ตอนที่ 25 ผจญภัยในป่าใหญ่ : ลิง ค่าง บ่าง ชะนีป่า ที่ร้องโหยหวน

ช่วงที่รอเวลาให้ข้าวในหม้อสนามสุก พรานเบก็ร้องบอกให้เคิ้งและพุ่ม นำกระบอกไปเติมน้ำให้เต็ม รวมถึงพรานคนอื่นๆ ก็เช่นกัน โดยไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ สายน้ำที่ตกลงมาใสแจ๋วราวกับน้ำก๊อก ถึงปริมาณจะไม่มากมายเหมือนในลำห้วยเบื้องล่าง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานกระบอกน้ำของแต่ละคนก็ถูกเติมจนเต็มปริ่ม ถึงแม้ทุกคนจะมีน้ำติดไปคนละกระบอกแล้วก็ตาม แต่พรานเบก็ยังไม่วางใจว่าน้ำที่ติดไปนั้นจะเพียงพอ

ถ้าพวกเรามีน้ำไปคนละกระบอกแค่นี้ ข้าว่าคงไม่พอกินพอใช้บนเขาแน่ๆ

มาไอ้พร เอ็งไปหาตัดกระบอกใส่น้ำมาเสริมอีกหน่อยดีกว่า พรานเบร้องบอกทุกคน จากนั้นก็พยักหน้าเรียกพรานพรที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนโขดหิน

ข้ากำลังคิดอยู่เหมือนกัน

น้ำแค่นี้จะไปพอกินอะไร ลำพังจะไปหาเอาข้างหน้าก็ไม่ได้ บนเขาสกเอาแน่เอานอนไม่ได้เรื่องน้ำ

ถึงจะหมดฝนไม่นานก็เถอะ ไปโว้ย กลับมาข้าวคงสุกได้กินพอดี พรานพรร้องตอบ จากนั้นก็กระโดดตุบลงมาจากโขดหินใหญ่ หลังจากคว้าย่ามและปืนคู่กายสะพายไหล่ได้ ก็จ้ำพรวดๆ ตามหลังพรานเบไป

พรานเบและพรานพรรับหายไปไม่นานทุกคนก็ได้ยินเสียงตัดไม้มาแต่ไกล เสียงดัง ป๊อกๆ ของกระบอกไม้ไผ่ดังก้องไปทั้งหุบ เพียงไม่นานหลังจากนั้น ร่างของชายทั้งสองก็กลับมา พร้อมกับกระบอกไม้ไผ่ลำใหญ่ มองผ่านๆ คิดว่าท่อนไม้ เพราะความใหญ่โตของลำไม้ไผ่ที่ยาวเป็นวา ซึ่งทั้งสองคนช่วยกันแบกมา โดยมีพรานเบอยู่หน้าและพรานพรตามหลัง พอมาถึงที่พักก็โยนกระบอกไม้ไผ่ขนาดยักษ์ลงพื้นดังโครมอย่างไม่กลัวว่ามันจะแตก

โอโห! ทำไมมันใหญ่โตขนาดนี้ล่ะ

แบบนี้ใส่น้ำได้ไม่ต่ำกว่าสิบลิตร! สิงห์พูดพลางยกกระบอกไม้ไผ่ที่พรานทั้งสองแบกมาขึ้นดู ไม้ไผ่ลำใหญ่หนักอึ้งจนตัวคนยกเองยังส่ายหัว ขนาดยังไม่ได้ใส่น้ำลงไป ยังหนักร่วมสิบกิโล ถ้ามีน้ำอยู่เต็มจะหนักขนาดไหน เพราะเท่าที่กะด้วยสายตาแต่ละปล้อง น่าจะจุน้ำได้ไม่ต่ำกว่าสามถึงสี่ลิตร โดยเฉพาะส่วนปลายของลำกระบอกนั้น

แต่แล้วชายหนุ่มก็หายข้อสงสัย เพราะพรานเบเลือกตัดส่วนปลายของลำกระบอกไม้ไผ่ ส่วนบริเวณโคนที่มีขนาดใหญ่แต่มีลำปล้องสั้นกว่า พรานเบเลือกที่จะตัดทิ้งไป โดยเหลือส่วนที่เป็นปล้องยาวด้านปลายเอาไว้ ถึงจะใหญ่สู้บริเวณโคนไม่ได้ แต่ข้อดีของส่วนปลาย คือความยาวและบางของเนื้อไม้ แต่ถึงจะบางกว่าด้านโคนขนาดไหน ส่วนที่บางที่สุดก็หนาร่วมเซน

