ตอนที่ 27 ผจญภัยในป่าใหญ่ : เหล้าป่าดีกรีแรง

ณ บริเวณลานโล่งนั้นเอง ที่บุคคลทั้งแปดได้ใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว ถึงแม้ตอนนี้ท่องฟ้าจะมืดสนิทลงไปแล้วก็ตาม แต่ทุกคนยังต้องช่วยกันทำงานแข่งกับเวลา เมื่อไร้แสงอาทิตย์ให้แสงสว่างและความอบอุ่น ความหนาวยะเยือกและความมืดมิดจึงครอบงำ

ป่าเบื้องล่างที่ว่าเย็นยะเยือกแล้ว แต่สำหรับบนเขาแห่งนี้มันรุนแรงเป็นหลายเท่าทวีคูณ โชคยังดีที่กลางบริเวณแค้มป์พักยังมีกองไฟกองใหญ่ ที่พอจะส่งอายอุ่นและแสงสว่างให้ทั้งคณะได้ผ่อนคลาย นอกจากมนุษย์ทั้งแปดจะได้ประโยชน์จากกองไฟนั้นแล้ว หมาสองตัวที่ติดตามมาด้วยก็พลอยได้รับส่วนบุญเช่นกัน เพราะหลังจากไฟถูกก่อขึ้น พวกมันทั้งสองต่างมานอนขดอยู่ข้างๆก่องไฟนั้น

เมื่อมีแสงสว่างจากกองฟืนมาแทนที่แสงตะวันที่ลับหายไปแล้ว ไฟฉายที่ต้องใช้อย่างประหยัดจึงถูกเก็บไว้ เหลือเพียงไม่กี่ดวงที่ยังคงได้ใช้งานอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มของพ่อครัวหัวป่าสองสามคน ที่ต่างช่วยกันหุงข้าวหุงปลากันอย่างแข็งขัน เจ้าเคิ้งรับอาสาหุงข้าว โดยอีกมือข้างหนึ่งคอยประคองกระบอกน้ำขนาดใหญ่ ที่พรานพรพาดอิงไว้กับไม้ใหญ่อย่างมั่นคง

มือข้างที่เหลือคอยจับหม้อสนามไม่ให้ล้มคว่ำขณะเทน้ำ โดยมีกระบอกไฟฉายขนาดเล็กคาบไว้อยู่ในปาก ดูแล้วทุลักทุเลเอาการณ์ แต่เจ้าเคิ้งก็ทำเสร็จได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว เพียงไม่นานหม้อสนามทั้งสามใบ ก็ถูกแขวนบนราวเตรียมหุง เท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องข้าว ที่เหลือตอนนี้ก็คือกับข้าว

พรานโส่ยหลังจากรื้อเสบียงแห้งออกมากองไว้บนถุงปุ๋ย บนนั้นมีทั้งเนื้อเก้งย่างรมควันหลายก้อน ปลาย่างแห้งจนกรอบมีเหลืออยู่อีกสองไม้ และพริกแห้งเครื่องแกงต่างๆ แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ หัวปลีกล้วยป่าสามสี่หัว และหยวกกล้วยอีกสามท่อน แต่ละท่อนยาวเป็นศอก รวมถึงหน่อไม้อีกสี่หน่อ ที่ไม่รู้ว่าพรานโส่ยไปเก็บเอามาตอนไหน

