ตอนที่ 9 ผจญภัยในป่าใหญ่ : ยุงป่าตัวแสบ

แสงแดดในยามบ่าย ส่องลอดผ่านช่องใบไม้ที่หนาทึบ เกิดเป็นลำแสงขนาดต่างๆ ตามความกว้างของช่องใบไม้เหล่านั้น ครั้นเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน จึงก่อให้เกิดแสงที่ส่องลงมาบนพื้น เต้นไหวระยิบระยับดูสวยงาม ราวกับใครเอาลูกบอลติดกระจกตามบาร์มาผูกไว้กลางป่า แต่เมื่อมีเมฆลอยมาบดบังดวงอาทิตย์ แสงระยิบระยับที่ดูสวยงามนั้น ก็กลับหายไป

จากความสวยงามน่าชื่นชม กลับมาเป็นความทึบทะมึนดูน่ากลัวราวกับอยู่ในก้นเหวของนรก บรรยากาศที่อบอ้าวราวกับอยู่ในตู้อบ ผสมกับกลิ่นของใบไม้เน่าที่ทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้หายใจหายคอไม่ค่อยสะดวกนัก ทุกคนจึงโทรมไปด้วยเหงื่อ เพราะอากาศที่ร้อนบวกกับเดินกันมาเกือบจะสองชั่วโมงแล้วโดยไม่ได้หยุดพัก จนพรานเบพาเดินตัดมาถึงเนินเตี้ยๆ ลูกหนึ่งซึ่งดูโปรงกว่าที่อื่นๆ เพราะไม่มีต้นไม้เล็กขึ้นอยู่เลย คงมีแต่เถาวัลย์ขนาดใหญ่ ทอดผ่านไปมา ห้อยโยงเหมือนกับงูยักษ์จากนรก พรานเบซึ่งเป็นคนนำทางมาถึง ก็สั่งคณะเดินทางให้หยุดพักทันที

บ๊ะ ทำไมมันร้อนฉิ บหายแบบนี้ว่ะ พรานชราบ่น พลางเอาผ้าขาวม้าปาดเหงื่อเม็ดโตบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น

หวังว่าฝนคงจะไม่ตกนะ น้าเบ สิงห์ร้องถามพรานนำทาง

ไม่ตกหรอก อยู่ก้นหุบมันก็แบบนี้ล่ะพรานเบพูดพลางส่ายหัว

อบๆอ้าวๆแบบนี้สิดี ไอ้สิงห์ เห็ดโคนชอบเหน๋อเพื่อนเกลอร้องทักมาอีกคน

เจอก็ดีสิ แต่เสียอย่างเดียว ยุงเยอะไปหน่อยว่ะ สิงห์เสวนาตอบ

นอกจากยุงที่มีอยู่ชุกชุมในหุบนี้แล้ว พวกแมลงดูดเลือดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเหลือบ และทาก ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน จึงทำให้คณะเดินทางเกือบจะทุกคนเกิดความรำคาญ โดยเฉพาะยุงที่บินตอมหัวหูอยู่ให้หึ่ง ที่บินตอมก็ตอมไป ที่กัดกินเลือดตามเนื้อตามตัวก็โดนกันทั่วหน้า บางคนก็หักกิ่งไม้มาปัด บ้างก็อัดยาเส้นจนควันโขมงจึงได้ผลประโยชน์สองต่อ คือได้ทั้งดูดยาและได้ควันไล่ยุง

จะสามโมงครึ่งแล้ว หวังว่าเราคงจะเดินทะลุดงนี้ไปได้นะ น้าเบ สิงห์พูดจบหลังจากยกนาฬิกาพรายน้ำขึ้นดู

อีกไม่ไกลหรอกไอ้สิงห์ ข้าว่าอีกไม่เกินชั่วโมงก็น่าจะถึง หรืออย่างช้าก็ไม่น่าจะเกินห้าโมงเย็น ถ้าไอ้เบมันไม่พาหลงเสียก่อน ฮาๆ พรานเฒ่าพูดจบก็นั่งมวนยาเส้นขึ้นสูบ