พรานเบเลือกตัดส่วนที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกิดไปนัก โดยเลือกตัดลำกระบอกไม้ไผ่ได้สามปล้องที่เป็นช่วงติดกัน แต่ละปล้องยาวเกินศอก เมื่อตัดหัวตัดปลายลำกระบอกไม้ไผ่ที่ต้องการแล้ว พรานเบก็ใช้มีดถากผิวเปลือกของกระบอกไม้ไผ่นั้นจนขาว จากเนื้อไม้ที่กะไว้ในต้อนแรกว่าหนารวมเซน พอถูกถากเปลือกออกก็เหลือไม่ถึงเซน เห็นแล้วนึกถึงข้าวหลามตามงานวัดหรือตลาดนัด ที่คนขายถากผิวกระบอกข้าวหลามจนขาวน่ากิน แต่ขนาดผิดกันหลายร้อยเท่าตัว เมื่อเทียบกับกระบอกใส่น้ำที่พรานเบบรรจงเหลาอยู่ในตอนนี้

เอ๊า! ไอ้พรต่อไปเป็นหน้าที่ของเอ็งแล้ว พรานเบพูดพลางหมุนพลิกกระบอกใส่น้ำขนาดใหญ่ไปมา เพื่อดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะส่งต่อให้พรานพรที่ตอนนี้กำลังใช้มีดเหลาส่วนปลายของไม้แห้งท่อนหนึ่งจนแหลม

อ้าวแล้วนั้นกลิ่นอะไรไหม้ๆ

เอ๊อเฮอ! หน่อม้งหน่อไม้ไหม้หมดแล้วมั๊งนั่น พรานเบร้องโพล่งออกมา

ปัดโถ่ แกนะแก นั่งก็นั่งอยู่ใกล้ๆ ไม่ยักกะดูให้ด้วย

ดูๆ ดำเป็นตอตะโกเลย วู้! พรานพรร้องบ่น พลางใช้ส่วนปลายของไม้ที่นั่งเหลาเขี่ยหน่อไม้เผาออกมาจากกอง โชคยังดีที่ยังเหลือให้กินได้บ้าง ส่วนที่เหลือไหม้ไปหมด

ไอ้ห่ า! ข้าก็มัวแต่เตรียมน้ำพริกจนลืม ฮาๆ พรานชราพูดจบก็หัวเราะจนเห็นฟันดำปี๋

เดี๋ยวก็ได้กินข้าวกันแล้ว รอให้มันระอุอีกหน่อย คนทำหน่อไม้ไหม้ร้องบอก

มา ไอ้พุ่ม เอ็งมาช่วยข้าจับกระบอกน้ำให้ข้าหน่อย

จับให้ดี นั้นล่ะ เอียงๆ หน่อย ข้าจะได้แทงปล้องง่ายๆ พรานพรร้องบอกเจ้าพุ่มให้มาช่วยจับกระบอกน้ำให้ เมื่อได้มุมที่ต้องการแล้ว พรานพรก็ใช้ส่วนปลายของมีดเหน็บ ค่อยๆ หมุนควงไปมาตรงส่วนด้านบนสุด ส่วนที่เป็นข้อของกระบอกไม้ไผ่นั้น พรานพรหมุนควงอยู่ไม่นานส่วนที่เป็นข้อหนาก็ทะลุเป็นรู พรานพรยังคงใช้ปลายมีดหมุนควงจนได้ขนาดพอที่จะสอดไม้แห้งที่แกนั่งเหลาได้

พอได้ที่ก็แหย่กระทุ้งไม้แห้งปลายแหลมที่ยาวเกือบวาสองสามครั้ง ตรงบริเวณข้อที่สองของกระบอกน้ำยักษ์จนไม้ที่แหย่ทะลวง ทะลุผ่านข้อนั้นไป ส่วนที่เป็นข้อด้านปลายสุดท้ายเว้นไว้ไม่ต้องกระทุ้ง เท่านี้ก็ได้กระบอกใส่น้ำขนาดความจุไม่ต่ำกว่าสิบลิตร สิงห์ที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ ถึงกับนึกเลื่อมใส ในความคิดของพรานกะเหรี่ยง ถูกแล้วที่เขาคิดไม่ผิด ที่ฝากชีวิตให้กับบุคคลเหล่านี้

มาๆ พวกเรา กินข้าวกินปลากันก่อนดีกว่า รีบกินจะได้รีบไปกันต่อ พรานเบร้องเรียกเหล่าสมาชิกท่องไพร

