิลในอีก 230 ล้านปีต่อมา

Advertisements

การค้นพบครั้งนี้นอกจากทำให้รู้ถึงหน้าตาแมลงในยุคนั้นแล้ว ยังทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการกินอาหารของสัตว์ในช่วงเวลานั้นอีกด้วย และอาจต้องย้อนกลับไปยังพวกฟอสซิลอึที่คิดว่าไม่มีประโยชน์แต่จริงๆ แล้วอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นก็เป็นได้

“นี่เหมือนกับการย้อนกลับไปช่วงเวลานั้นเลย” – Paul Sereno กล่าว เราอยู่ในช่วงเวลาที่เรากำลังเข้าใจและเรียนรู้อดีตซึ่งยังมีอะไรอีกมากที่รอการค้นพบ

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements
แหล่งที่มาsmithsonianmag