แก ก็พูดไปตาโส่ย เดี๋ยวไอ้เบมันก็แกล้งพาเดินเล่นในหุบนี้ ไม่ต้องไปไหนกันพอดีพรานพรโพล่งออกมา

แค่นี้ยุงก็จะหามฉันตายห่าแล้ว รีบๆ ไปกันเถอะ ยุงกัดฉันลายไปทั้งตัวเลยเคิ้งบ่นพลางใช้ใบไม้ปัดตามเนื้อตามตัวไม่หยุด

ปัดโถ่…ผมก็เพิ่งนึกออก ว่าผมเอาสเปรย์กันยุงมาด้วย ฮาๆ สิงห์พูดพรางหัวเราะเสียงดัง หลังจากควาน หาสเปรย์ฉีดกันยุงจากเป้ ที่ตอนนี้ถูกปลดลงจากบ่า

มันน่านัก ไอ้ห่าปล่อยให้ข้าถูกยุงกัดอยู่ได้ ยิ่งผอมๆ อยู่พรานชราทำตาโตใส่ พร้อมกับคว้ากิ่งไม้แห้งผุๆคว้าใส่สิงห์ ซึ่งตอนนี้กำลังใช้สเปรย์ฉีดไปตามร่างกายของตัวเอง แต่มันเป็นการกระทำโดยไม่ได้ตั้งใจให้โดน เพราะมันห่างจากหัวของสิงห์ร่วมสองวา

เอ๊า! รับ ลุงโส่ย ผมมีอยู่อีกขวด แบ่งๆกันใช้สิงห์พูดพรางโยนสเปรย์กันยุงให้พรานชราอีกขวด

มันกันทากได้หรือเปล่า พี่สิงห์ ไอ้สะปงสะเปนี่พุ่มถามหลังจากรับสเปรย์จากพรานโส่ย

อาจจะได้นะพี่ว่า แต่คงต้องฉีดกันบ่อยๆ อีกอย่างพี่มีติดมาแค่สามขวดเองพรานมือใหม่หันไปตอบ

ยาเส้นไงไอ้พุ่ม เอ็งลืมไปแล้วหรือไง ทำยังกับคนไม่เคยเที่ยวป่า เคิ้งหันมาพูดอีกคน

ข้ารู้แล้วว่ายาเส้นมันก็กันทากได้ ข้าแค่อยากรู้ว่าสะเปของพี่สิงห์มันจะใช้แทนยาเส้นละลายน้ำที่เราใช้ๆกันหรือเปล่า ไอ้เคิ้งพุ่มสวนมาทันควัน

เถียงกันจบหรือยังเอ็งสองตัว! ข้าจะได้ให้เถียงกันให้จบก่อน ไอ้ห่ ายิ่งร้อนๆอยู่ เดี๋ยวพ่อเตะเรียงตัวเลยพรานเบพูดพรางทำท่าจะเตะ แต่ไอ้กะเหรี่ยงสองตัวก็ไว้ยังกับลิง พรานเบเลยได้แค่เตะลมฟรี เพราะเป้าหมายที่แกจะเตะโดดหลบไปเสียก่อน เลยทำให้คนที่เห็นพากันหัวเราะชอบใจ เพราะนานๆทีจะเห็นพรานเบไล่เตะเด็กสองคน

ไปๆเดินทางกันต่อ เดี๋ยวจะมืดจะค่ำเสียก่อนพรานเบพูดจบ หลังจากใช้เท้าขยี้ก้นยาเส้นที่แกโยนลงพื้นจนดับสนิท

ขบวนเดินทางท่องไพรจึงเริ่มอีกครั้งเมื่อตอนเกือบจะสี่โมงเย็น หลังจากเดินลัดมาตามตีนเนินนั้น เส้นทางเดินสามารถเดินได้อย่างสะดวกเพราะไม่มีไม้เล็กขึ้นเลย คงเป็นเพราะต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเบียดเสียดกันจนหนาทึบ จนไม้เล็กไม่สามารถเจริญเติบโตขึ้นได้ จะมีเยอะเป็นพิเศษก็พืชจำพวกเถาวัลย์ ที่พอจะอาศัยพันต้นไม้ใหญ่เหล่านั้น เพื่ออาศัยแสงแดดบนยอดไม้ใหญ่เหล่านั้น และพวกกล้วยป่า ที่ขึ้นให้เห็นอยู่ห่างๆ ลำต้นไม่ใหญ่โตเหมือนที่พบเจอด้านนอกดงทึบ