เดี๋ยวข้าขอเติมน้ำเสียหน่อยดีกว่า พรานพรพูดพลางทำท่าจะแบกกระบอกใส่น้ำขนาดใหญ่ไปเติมน้ำ แต่ยังเดินไม่ทันถึงสามก้าว ก็ถูกสิงห์ร้องเรียก

เอาไว้ก่อนก็ได้ มากินข้าวกันก่อนเถอะพี่พร กินเสร็จแล้วค่อยว่ากันต่อ

กับข้าวกำลังร้อนๆ อิ่มก่อนค่อยว่ากัน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง สิงห์พูดพลางกวักมือเรียกพรานพร ส่วนคนถูกเรียกทำถ้าว่าจะดื้อไม่ยอมมา แต่เมื่อโดนเรียกบ่อยๆครั้งเข้า ก็ทนถูกรบเร้าต่อไปไม่ไหว หนักเข้าก็ต้องยอมมาตามคำเชิญ

บริเวณลานดินกว้างนั้น ผ้าใบผืนใหญ่ถูกปูแผ่อยู่ก่อนแล้ว หม้อสนามทั้งสามใบถูกเปิดฝาออก ข้าวสวยร้อนๆส่งควันกรุ่น หอมฉุย โดยมีเหน๋อค่อยตักข้าวใส่จานแจกจ่ายให้กับบรรดาเหล่าพรานกะเหรี่ยง ที่นั่งรายล้อมกันเป็นวง ปลาย่าง กบย่าง และไก่ป่าย่าง ถูกวางเรียงรายบนใบตองและใบพลวงขนาดใหญ่อยู่กลางวง แถมด้วยน้ำพริกเผาผสมมะขามเปียกอีกถ้วย ต่อด้วยหน่อไม้รวกเผาที่พรานแปะนั่งปลอกเปลือกให้อีกเกือบสิบหน่อ ปลอกไปก็ต้องเป่าไป เพราะหน่อไม้เผายังร้อนอยู่

นอกจากหน่อไม้ที่เป็นผักแนมน้ำพริกเผาอย่างดีแล้ว ข้างๆ กันยังมี หมกเห็ดรวกและเห็ดขอนอีกห่อใหญ่ส่งกลิ่นหอมน่ากิน ส่วนพรานชรา หลังจากนำกระทงเครื่องเซ่นออกไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางเสร็จเรียบร้อย ก็ปลีกตัวออกมานั่งรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ และเหมือนเดิมเกือบจะทุกครั้งคือ พอตัวแกหันหลังให้ เจ้าหมาสองตัวที่นอนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าป่าหรือเจ้าที่รีบอิ่มก็ไม่ทราบได้ เพราะหันกลับไปดูอีกรอบ เครื่องเซ่นก็อันตรธานไปเสียแล้ว

อาหารมื้อเที่ยง ที่มาเริ่มกินกันเอาตอนบ่าย เป็นไปด้วยความเอร็ดอร่อย บวกกับบรรยากาศที่เย็นสดชื่นของบริเวณนี้ ที่พอจะมีความชื้นของลำธารเล็กๆ สายนั้นอยู่พอสมควร แถมมีไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมเป็นร่มครึ้ม ทำให้บริเวณนั้นเย็นสบายทุกครั้งที่มีสายลมพัดผ่านมาตามช่องเขา ไม้ใหญ่ยืนต้นตระหง่านยอดสูงริบโอนเอนไปมาตามสายลม เสียงใบไม้บนนั้นดังซู่ซ่าแว่วมาให้ยิน บางครั้งก็มีเสียงดังโครมครามของกิ่งไม้ผุ ที่หักตกลงมาเพราะทนต้านแรงลมต่อไปไม่ไหว พร้อมกับเสียงครวญครางดังอื้ออึง ของโตรกผายามเมื่อลมพัดผ่าน เสียงของมันฟังดูแล้ววังเวงชวนขนลุก โชคยังดีที่ต้อนนี้ยังเป็นตอนกลางวันแสกๆ ถ้าเป็นเวลากลางคืนในป่าแบบนี้ คนขวัญอ่อนคงอยู่ไม่ไหว