แถวนี้มีกล้วยป่าด้วยรึ ลุงโส่ย

ไหนพี่พรว่าบนนี้ไม่มีกล้วยป่าไงล่ะ สิงห์ร้องถามพรานเฒ่า

ก็ถูกของมันแล้ว

ไม่มีหรอกแถวนี้ พรานชราตอบ พูดจบก็โยนหัวปลีสองหัวให้เจ้าพุ่มนั่งซอย

อ้าวแล้วลุงเอามาจากไหนล่ะ สิงห์ยังไม่หายสงสัย

ก็ข้างล่างนั้นไง เอ็งลืมไปแล้วรึ

ดงกล้วยที่พ่อเอ็งลุยไว้เป็นแปลงนั่นแหละ คำตอบของพรานโส่ย ทำให้สิงห์ถึงกับบางอ๋อ ซึ่งตัวเขาเองก็ลืมเสียอย่างสนิท ดงกล้วยป่าที่ช้างทั้งโขลงลุยไว้เรี่ยราดไปหมด นอกจากต้นของมันจะล้มระเนระนาดแล้ว ปลีและผล หรือเครือของมันก็กระจัดกระจายเกลื่อน ซึ่งพรานโส่ย คงเห็นและเก็บเอามาในตอนนั้น รวมถึงหน่อไม้ ที่พรานชราคงจะเก็บมาตามทางเช่นกัน

เอ็งมานี่ก็ดีแล้ว ข้าว่าจะให้เอ็งช่วยโขลกเครื่องแกงหน่อย พรานเฒ่าพูดจบก็ส่งครกไม้ไผ่ให้สิงห์

ยังเหลืออีกรึเครื่องแกง ตะไคร้กับมะกรูดก็ไม่มี

มีแต่พริกแห้งกะเกลือ แล้วก็ข่าอีกไม่กี่แว่น สิงห์ร้องถามพรานชรา

แล้วพริกกะเกลือมันไม่ใช่เครื่องแกงรึ

มีเหลืออยู่แค่นี้ก็ดีถมถืด พรานชราพูดจบ ก็ส่งถุงพริกแห้งให้สิงห์

อือ..ผมก็ลืมไป ฮาๆ

ว่าแต่จะทำอะไรกินล่ะ สิงห์ร้องถาม

มีเนื้อเก้งย่างแบบนี้ ข้าว่าจะแกงใส่หัวปลีเอาไว้ซดน้ำน่าจะเข้าท่า

ปลาย่างก็ยังเหลือ เอามากินกับน้ำพริกสักไม้ก็พอ

ผักหญ้าสักอย่างสองอย่าง คงพอกินกัน พรานเฒ่าพูดจบก็โยนหยวกกล้วยและหน่อไม้ที่แกเก็บมาใส่ไปในกองไฟ โดยไม่ระวัง หน่อไม้หน่อหนึ่งกระเด็นไปฟาดเข้ากับขาไม้ค้ำราวหม้อสนามที่พาดอิงอยู่ จนน้ำในหม้อสนามกระฉอกใส่กองไฟดังฉ่า เกือบจะล้มคว่ำทั้งราว โชยดีที่พรานแปะนั่งอยู่ใกล้ๆกระโจนคว้าไว้ได้ทัน เล่นเอากะเหรี่ยงที่เห็นเหตุการณ์ร้องเสียงหลง

ปัดโถ่! เดี๋ยวก็ไม่ได้กินกันพอดีตาโส่ย

ข้าวปลาไม่ค่อยจะกะไรเลยนะแก

ลองเป็นเหล้าหน่อยล่ะ แตะไม่ได้ ประโยคหลังของพรานแปะ ทำเอาทุกคนพากันหัวเราะ

เออ เอ็งพูดถึงก็ดีเลย มา เอามาให้ข้าซดสักจอกสองจอกสิ

หนาวฉิ บหาย พรานโส่ยร้องบอก พรานแปะเองก็เหมือนจะรู้ใจอยู่ก่อนแล้ว รีบรินเหล้าป่าใส่จอกไม้ไผ่ให้แกหนึ่งจอก แต่แทนที่พรานเฒ่าจะยกขึ้นดื่มอย่างที่แกว่า แต่แกกลับทำปากขมุบขมิบแล้วค่อยๆเทเหล้าป่าจอกนั้นลงพื้น