ผิดกับในดงนี้ลำต้นดูผอมสูงผิดขนาดเห็นได้ชัด เหมือนคนขาดสารอาหาร ต้นไม้บางต้นก็ยืนต้นตายก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ราวกับว่าคณะเดินทางทั้งหมด ได้เดินเขามาในสุสานที่ปราศจากสิ่งมีชีวิต ทุกสิ่งที่เห็นอยู่รอบตัว ราวกับเป็นวิญญาณที่คอยจ้องมองสิ่งแปลกปลอมที่บังอาจบุกรุกเข้ามา นอกจากไม้จำพวกเถาวัลย์และกล้วยป่าแล้ว หวายที่มีหนามแหลมคมก็มีขึ้นเยอะเป็นจำนวนมาก ลำต้นของมันทอดยาวเกาะเกี่ยวกันไปมา หลายครั้งที่คณะเดินทางต้องเดินฝ่าเถาหนามหวายเหล่านั้น โดยมีพรานเบซึ่งเป็นคนเดินนำอยู่หน้าขบวน คอยใช้มีดฟันเปิดช่องทางให้พอจะเดินตัดผ่านไปได้

แต่ก็ไม่วายโดนหนามของมันเกี่ยวเนื้อเกี่ยวตัวได้เลือดกันทุกคน ส่วนที่สบายที่สุดคงจะเป็นหมาสองตัว ที่ไม่ต้องเดินลุยดงหวายด้วย เพราะพวกมันพากันเดินตันสันเขาไปกันเอง ตัดจากดงหวายออกมาแล้ว สภาพป่าที่คณะเดินทางฟันฝ่าออกมา มีความเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด จากป่าที่ดูทึบและอบอ้าวหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวกนัก ก็เริ่มโปร่งมากขึ้น ไม้ใหญ่และเถาวัลย์หลายต้นที่ขึ้นเบียดเสียดกันจนแน่นทึบ ก็ขึ้นห่างต้นกันเรื่อยๆ

ส่วนทางที่เคยเดินกันอย่างสะดวกตอนที่อยู่ในดงทึบ มาบัดนี้ก็ชักจะไม่สะดวกแล้ว เพราะป่าเริ่มจะรกขึ้นทุกที อันเนื่องมาจากป่าโปร่งขึ้น ไม้เล็กไม้น้อยจึงขึ้นกันเป็นดง ทั้งสาบเสือหนามเล็บเหยี่ยว เถาวัลย์ และที่มีมากเป็นพิเศษคงจะเป็นต้นกระวาน แต่ละต้นสูงท่วมหัว เสียงสรรพสำเนียงของป่าก็มีให้ได้ยินอยู่ตลอดการเดินทาง ผิดกับที่อยู่ในดงทึบที่เงียบจนหูดับ

นกป่านานาชนิดส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ผสมกับเสียงแมลงหลากหลายพันธุ์ ที่พากันกรีดปีกบรรเลงไพร เคล้ากับสายลมเย็นๆที่พัดผ่านยอดไม้ให้ไหวเอน ราวกับเกลียวคลื่นในท้องทะเล กระรอกแดงตัวหนึ่งส่งเสียงร้องลั่นมาจากยอดไม้สูง ที่ใดที่หนึ่งอยู่ไม่ไกลจากขบวนของคณะเดินทาง พร้อมๆกับเจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบอง พากันเห่า พวกมันพากันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนยอดไม้ บางครั้งก็ทำท่าจะปีนให้ได้ แต่ก็ทำได้แค่เพียงกระโดดเอาขาหน้าตะกุยต้นไม้เท่านั้น

