เรื่องราวของ หอยเชอรี่ศัตรูชาวนา นกปากห่างตัวพิฆาตหอย และคนไทยที่กินได้เกือบทุกอย่าง

ถ้าคุณไม่ใช่ชาวนาในประเทศไทย คุณจะไม่รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของ "หอยเชอรี่" เพราะระดับความเสียหายที่หอยชนิดนี้ทำไว้กับชาวนา มันอยู่ในระดับน่าสพรึงกลัวเลยทีเดียว ในขณะที่การมาถึงของนกปากห่าง ได้ช่วยลดจำนวนประชากรของหอยเชอรี่ไปบางส่วน แต่นกพวกนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี ในขณะที่หอยเชอรี่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย ...เดี๋ยวเรามาดูเรื่องราวของพวกมันกัน

หอยเชอรี่ นกปากห่าง

การมาถึงของหอยเชอรี่

Advertisements

ผมต้องเล่าถึง “หอยเชอรี่” ก่อน ความจริงหอยชนิดนี้ ไม่ได้สร้างปัญหาแค่ในประเทศไทย แต่มันสร้างในระดับนานาชาติ เพราะมันคือ 1 ใน 100 สายพันธุ์เอเลี่ยนที่เลวร้ายที่สุดในโลก แน่นอนว่าหอยชนิดนี้ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย

โดยตามประวัติเท่าที่ค้นเจอมา แรกเริ่มมันถูกนำเข้ามาในฐานะของหอยที่ช่วยกำจัดตะไคร่น้ำและเศษอาหารในตู้ปลา ซึ่งเป็นช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2525 – 2526 และหอยเชอรี่พวกนี้ ก็ถูกนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์

ต่อมาประมาณปี พ.ศ 2530 เริ่มมีคนเลี้ยงและขยายพันธุ์เป็นสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการบริโภค แต่ในตอนนั้น หอยเชอรี่ถูกเข้าใจว่าเป็นหอยที่เลี้ยงเพื่อตลาดปลาสวยงามไปแล้ว จึงทำให้ไม่ได้รับการยอมรับหากจะเอามากิน ซึ่งจะคล้ายกุ้งก้ามแดงที่ในไทยที่ยังไม่นิยมกิน

และเมื่อเลี้ยงแล้วหาตลาดลงไม่ได้ สุดท้ายจึงปล่อยหอยพวกนี้ทิ้งลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวนาอย่างรุนแรง …หลายคนอาจนึกภาพไม่ออก ว่าตอนนั้นพวกมันน่ากลัวและมีพลังทำล้ายล้างระดับไหน ให้ลองนึกถึงรถไถ มันไปไหนข้าวก็หายไปเหลือแต่ตอ …และมันมีจำนวนมหาศาล

การมาถึงของนกปากห่าง

นกปากห่างต่างจากหอยเชอรี่ พวกมันเป็นนกอพยพ โดยปกตินกชนิดนี้ก็บินไปบินมาระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้ไปกันทั้งหมด เพราะจะมีประชากรบางส่วนที่ประจำอยู่ในไทย มากน้อยขึ้นอยู่กับหอยหรือเหยื่อที่มีอยู่ตามท้องนาหรือแหล่งน้ำแถวนั้น ประมาณว่าที่ไหนมีหอยเยอะ ที่นั้นก็จะมีนกปากห่างไปอาศัยเยอะ

Advertisements

โดยจำนวนของนกปากห่างในไทย เพิ่มขึ้นอย่างมากช่วงที่หอยเชอรี่ระบาดหนัก พวกมันเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยมีประจำการไม่กี่หมื่นตัว จนตอนนี้มีนกปากห่างอย่างน้อย 4 แสนตัว ที่อยู่ประจำในประเทศไทย และจะพบมากในพื้นที่ราบลุ่มในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง …แถมนกปากห่าง 90% ของทั้งโลกก็วนเวียนอยู่ในไทย เมื่อรู้แบบนี้แล้วน่าดีใจหรือไม่?

ความร่วมมือของคนไทยและนกปากห่าง

วันเวลาผ่านไปหลายปี คนไทยเริ่มเรียนรู้ที่จะกินหอยเชอรี่ เริ่มมีเมนูเด็ดเกิดขึ้นมากมาย ประกอบกับ “นกปากห่าง” ที่บินเข้าไทย จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่บางกลุ่มไม่ย้ายออกอย่างที่เคยทำ อาจเป็นเพราะหอยที่พวกมันชอบเยอะเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ นกปากห่างจึงไม่ยินดีที่จะจากไปจากแหล่งอาหารที่อุดมสมบรูณ์ และมันก็ได้กลายเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของหอยเชอรี่จนถึงทุกวันนี้

แต่เดี๋ยวก่อน! หอยเชอรี่ไม่ได้หมดไปจากที่นา แต่พวกมันยังคงระบาดอยู่ในหลายพื้นที่ เพียงแต่มีจำนวนน้อยลงเท่านั้น และที่สำคัญหอยเชอรี่ที่เรากินกันอยู่มากมาย ส่วนใหญ่เป็นหอยเลี้ยงด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้หอยที่อยู่ในธรรมชาติ ที่ถูกจับจริงๆ จึงเป็นบางพื้นที่เท่านั้น ..เมื่อเราเผลอ พวกมันก็พร้อมที่จะออกมาไถต้นข้าวจนเตียนได้เสมอ

ภัยพิบัติจากนกปากห่างที่มากเกินไป

Advertisements

เอาจริงๆ ผมว่านกปากห่างช่วยกำจัดหอยเชอรี่ไปได้มาก โดยงานวิจัยบอกว่า มันช่วยลดจำนวนหอยเชอรี่ในนาข้าวไปได้ถึง 50% ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำนาไปในตัว แต่หอยหลายชนิดที่มีถิ่นกำเนิดในไทยอย่างหอยขมและหอยกาบน้ำจืดก็โดนไปด้วย