ให้เจ้าป่าเจ้าเขา เขาก่อน

เอ้า! ทีนี้ถึงคิวเจ้าพ่อ พรานโส่ยพูดจบ ก็ส่งจอกเหล้าให้พรานแปะรินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พรานเฒ่าไม่ได้เททิ้งอย่างครั้งก่อน แต่แกกลับยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด เจ้าพ่อที่แกว่าก็คือตัวแกเองนั้นเอง

เมื่อเหล้าป่าดีกรีแรงเข้าไปอุ่นอยู่ในท้องจนร้อนวูบวาบคนละจอกสองจอก ความสนุกคึกครื้นจึงก่อตัวขึ้นกลางดงทึบ หลังจากตรากตรำอย่างหนักในการเดินทางมาอย่างยาวนาน ช่วงเวลาของการพักผ่อนหย่อนคลาย จึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกคน ดูว่าน่าจะมีความสุขที่สุด ถึงแม้จะสบายสู้นอนอยู่ที่บ้านไม่ได้ แต่ทุกคนก็เลือกที่จะมาลำบาก

เพราะมีจุดประสงค์และความชอบเหมือนๆกัน คือรักในการผจญภัย ต่อให้ต้องนอนกลางดิน กินกลางทราย ทุกคนก็ยอม กลิ่นเครื่องแกงในหม้อ ซึ่งกำลังเดือดส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ช่วยเรียกน้ำย้อยในกระเพาะ ที่มีเหล้าป่าไปกระตุ้นความหิว และดูเหมือนว่ามันจะไปเร่งความหิวขึ้นไปอีก เนื้อเก้งย่างที่เตรียมมาถูกเทลงหม้อน้ำแกงเดือด เกือบจะพร้อมๆกับหัวปลีซอย เพราะเนื้อเก้งที่ย่างมาเกือบสุกหมดทั้งก้อน คงมีแต่ส่วนภายในของก้อนเนื้อที่หนา ที่ยังไม่สุกดี ดังนั้นเพียงเวลาไม่นาน แกงเนื้อเก้งใส่หัวปลีก็สุกส่งกลิ่นหอม

นอกจากหม้อต้มแกง ที่ถูกยกมาวางพักไว้บนเตาสามเส้าแล้ว หน่อไม้และหยวกกล้วยป่า ที่ถูกเผาไฟจนดำปี๋ พรานแปะใช้ไม้เขี่ยออกมาจากกองไฟ หลังจากใช้ไม้เคาะและขูดขี้เถ้าออก จากนั้นจึงค่อยๆบรรจงลอกเปลือกที่ไหม้ไฟจนดำของหน่อไม้ออก เหลือแต่เนื้อสีเหลืองส่งควันคลุ้ง ก่อนที่จะฉีกเป็นริ้วๆ ส่วนหยวกกล้วยขนาดเท่าท่อนแขนตอนยังสดอยู่ พอถูกเผาไฟแล้วปลอกส่วนที่ไหม้ออก ก็เหลือส่วนที่กินได้ใหญ่กว่าถ่านไฟฉายนิดเดียว เท่านี้ก็ได้ผักแนมน้ำพริกถ้วยใหญ่

มาไอ้สิงห์ มากินข้าวกินปลาเสียก่อน พรานโส่ยร้องบอก หลังจากยกห่อข้าวและกับข้าวห่อเล็กๆไปเซ่นเจ้าที่ แต่เมื่อหันหลังให้ทีไร เจ้าที่สี่ขาทั้งสองตัวก็ช่วยกันจัดการเรียบทุกที