ไป๊ๆ เอ็งสองตัวก็เหลือเกิน เสือกจะมาขยันอะไรเอาตอนนี้ ทีวันก่อนข้าเรียกแทบเป็นแทบตาย ไม่เสือกจะตามมาพรานเบตวาดหมาสองตัว หลังจากโดนเจ้านายเทศนาไปหลายชุด ก็พากันเดินคอตก แต่ก็ไม่วายหันมามอง ถ้าอ่านความคิดของมันได้ มันคงจะบอกว่า ทีข้าหาของกินให้เอ็งก็เสือ กไม่เอา

แหนะๆ มีค้อนด้วย ฮาๆ สิงห์หัวเราะชอบใจ ที่เห็นเจ้าพะเปรียวหันมามองหน้าพรานเบ ก่อนที่มันจะวิ่งหนีไป

เดี๋ยวถ้าไม่มีอะไรกิน ก็กินมันทั้งสองตัวนั้นแหละไอ้เบ ฮาๆ พรานชราร้องบอกมาจากทางท้ายขบวน

แกกินคนเดียวแล้วกันตาโส่ย ข้าไม่เอาด้วยหรอก ให้ข้ากินหมา ข้ายอมอดตายดีกว่า พรานแปะตอบมาจากทางด้านหัวขบวน

พวกเราคงไม่ซวยขนาดต้องกินหมานะ สิงห์พูดพลางหัวเราะ

ถ้าไม่มีอะไรกิน ก็กินตาโส่ยก็ดีเหมือนกันข้าว่า พรานพรแซวมาอีกคน

โอ้ย..จะกินได้เหรอ ฉันว่าหนังคงเหนียวยิ่งกว่ายางรถยนต์ ขนาดไก่แก่ๆยังเคี้ยวไม่ค่อยจะเข้า จะให้กินตาโส่ยคงนั่งเคี้ยวกันจนฟันหลุด ก๊าก ฮาๆ คำพูดของพุ่มเล่นเอาทั้งคณะขำกันตัวงอ โดยเฉพาะคนพูดลงไปนอนชักดิ้นชักงอหัวเราะชอบใจอยู่กับพื้น

หน็อยๆ ทำเป็นปากดีไปไอ้พุ่ม เอ็งไม่แก่แบบข้า เอ็งไม่รู้หรอกพูดจบแกก็บ้วนน้ำมากลงพื้น

อย่าไปว่ามันเลยลุงโส่ย ไอ้พุ่มมันไม่รู้อะไรเลย ถึงจะแก่แต่ก็แก่ประสบการณ์สิงห์หันมาพูดกับพรานชรา ที่ตอนนี้เดินงุ่มง่ามอยู่ท้ายขบวน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะคุยอะไรกันต่อ เจ้าพุ่มก็ร้องเสียงหลง

โอ้ย…แตนต่อย อือหือรังเบ้อเริ้มเลยพูดจบเจ้าตัวก็วิ่งจนป่าแทบราบ เพราะตอนที่ตัวเองลงไปนอนขำตาพรานเฒ่า เผอิญเป้ที่สะพายมาไปเกี่ยวเข้ากับกิ่งสาบเสือที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีแตนไปทำรังอยู่ ไม่เพียงแต่เจ้าพุ่มคนเดียวที่วิ่งป่าราบ คนที่อยู่ใกล้ๆก็พาลวิ่งตามกันไปด้วย ทั้งเจ้าเคิ้ง เหน๋อ และพรานพร ต่างก็วิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง มีแต่ตาพรานเฒ่าคนเดียวที่ยืนหัวเราะชอบใจ

สมน้ำหน้ามึงไอ้พุ่ม เวรกรรมมันมีจริงเว้ย ฮาๆพรานชราหัวเราะชอบอกชอบใจพลางใช้ผ้าขาวม้าเช็ดน้ำหมาก

น้าเบก็เดินมาก่อนไม่ยักกะโดน อูยย…พุ่มทำเสียงครางน่าสงสาร

เดี๋ยวมึ งเจอกูเจ้าพุ่มพูดจบก็ชักมีดที่เหน็บเอวออกมา จากนั้นก็เดินดุมๆไปที่กอกล้วยป่า ก้มๆเงยๆอยู่สักพัก ก็เดินถือใบตองแห้งมาสองก้าน จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก บรรจงจุดไฟเข้าที่ใบตองแห้งอย่างใจเย็น