ไม่รู้ว่าอาหารอร่อยหรือเพราะว่าหิว เพียงเวลาไม่นานนัก อาหารมื้อนี้ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว แบตเตอร์รี่ที่จวนเจียนจะหมดลง พอได้ข้าวสวยร้อนๆ ลงไปอุ่นอยู่ในท้องคนละจานสองจาน พละกำลังที่หดหาย ก็ฟื้นคืนเรี่ยวแรงกลับมา แต่เหมือหนังท้องตึง หนังตาก็พลอยหย่อนตามไปด้วย ยิ่งอากาศเย็นสบายแบบนี้ พาลให้ง่วงนอนอย่าบอกใคร หลังจากน้ำในหม้อสนามเดือดได้ที่ กาแฟร้อนยามบ่าย ก็ถูกแจกจ่ายให้จิบกันคนละถ้วย พอที่จะให้ตาสว่างและกระชุ่มกระชวยมาเป็นกอง

หลังจากนั่งจิบกาแฟร้อนจนหมด พรานพรก็เดินแบกกระบอกใส่น้ำขนาดใหญ่ ไปที่ลำธารเล็กๆสายนั้น กระบอกไม้ไผ่ลำยาวร่วมวา ไม่ได้สั้นเหมือนกระบอกน้ำส่วนตัวแบบคนอื่นซึ่งยาวแค่ศอก ที่ตั้งปากกระบอกคอยรับน้ำที่ตกลงมาเติมได้ง่ายๆ แต่กระบอกน้ำของพรานพรยาวเป็นวา กว่าจะเติมน้ำให้เต็มได้ก็ต้องเอียงแล้วเอียงอีก แต่ถึงจะเอียงยังไงก็เติมไม่เต็ม เพราะสายน้ำที่ตกลงมาอยู่ต่ำมาก หนักเข้าก็ต้องใช้หม้อสนามมาคอยตวงเติมน้ำให้เต็ม เติมน้ำจนเต็มแล้ว แต่ก็ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะยังต้องหาอะไรมาทำจุกอุดรูเอาไว้ให้ดี

ไอ้เคิ้ง เอ็งเหลาไม้มาทำจุกอุดรูให้ข้าหน่อย

ต้นนั้นก็ได้ ที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ พรานพรพูด พลางบุ้ยปากบอกเจ้าเคิ้ง เพียงอึดใจก็ได้ไม้สำหรับทำจุกอุดรูอันเขื่อง เพราะยาวเกือบคืบส่งให้พรานพร ซึ่งตอนนี้กำลังจับประคองกระบอกน้ำขนาดยักษ์ไปพาดอิงกับง่ามไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอย่างระมัดระวัง

ไอ้แปะ เอ็งกับข้า มาช่วยกันแบกน้ำขึ้นเขา

ปืนผาหน้าไม้ ถ้ามันเกะกะนัก ก็ให้ไอ้พุ่มกับไอ้เคิ้งช่วยแบก พรานพรร้องบอกพรานรุ่นน้องที่กำลังนั่งสูบยาเส้นอยู่ ริมโขดหินใหญ่ ส่วนคนถูกรับเชิญให้มาแบกน้ำไม่ได้กล่าวคำอะไร นอกจากพยักหน้าหงึกๆรับคำเชิญ

น้ำท่าเอ็งเติมแล้วหรือยัง

ถ้ายังขาดอยู่ก็รีบเติมเสียให้เต็ม

เอานี่ มะขามป้อม แบ่งเอาไปเคี้ยวเล่นแก้คอแห้ง พรานเบร้องบอกสิงห์จบ ก็ส่งย่ามที่ภายในมีลูกมะขามป้อมอยู่หลายลูก

ถึงว่า เห็นเดินกันตัวปลิว มีของดีนี่เอง

สงสัยคงเก็บมาตอนที่ไปนั่งเก้ง ผมว่าจะเก็บมาเหมือนกันแต่ดันลืมเสียก่อน สิงห์พูดจบก็ล้วงมือเข้าไปหยิบลูกมะขามป้อมในย่ามที่พรานเบส่งให้ มากำใหญ่ ใส่กระเป๋าข้างบนเป้หลังของเขา

เก็บของเสร็จหรือยังล่ะตาโส่ย

อ้าวนั่น ฝาหม้อสนามอย่าลืมเสียล่ะ ตกอยู่ตรงนั้น

รีบๆกันหน่อย เดี๋ยวจะมืดไม่ทันถึงเสียก่อน พรานนำทางร้องบอกคณะ ที่ตอนนี้ต่างอยู่กับกองสำภาระที่ยังกระจัดกระจาย พรานโส่ยจัดแจงรวบรวมเครื่องครัวต่างๆอย่างรีบเร่ง จนฝาหม้อสนาม ที่พุ่มและเคิ้งช่วยกันล้างทำความสะอาดแล้วคว่ำตากไว้ตกหล่น จนพรานเบร้องทัก ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันเก็บข้าวของรอบๆบริเวณ บางคนก็ช่วยกันเก็บพับผ้าใบ บ้างก็ช่วยกันดับไฟที่ก่อหุงข้าวจนแน่ใจว่า ไฟในกองจะไม่ปะทุขึ้นมาอีก กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็กินเวลาไปหลายนาที