อีกเดี๋ยวลุง กินกันก่อนเลย

ขอผูกเปลให้เสร็จก่อน สิงห์ร้องบอก ขณะผูกเชือกเปลเข้ากับต้นเสี้ยว

ผูกสูงขนาดนั้น เดี๋ยวเอ็งก็นอนหนาวตายกันพอดี

แค่นี้ก็พอ พรานเบร้องบอก หลังจากเดินผ่านมาทางสายเปลด้านหนึ่งของเขา จากนั้นก็ขยับปรับสายเปลของชายหนุ่มให้ต่ำลงไปอีก สิงห์เองก็เพิ่งจะมาสังเกตเห็นเปลของพรานกะเหรี่ยงคนอื่นๆ เปลทุกหลังก็ร่วนแล้วถูกผูกในตำแหน่งที่ต่ำมาก ถ้าขึ้นไปนอนคงสูงกว่าพื้นไม่เกินคืบ

ก่อนนอนก็ก่อไฟตรงปลายตีนกองเล็กๆ อีกสักกอง

บนนี้มันหนาวกว่าข้างล่างมาก

หรือดึกๆ ถ้าเอ็งทนหนาวไม่ไหว ก็ลงไปนอนข้างตาโส่ย ข้าเองก็เหมือนกัน พรานเบพูดจบหลังจากกระตุกสายเปลของสิงห์ เพื่อทดสอบความแน่นหนา ความจริงไม่ต้องให้พรานเบบอก สิงห์เองก็รู้ เพราะบรรยากาศตอนนี้ เย็นยะเยือกมากขึ้นทุกขณะ และจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หากมีลมพัดผ่านมา ส่วนจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน ตัวเขาเองก็เดาไม่ออก เพราะยังไม่เคยขึ้นมานอนบนนี้

อาหารเย็นที่ล่วงเลยเวลามาเกือบสองทุ่ม ท่ามกลางป่าดิบดงเถื่อน ในยามราตรีที่หนาวสะท้าน แต่ก็ดูอบอุ่นเป็นกันเองของเหล่าสมาชิกที่ร่วมท่องไพร ที่นั่งรายล้อมเป็นวงบนผืนผ้าใบผืนใหญ่ ซึ่งถูกปูแผ่บนลานดินกว้าง ข้างกองไฟ ที่ตอนนี้ลุกโชนส่งไออุ่นและแสงสว่างโพลงไปทั่วบริเวณ ทำให้ช่วยปัดเป่าความหนาวเย็นให้ลดลงไปได้บ้าง แสงสีเหลืองนวลตา ส่องประกายจับไปตามลำต้น และยอดใบของต้นไม้ ทั้งเล็กใหญ่ แลให้เห็นเป็นเงาวูบวาบทุกครั้งเมื่อเปลวไฟในกองฟืนโอนเอนไปมาตามแรงลม

สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านมาหลายระลอก ทำให้ยอดไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป ไหวดังซู่ซ่า บิดกลับไปมาเป็นดูมันขลับ เมื่อสะท้อนกับแสงไฟในกองฟืน อากาศหนาวเย็นดูเหมือนว่าจะเลวร้ายขึ้นทุกขณะ มาถึงตอนนี้เหล้าป่าที่แบกมาด้วยเป็นแกลลอนจึงถูกรินแจกจ่ายเหล่าสมาชิกคนละจอกสองจอก ช่วยให้เจริญอาหารกันทั่วหน้า จึงทำให้อาหารมื้อเย็นธรรมดาๆ เป็นไปด้วยความเอร็ดอร่อย

คืนนี้คงจะหนาวน่าดู

ขนาดยังไม่ดึกยังหนาวจนปวดกระดูก พรานชราร้องบอกหลังจากยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม

แล้วคืนนี้จะมีใครออกไปส่องอะไรกันหรือเปล่า สิงห์ถาม

ข้ากับไอ้แปะคุยกันแล้ว คืนนี้จะลองไปส่องดูแถวๆนี้

ไม่รู้จะได้เรื่องได้ราวอะไรหรือเปล่า พรานพรพูดจบ ก็ตักข้าวเข้าปาก

เอ็งสองคนล่ะ ไปกับเขาด้วยหรือเปล่า สิงห์หันไปถามสองกะเหรี่ยงหนุ่มที่นั่งเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย

ไปสิพี่

ว่าจะเดินส่องอะไรเล่นแถวๆนี้อยู่เหมือนกัน

พี่สิงห์ไปกับพวกผมไหมล่ะ ประโยคสุดท้ายเจ้าพุ่มหันมาร้องถาม

เอาสิ ดีกว่าอยู่เฉยๆ ชายหนุ่มรับคำเชิญ

อย่าออกกันไปไกลนักล่ะ

ระวังไปเจอพ่อพวกเอ็งเข้าให้ พรานโส่ยร้องทัก

ข้าก็ว่าอย่างตาโส่ย

พวกเอ็งอย่าทำเป็นเล่นไป ทางที่ดี ข้าว่าพวกเอ็งนอนเอาแรงไว้ดีกว่า

พรุ่งนี้คงต้องเดินกันหนัก พรานเบร้องเตือนมาอีกคน เมื่อเห็นว่ามีคนไม่เห็นด้วยถึงสองคน กิจกรรมส่องสัตว์ของเจ้าพุ่มและเจ้าเคิ้งจึงต้องยกเลิกไป ทำให้กลุ่มของพรานพรที่จะออกไปส่องไฟพลอยต้องยุติไปด้วย เพราะเหตุผลเดียวคือเรื่องความปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าช้างโขลงที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าไปหากินอยู่แถวไหน ดวงไม่ดีไปเดินส่องไฟทะเร่อทะร่าอยู่กลางโขลงแล้วจะยุ่ง

เมื่อกิจกรรมในยามค่ำถูกตัดไป หลังจากอาหารเย็นหมด เหล่าพรานกะเหรี่ยงทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน คนไหนผูกเปลไว้ก็ขึ้นไปนอนเล่นบ้าง นั่งสูบบุหรี่บ้าง กระจัดกระจายกันออกไป ตามมุมต่างๆที่ตัวเองผูกไว้ แต่ก็ไม่ห่างกันมากนักพอที่จะพูดคุยโต้ตอบกันได้ถนัด ส่วนคนไหนไม่ได้ผูกเปลนอนหรือยังไม่ได้เข้านอน ก็นั่งเล่นพูดคุยกันบนผ้าใบข้างกองไฟ รวมถึงพรานเบก็ลงไปนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้วย

เดินลงเนินนี้ไปอีกเกือบวัน

พวกเอ็งจะได้เห็นชายดงดำ พรานเบพูดพลางสูบบุหรี่ยาเส้นไปพลาง

ใกล้แล้วสินะ จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง

คิดแล้วก็ชักจะตื่นเต้น สิงห์ตอบ

แล้วเอ็งกะจะไปนอนแถวชายดงดำนั้นสักกี่คืน พรานเบหันมาร้องถามชายหนุ่ม ที่ตอนนี้นั่งกางมือผิงไฟอยู่ข้างๆ แต่ยังไม่ทันที่สิงห์จะร้องตอบ พรานโส่ยก็พูดขัดขึ้นมา

คืนสองคืนยังพอไหว

มากกว่านี้ ข้าวสารที่เอามา ข้าว่าคงไม่พอกินกัน

เอ็งอย่าลืมเอาข้ากลับด้วยล่ะ พรานชราร้องบอก พูดจบก็ล้วงหมวกไหมพรมออกมาสวมแก้หนาว

คงไม่เกินสองคืนหรอกลุง

ขืนอยู่นานกว่านั้น กลับไปที่ทำงานสงสัยเจ้านายไล่ผมออกพอดี ชายหนุ่มจากในเมืองร้องบอก