ต่อยกู มึงเจอพระเพลิงพูดจบก็เดินโบกก้านใบตองแห้ง ที่ตอนนี้มีไฟลุกฮืออยู่ ไปยังตำแหน่งของรังแตนขนาดเขื่อง เพียงแค่กระสาไอไฟที่ร้อนระอุ ฝูงแตนที่ตอนนี้เกาะเป็นกระจุกอยู่ที่รังขนาดเท่ากำปั้นนับสิบๆตัว ก็แตกฮือบินไปคนละทิศคนละทาง บางตัวก็ร่วงหล่นอยู่ที่พื้น ตัวไหนโชคไม่ดีหนีไม่ทันก็โดนไฟเผาจนตัวหงิกงอ หลังจากจัดการกับรังแตนจนหายแค้น เจ้าพุ่มก็ไม่ทิ้งรังแตนที่มีตัวอ่อนให้เสียเปล่า

ถึงว่าทำไมมันดุจัง ตัวอ่อนเพียบเลยพูดจบก็ดึงตัวอ่อนในรังโยนเข้าปากกินหน้าตาเฉย

โดนตรงไหนบ้างวะไอ้พุ่ม สิงห์เดินมาดูอาการ พร้อมกับควักยาหม่องส่งให้เจ้าพุ่ม ซึ่งตอนนี้บริเวณริมฝีปากและขอบตาเริ่มจะบวมให้เห็นแล้ว

เหตุการณ์ชุลมุนผ่านไป โดยสรุปว่าคนที่โดนแตนเจ้ากรรมต่อยมีอยู่คนเดียวคือเจ้าพุ่ม ซึ่งโดนคนเดียวถึงสามที่ คือบริเวณริมฝีปาก โหนกแก้มขวา และขอบตาซ้าย ส่วนเจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงความเจ็บปวดอะไรออกมามาก ที่ร้องเสียงหลงคงเป็นเพราะความตกใจเสียมากกว่า

ขนาดผึ้งหลวงตัวน้องๆ ต่อ เจ้าพุ่มยังเฉยๆ นับประสาอะไรกับแตนตัวเล็กๆ นิดเดียว เรื่องนี้สิงห์เองก็เห็นมากับตามาแล้ว เมื่อครั้งที่ติดตามพรานกะเหรี่ยงไปดูวิธีการตอกทอยเก็บน้ำผึ้ง และเป็นครั้งแรกที่สิงห์ได้เห็นวิธีการและขั้นตอนต่างๆ และเพิ่งจะรู้เองว่า น้ำผึ้งป่าที่ชาวบ้านนำออกมาขายขวดละไม่กี่ร้อยบาท มันไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย เพราะกว่าจะตอกทอยเพื่อจะปีนขึ้นไปตีผึ้ง ไหนจะเสี่ยงกับชีวิตของตัวเอง ถ้าพลาดตกลงมา ไม่ตายก็เหลว เพราะต้นไม้ที่ผึ้งหลวงชอบทำรังแต่ละต้นมันไม่ได้เตี้ยๆ ลำพังตัวคนเดียวก็หมดเวรหมดกรรมไป แต่ถ้ามีลูกเมียด้วยแล้วก็ไม่ต้องพูดคงจะลำบากน่าดู

เมื่อทุกอย่างเป็นปกติดีแล้ว พรานเบก็พาเดินตัดดงกระวานออกมา พื้นดินบริเวณนี้เริ่มมีความชื้นแฉะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นที่ราบต่ำ กล้วยป่า บอนป่า และผักกูด ก็มีให้เห็นหนาตามากขึ้น กล้วยป่าบางกอมีร่องรอยถูกช้างป่ากระชากจนแหลกลาญ นอกจากช้างป่าที่ทิ้งร่องรอยและขี้ของมันไว้ให้ดูต่างหน้าแล้ว รอยขุดคุ้ยของหมูป่าก็มีให้เห็นมากขึ้น

ทั้งเก่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน และแบบยังใหม่ๆเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง บางช่วงก็เป็นปลักโคลน ก็มีร่องรอยของหมูป่าลงไปนอนแช่ ทุกคนในคณะเดินกันอย่างทุลักทุเลเพราะพื้นดินเริ่มเป็นโคลนเฉอะแฉะ แต่เส้นทางที่เดินก็ไม่รกมากนัก อาจเป็นเพราะพื้นดินบริเวณนี้ชุ่มน้ำมากเกินไปจนพื้นไม่สามารถเจริญเติบโตได้ มีเพียงไม้ป่าบางชนิดเท่านั้นที่สามารถขึ้นได้ในที่แฉะๆ แบบนี้

โดยเฉพาะบอนป่า มีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ ปะปนกันไปหลากหลายสี กูดแต่ละต้นก็มียอดใหญ่อวบน่ากิน จนสิงห์คันไม้คันมืออยากจะเก็บ แต่ครั้นจะเก็บก็กลัวว่ากว่าจะถึงที่พักก็จะเหี่ยวเฉาเสียเปล่าๆ เสียงหวีดหวิว ของนกกางเขนดงดังจากพุ่มไม้เบื้องหน้า มันคงตกใจการมาของคณะเดินทาง ที่เผอิญเดินผ่านรังของมัน เคิ้งที่เดินอยู่ใกล้สุดชี้มือให้สิงห์ดูรังของนกกางเขนดง ที่มันทำรังซุกไว้ ภายในรังมีไข่อยู่สองฟอง และคงอีกไม่นานป่าบริเวณนี้คงจะได้สมาชิกเพิ่มขึ้นอีกสองชีวิต

ใกล้ถึงแล้วนิ เพิ่งจะสี่โมงสี่สิบห้าเองสิงห์พูดหลังยกนาฬิกาขึ้นมาดู

ไม่เกินชั่วโมงก็ถึง ข้าว่าจะพาขึ้นไปนอนกันแถวๆที่ข้ามาครั้งที่แล้วพรานเบตอบ พูดจบแกก็เอาปืนที่สะพายมาออกไปวางพิงไว้กับต้นไม้ จากนั้นก็เดินไปวักน้ำล้างหน้าล้างตา

ปีนี้น้ำเยอะกว่าทุกปี คืนนี้น่าจะส่องปลากันเพลิน พรานพรพูดจบก็วักน้ำในลำห้วยสายเล็กๆขึ้นดื่ม

น้ำเยอะๆสิดีไอ้พร ข้าว่าจะทำลอบดักปลาสักหน่อย ดีไม่ดีอาจจะได้ตะพาบน้ำสักตัวพรานชราเสนอความคิด

มันจะมีเหรอตะพาบน้ำ ป่านนี้ไม่สูญพันธุ์ไปหมดแล้วรึสิงห์พูดจบก็ยกน้ำในกระติกขึ้นดื่ม

ทำไมจะไม่มีพี่สิงห์ ผมกับไอ้เคิ้งได้ประจำ จะตัวเล็กตัวใหญ่แล้วแต่ดวง ครั้งที่แล้วยังล้วงได้ตัวเกือบกิโลพุ่มซึ่งบัดนี้ตาข้างซ้ายปิดเกือบสนิทพูดออกมา พูดไปพลางก็เอามือจับปากที่บวมเจ่อไปพลาง

มันชุมขนาดนั้นเลยหรือ แบบนี้พวกกบทูด คงจะมีนะสิงห์พูดตาเป็นประกาย

ขนาดตะพาบยังมี เอ็งไม่ต้องกลัวที่จะไม่มีกบทูด เอาง่ายๆคืนนี้เอ็งได้สนุกแน่ไอ้สิงห์พรานแปะพูดเสริมมาอีกคน พูดจบแกก็ล้วงห่อยาเส้นจากกระเป๋าเสื้อมาม้วน

คืนนี้เราไม่ต้องเดินส่องสัตว์อะไรให้เหนื่อยก็ได้ ลำพังไก่ป่าสองตัวนี้ก็เหลือเฟือเหน๋อเพื่อนเกลอพูดพลาง บุ้ยปากไปที่ย่ามที่ตัวเองสะพายมา

หาส่องกบส่องปลาก็พอแล้ว น่าจะชุม ปลาหามาเยอะๆหน่อยก็ดี ข้าจะเอามาทำปลาแห้งรมควัน จะได้เก็บไว้กินได้หลายๆวันหน่อยพรานแก่ประสบการณ์เสนอเมนูแรก

ชักเริ่มจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ ถ้ามันชุมขนาดนั้น คงเดินส่องกันเพลินไปเลยสิงห์ออกอาการคันไม้คันมือ

เออ..ว่าแต่น้ำมันลึกหรือเปล่าแถวที่เราไปพักสิงห์หันไปถามพรานเบ ที่ตอนนี้กำลังยืนสูบยาเส้นอยู่

มันก็มีเป็นช่วงๆ แต่ลึกอย่างมากก็ไม่เกินเอว ลึกๆสิดีปลาเวียนตัวใหญ่ๆชอบอยู่ ตื้นๆมีแต่ตัวเล็กๆพรานเบพูดพลางทำไม้ทำมือประกอบคำอธิบาย

ลึกๆแบบนั้นจะลงไปจับมันยังไง ไม่เปรียวแย่ ถ้าเอาแหมาด้วยก็ว่าไปอย่างสิงห์พูดขณะยืนกอดอก โดยอีกมือลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด

เดี่ยวพี่ก็จะได้เห็น ผมกับไอ้พุ่มจะจับมาให้พี่ย่างเกลือเอง เคิ้งพูดขณะเคี้ยวหมากอยู่หยับๆ
คงไม่จำเป็นที่สิงห์จะต้องไปพิสูจน์ให้เห็นชัดกับตาตัวเอง เพราะรู้ๆ ฝีมือของเด็กกะเหรี่ยงสองคนนี้อยู่แล้ว อ้นขุดรูลึกขนาดไหน ก็ยังสามารถเอาตัวมากินได้ โดยไม่ต้องเสียแรงขุดแม้แต่นิดเดียว

นับประสาอะไรกับปลาเวียนที่ว่ายให้เห็นตัวขนาดนั้น ถึงน้ำจะลึกถึงเอวก็ตามที ซึ่งอีกไม่นานสิงห์ก็คงได้ประจักกับสายตาตัวเองอีกไม่กี่อึดใจนี้ หลังจากพักเหนื่อยกันพอสมควร พรานเบก็พาออกเดินอีกครั้งหนึ่ง โดยพาเดินลัดเลาะไปตามลำห้วยสายนั้น ในลักษณะทวนกระแสน้ำ ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นแนวของสันเขาที่ตั้งเป็นกำแพงสูงมหึมาที่ทอดยาวขนานกับตีนเขาฝั่งที่คณะทั้งหมดเดินอยู่

กำแพงหินขนาดใหญ่ หรืออีกนัยหนึ่งคือหน้าฝาหินที่เกือบจะตั้งฉาก ราวกับถูกขวานยักษ์จามไว้ ซึ่งบางช่วงถูกปกคลุมไปด้วยพืชจำพวกมอส์รและเฟิร์นข้าหลวง ที่ขึ้นประดับไว้อย่างสวยงาม บางช่วงก็มีสายน้ำเล็กๆไหลผ่านมาตามรอยแตกร้าวของหน้าผานั้นทำให้ดูสวยงามขึ้นไปอีก บางแห่งก็อยู่สูงขึ้นไปมาก จนสายน้ำที่ไหลรินออกมาแตกเป็นละอองฝอยเล็กๆ

ยิ่งมีลมที่พัดมาตามช่องเขานั้นแล้วยิ่งทำให้อากาศบริเวณนี้เย็นสดชื่นขึ้นไปอีก สิงห์สูดอากาศที่มีละอองน้ำผสมอยู่จางๆเข้าปอดลึก เขาทอดสายตาสูงขึ้นไปตามหน้าผาที่สูงชัน ซึ่งตอนนี้มีแสงอาทิตย์สีส้มอ่อนๆจับสะท้อนอยู่อย่างสวยงาม ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายสะท้อนรับกับแสงของอาทิตย์อย่างมีความสุขราวกับว่าพละกำลังที่อ่อนล้าจะฟื้นกลับคืนมา…

ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป

Advertisements
แหล่งที่มาหนุ่มธุดงค์ไพร