พรานเบพาคณะเดินทางต่ออีกครั้ง โดยเดินนำไต่เนินชันย้อนกลับเส้นทางเก่า ขามาก็ไม่กระไรนักเพราะเดินลงเขาชันไม่เปลืองแรง แต่ขาขึ้นนี่สิกว่าจะโหนเหนี่ยวต้นไม้ขึ้นไปได้แต่ละขั้นเล่นเอาหอบแทบจับ แต่ที่น่าเห็นใจที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพรานพรกับพรานแปะ ที่ต้องช่วยกันแบกน้ำขึ้นมาด้วย ลำพังแค่เป้หลังที่สะพายอยู่ก็พะรุงพะรังเกินพอแล้ว

แต่นี้ยังต้องมาแบกกระบอกน้ำยาวร่วมวาอีก โชคยังดีที่พรานทั้งสองฝากปืนคู่กายให้กับสองกะเหรี่ยงหนุ่ม จึงไม่เกะกะในการเดินทาง เพราะถ้าขืนสะพายปืนควบคู่กับการที่จะต้องแบกหามกระบอกน้ำคงไม่เหมาะแน่ เพราะเส้นทางที่เดินไต่ไปนั้น ไม่ได้ราบเรียบเหมือนทางปกติ เพราะต้องคอยมุดลอดสุมทุมพุ่มไม้ต่างๆ ที่ขึ้นขวางเป็นอุปสรรค กว่าพรานเบจะพาเดินออกมาโผล่บนเส้นทางด่านเก่าได้ เล่นเอาหอบจนตัวโยก

บนทางด่านเก่านั้น ทอดยาวลัดเลาะไปตามสันเขา บางครั้งก็วกลงต่ำ บางช่วงก็ตัดกันไปมาดูสับสน แต่หลังจากพรานเบหยุดดูทิศทางไม่นาน ก็พาคณะทั้งหมดเดินทางต่ออย่างไม่ลังเล โดยพาทั้งหมดบ่ายหน้าไปทางทิศเหนือ ถึงไม่มีเข็มทิศ สิงห์ที่คอยจับสังเกตอยู่ตลอดเวลาก็พอจะเดาออกได้ เพราะตอนนี้ดวงอาทิตย์เบี่ยงมาอยู่ด้านซ้ายมือของเขา หรือถ้าจะให้ถูกก็คือ ทิศตะวันตก อยู่ทางด้านซ้ายมือของเขานั้นเอง

ป่าไม้สมบรูณ์เพราะน้อยคนนักที่จะกล้าย่างกายเขามาได้ เมื่อไม่มีมนุษย์เข้ามารบกวน ป่าบริเวณนี้จึงอุดมสมบรูณ์กว่าป่าเบื้องล่าง ต้นไม้ใหญ่หลายต้นยืนตระหง่านสูงชะลูด มียางนาขนาดยักษ์หลายต้นขึ้นแซมอวดลำต้นขาวนวลสูงลิบ แข่งกับต้นกร่างใหญ่หลายต้น ที่ตอนนี้มีลูกสุกอยู่เต็มต้น ลูกกร่างสุกเป็นอาหารที่โปรดปราณ ของเหล่าบรรดานกป่านานาชนิด นอกจากจะเป็นอาหารที่นกชื่นชอบแล้ว

สัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ก็ชอบเช่นกัน เมื่อมีผลไม้ป่าสุกเต็มต้นเช่นนี้ เสียงวุ่นวายก็ตามไปด้วย ทั้งนกขุนทอง เอี้ยงโครง เขาเปล่า และนกขนาดใหญ่อย่างนกเงือก นกกก ก็พากันสงเสียงเจี๊ยวจ๊าว แย่งกันจิกกินลูกไม้สุกดูสับสนไปหมด ผลไม้ป่าหรือลูกไม้ป่า นอกจากจะมีต้นกร่างที่ให้ผลที่นกและสัตว์ชนิดอื่นๆ ชอบแล้ว ต้นไทร ต้นโพธิ์ ก็มีผลที่นกสามารถกินได้เช่นกัน และแต่ละต้นแต่ละชนิด ก็ออกลูกให้ผลไม่ตรงกัน บางต้นสุกเดือนนั้น บางต้นออกเดือนนี้ สับกันไปมา จึงทำให้เหล่าบรรดาสรรพสัตว์มีอาหารกินตลอดทั้งปี

นอกจากผลไม้ป่าที่นกและสัตว์ป่านานาชนิดชอบกินแล้ว มนุษย์ก็ชอบเช่นกัน ทั้งลูกหวาย มะไฟป่า ระกำป่า ลิ้นจี่ป่า หรือที่เรียกว่า มะคอแลน มะเดื่อป่าบางชนิดก็กินได้ทั้งผลสุกและดิบ เงาะป่าที่มีหน้าตาเหมือนเงาะที่เห็นชั่งกิโลขายตามตลาดก็มีจนแยกไม่ออกว่าเงาะป่าหรือเงาะบ้าน จะแตกต่างกันก็ต่อเมื่อปลอกเปลือกออกมาแล้ว เงาะป่าจะมีเนื้อสีเหลืองทองน่ากิน หรือมะหลอดที่มีรสชาติเปรี้ยวจนเข็ดฟัน ก็มีให้เก็บอยู่ดาดดื่ม และผลไม้อื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเสาะแสวงหานำมากินได้

เสียดาย ถ้ามีเวลาสักชั่วโมง คงได้ยิงนกกันเพลิน

นกเขาเปล่าเป็นร้อยเลยมั่งนั่น สิงห์พูดพลางยืนมองฝูงนกที่มารุมจิกลูกกร่างเยอะแยะไปหมด

ถ้าไม่ติดว่ามันจะมืดค่ำเสียก่อน

ข้าก็เห็นด้วยกับเอ็ง พรานเบร้องตอบ

แต่นี้มันเย็นมากแล้วสิน้าเบ

จะห้าโมงแล้ว ทันหรือเปล่าล่ะ สิงห์หันไปร้องถามพรานเบ หลังจากยกนาฬิกาขึ้นดู เพราะตอนนี้เข็มชี้บอกเวลาที่ 16.47 น.

อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง

กว่าจะเตรียมที่พัก หุงข้าวหุงปลา ก็มืดพอดีข้าว่า พรานพรร้องเสริม พูดจบก็ยกน้ำขึ้นมาจิบ

ข้าว่าไปต่อดีกว่า อย่ามาเสียเวลาเลย

เนื้อเก้งเรายังมีอยู่ ปลาย่างก็ยังเหลือ พรานชราร้องบอก พูดจบก็บ้วนน้ำหมากลงพื้น เมื่อได้ข้อสรุปของพรานเฒ่า ทุกคนจึงออกเดินทางต่ออีกครั้ง โดยปล่อยให้เหล่าสกุณาได้เพลิดเพลินกับลูกไม้สุกต่อไป

เส้นทางเริ่มลาดชันทุกขณะ เพราะพรานเบพาไต่เนินเขาชันขึ้นทุกระยะ จากป่าโปรงเดินสบาย บัดนี้เป็นดงทึบดูมืดสลัว ตะวันบ่ายคล้อย หลบมุมหลังยอดไม้ใหญ่ ช่วยให้บรรยากาศขมุกขมัวมากขึ้นไปอีก อากาศที่ร้อนระอุ เริ่มเย็นจนรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นทุกที

และมีท่าทีที่จะเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ป่าทึบรกครึ้มอุดมไปด้วยไม้ใหญ่หลากหลายชนิด ทั้งไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ และไม้ล้มลุก รวมไปจนถึงเถาวัลย์ชนิดต่างๆ ที่พันเกาะเกี่ยวระโยงระยางรกไปหมด เมื่อป่าไม้อุดมสมบรูณ์ สัตว์ป่าก็เริ่มชุกชุมมากขึ้นไปด้วย ถ้าไม่ได้พบเห็นตัว ก็มาให้ได้ยินในรูปแบบของเสียง ทั้ง ลิง ค่าง บ่าง ชะนีป่า ที่ร้องโหยหวน ในหุบไหนสักแห่งเบื้องหน้า กับบรรยากาศแบบนี้ฟังแล้วรู้สึกวังเวงจนบอกไม่ถูก….

ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป

Advertisements
แหล่งที่มาหนุ่มธุดงค์ไพร