ก็ให้มันไล่เอ็งออกเลยสิ

ดีเสียอีก เอ็งจะได้มาอยู่ป่ากับข้า ฮ่าๆ พรานชราพูดจบก็ยกเหล้าป่าขึ้นจิบ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้ นอกจากไอความอุ่นของกองไฟ ที่ช่วยปัดเป่าความ
หนาวเย็นให้ทุเลาลงได้แล้ว เหล้าป่าดีกรีแรงในยามนี้ก็ช่วยได้เช่นกัน

ว่าแต่..เราต้องเดินกันเป็นวันเลยรึน้าเบ กว่าจะถึงชายดงดำที่น้าว่า

แล้วเส้นทางล่ะ เป็นป่ารกมากหรือเปล่า ชายหนุ่มร้องถามพรานนำทาง ที่นั่งผิงไฟอยู่ใกล้ๆ

ขึ้นอยู่กับพวกเรา ถ้าออกสายก็ถึงช้า

พ้นจากดงนี้ไป มันก็รกพอสมควร ยิ่งแถวๆชายดงนั้นแล้วไม่ต้องพูดถึง พรานเบตอบ พูดจบก็ยกบุหรี่ยาเส้นขึ้นสูบ

ผมก็คงจะแล้วแต่น้าเบล่ะกัน ว่าจะออกเดินกันกี่โมง

ทุกคนในนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าน้าเบแล้ว สิงห์บอก

จริงของไอ้สิงห์มัน ขึ้นอยู่กับเอ็งคนเดียว

จะไปกันสักกี่โมงกี่ยามล่ะ ข้าจะได้ตื่นมาหุงข้าวหุงปลาได้ถูก พรานชราร้องถาม พูดจบก็ซุนท่อนฟืนเข้าไปในกอง

ข้ากะว่าสักแปดโมงน่าจะทันถึง

แกคิดว่าจะเตรียมตัวทันหรือเปล่าล่ะ ข้าวปลาก็ทำเตรียมเผื่อไว้ต้อนเที่ยงด้วย จะได้ไม่เสียเวลาหุงหาอีก พรานเบร้องตอบ

ฮีโถ่! ถมถืด ทำไมจะไม่ทัน พรานชราร้องตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะยกเหล้าป่าในจอกที่เหลืออีกครึ่งลงไปอุ่นอยู่ในท้อง

แสงไฟในกองฟืน ที่เคยลุกโหมสว่างจ้าเมื่อตอนหัวค่ำ เริ่มมอดเปลวลงเมื่อดึกสงัด เหล่าพรานกะเหรี่ยงทั้งหลาย หลังจากนั่งคุยกันมาได้ค่อนคืน ก็พากันหลับใหล เพราะอากาศที่เย็นยะเยือกจนหนาว บวกกับความเหนื่อยล้าตลอดมาทั้งวันทำให้หลับกันอย่างง่ายดาย มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงนอนหนุนแขนตัวเองอยู่บนเปลสนามตาแป๋ว สายตาที่จับไปยังบริเวณชายป่าไปไกลอย่างปราศจากความหมาย

แสงไฟที่ริบหรี่ทำให้มองอะไรออกไปได้ไม่ไกลนัก ซึ่งหลังฉากที่เห็นเป็นลำต้นของต้นไม้ยืนเรียงรายซ่อนตัดกันไปมา ครั้นเมื่อมีลมพัดผ่าน จึงทำให้เงานั้นไหวโยกวูบวาบ ราวกับเงาของปีศาจที่สิงสถิตภายในต้นไม้เหล่านั้น ที่คอยผลุบโผล่ออกมาเหมือนจะหลอกหลอน เมื่อใกล้หมดแสง ความมืดทะมึนก็เริ่มกลืนกินไปทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับสรรพสำเนียงของพงไพรเมื่อตอนหัวค่ำที่พากันกู่ร้องไปมา ก็ค่อยๆเงียบเสียงลง นานๆครั้งจะได้ยินเสียงของสัตว์ป่าบางชนิดกู่ร้องขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง….

ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป

Advertisements
แหล่งที่มาหนุ่มธุดงค์ไพร