แถมนกปากห่างยังมีวิธีทำรังบนต้นไม้แบบเป็นกลุ่ม (Colony) ทำให้ต้นไม้ในบริเวณที่พวกมันทำรังต้องตาย และส่งผลต่อทัศนียภาพของชุมชนโดยรอบ พวกมันสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตร

Advertisements

ซึ่งหากนกรวมตัวกันเป็นจำนวนมากเกินไป จะเกิดการสะสมของมูลนกและซากนกหรือลูกนกที่ตายแล้วอยู่ในบริเวณเดียวกัน จนเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย ไวรัส รวมไปถึงเชื้อโรคต่างๆ สุดท้ายอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคระบาดได้ …และคุณต้องรู้เอาไว้ว่า “นกปากห่าง” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง หากคุณเล่นงานพวกมัน ก็อาจโดนปรับได้

ประโยชน์ของหอยเชอรี่มีหรือไม่?

แน่นอนถ้ามองถึงประโยชน์ย่อมมี หากไม่นับเรื่องที่มันมีมูลค่าในตลาดปลาสวยงามแล้ว หอยชนิดนี้ก็กินได้ มันมีโปรตีนสูงถึง 34 – 53 % เหมาะสำหรับประกอบอาหาร และหากคุณไม่กินหอยชนิดนี้ ก็เอาไปทำอาหารสัตว์ เพื่อใช้เลี้ยง เป็ด ไก่ สุกร ก็ได้เช่นกัน

แต่ยังซะก็ไม่ควรบริโภคเนื้อหอยเชอรี่ ที่อยู่ในบริเวณใกล้โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสีย หรือบริเวณพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช

มีหอยที่มาก่อนหอยเชอรี่หรือไม่?

แน่นอนว่ามี โดยชนิดเด่นดังคงเป็นหอยที่ชื่อว่า หอยทากยักษ์แอฟริกา (giant African snail) มันเป็นหอยที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ 2500 ในฐานะสัตว์เลี้ยงแปลกประหลาด

และหอยชนิดนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับหอยเชอรี่ ตรงที่มันเป็น 1 ใน 100 สายพันธุ์เอเลี่ยนที่เลวร้ายที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย มันอาจเป็นภัยพิบัติน้อยกว่าหอยเชอรี่ เพราะหอยทากยักษ์แอฟริกาเป็นหอยบก มันจึงไม่ค่อยชอบน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงมีปัญหากับนาข้าวน้อยกว่า

แต่หอยชนิดนี้กินดุมากทีเดียว อาจเพราะตัวใหญ่มาก และเป้าหมายส่วนใหญ่ของมันก็เป็นพืชผักที่อยู่บนบก ซึ่งมีมากกว่า 500 ชนิด ไมว่าจะเป็น มันสำปะหลัง โกโก้ มะละกอ ถั่วลิสง และถั่วชนิดต่างๆ แตงกวา แตงโม แน่นอนว่าไม้ดอกไม้ประดับที่คนไทยชอบปลูกก็โดนมันกินได้เช่นกัน

หอยชนิดอื่นที่พบได้ในนาข้าว

Advertisements

ในนาข้าวหรือในแหล่งน้ำจืดประเทศไทย เรายังสามารถพบกับหอยอีกหลายชนิด เช่น หอยขมหรือบางพื้นที่จะเรียกว่าหอยจุ๊บ จัดเป็นหอยที่สำคัญชนิดหนึ่งของคนไทย พบเห็นได้บ่อยในตลาด เป็นหอยที่นิยมนำมาทำอาหารอย่าง แกงคั่วหอยขม แกงอ่อมหอยขม เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมี หอยเวียน, หอยเจดีย์, หอยกาบ ซึ่งทั้งหมดก็มีทั้งคุณและโทษ แต่ก็ยังดีกว่าหอยเชอรี่ และแน่นอนว่าพวกมันก็ได้รับผลกระทบจากนกปากห่างที่มีมากเกินไป ประกอบกับสารเคมีที่มนุษย์ฉีดเพื่อกำจัดหอยเชอรี่ …และตอนนี้พวกมันในธรรมชาติก็ลดจำนวนไปอย่างมาก

สรุปคือตอนนี้ …หอยเชอรี่โดนคู่แท็กทีมอย่างมนุษย์ซึ่งเป็นคนไทย ผู้มีเมนูเด็ดมากมายที่จะเปลี่ยนหอยที่เคยกินเกือบไม่ได้ ให้กลายเป็นมื้ออาหารสุดหรูได้อย่างง่ายดาย และยังมีอาวุธชีวภาพที่คอยฉีด ประกอบกับหอยพวกนี้ยังโดนนกปากห่างหายแสนตัว ที่ประจำการอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ค้นหาและจับกินทุกวัน จนทำให้คนไทยอย่างพวกเรา จำเป็นเลี้ยงหอยเชอรี่เพิ่มเพื่อให้พอกิน ให้มีพอส่งร้านส้มตำ

และหากถามว่านกปากห่างกินได้หรือไม่? ก็ต้องกินได้อยู่แล้ว ผมเองก็เคยเห็นคนเอาหนังสติ๊กยิงนกชนิดนี้เพื่อเอาไปกินอยู่เหมือนกัน เห็นเขาว่าเนื้อไม่ค่อยจะมีกินกันตายได้ เลยไม่ค่อยนิยม และผมก็ไม่แนะนำให้กินด้วย เพราะยังไงซะนกชนิดนี้ก็เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements