ตอนที่ 20 ผจญภัยในป่าใหญ่ : หนูท้องขาว

ยิ่งดึกสงัดลงมากขึ้นเท่าไหร่ อากาศรอบกายก็ดูจะเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น จากที่ว่านอนพักกันบนพื้นบริเวณแค้มป์ ขนาดว่ามีกองไฟก่อแก้หนาว ก็ยังหนาวเสียจนคางสั่น แต่นี่มานั่งหัวเด่กันบนยอดไม้ แถมยังมีลมพัดซ้ำมาอีก ถึงจะพัดไม่แรงนัก แค่เอื่อยๆ แต่ความเย็นยะเยือกนี่สิ มันช่างทรมานสังขารอย่าบอกใคร ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ที่ชายหนุ่มปรับเปลี่ยนท่านั่งเพราะความเมื่อยขบจนแทบจะเป็นตะคริว ด้วยความหนาวเหน็บไปยันไขกระดูก

ถึงเวลานี้ถุงนอนที่อุตสาห์แบบมาด้วยก็ได้ใช้งาน จากผืนผ้าที่แลดูเป็นถุงกระเปาะขนาดใหญ่ ที่ชายหนุ่มสามารถเข้าไปนอนขดได้อย่างสบาย ตอนนี้มันคอยๆ ถูกคลี่กางออก กลายเป็นผ้าห่มผืนกว้าง พรานหนุ่มไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันความอบอุ่นให้กับพรานต่างวัย ซึ่งมีเพียงแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวคลุมตัวอยู่

แบ่งๆ กันห่มน้าเบ เห็นหรือยังว่าผมคิดถูกที่เอาถุงนอนขึ้นมาด้วยพรานหนุ่มผู้มีน้ำใจกระซิบขึ้นแผ่วเบา

เมื่อคืนก่อน ยังไม่หนาวขนาดนี้เลยพรานเบกระซิบตอบ พูดจบก็ดึงปลายของถุงนอนอีกด้านที่สิงห์ส่งให้ ไปคลุมตัว

ดีนะที่ผมเอาเปลสนามมารองก้น ถ้าไม่ติดมาด้วยสงสัยนั่งปวดก้นตายแน่เลยสิงห์พูดเชิงกระซิบ แต่ไม่ทันที่สิงห์จะเอ่ยอะไรได้ต่อ พรานเบก็เอามือแตะสิงห์เป็นสัญญาณให้เขาเงียบ

ภายใต้เสียงกรีดปีกของเหล่าแมลงไพร ที่ตอนนี้เริ่มเบาบางลงไปมาก ภายใต้เสียงอันแผ่วเบานั้น มีเสียงอะไรบางอย่างซ่อนเร้นปะปนไปกับเสียงแมลง ถึงมันแทบจะแยกไม่ออก แต่พรานชำนาญไพรอย่างพรานเบก็สามารถจำแนก เสียงปริศนานั้นได้ ซึ่งสิงห์เองก็พยายามเงี่ยหูฟังแล้ว ก็ไม่สามารถแยกแยะอะไรออกเลย นอกจากเสียงแมลงที่กรีดปีก แต่อึดใจต่อมาเขาก็พอจะแยกได้ว่า มีบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเชื่องช้า

เสียงหินพลิกดัง กึกกัก จากชายเนินเบื้องหน้า แว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ บางครั้งก็มีเสียงร่วงกราวของก้อนหินขนาดเล็ก ที่ร่วงกรูลงมาเบาๆ บางครั้งก็มีเสียงเหมือนมันกระโจนข้ามอะไรบ้างอย่างดัง ตุบ ฟังได้ยินถนัด ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่เจ้าของเสียงนั้นยังมีท่าทีจดๆ จ้องๆ อะไรบางอย่าง แต่ชั่วเวลาไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเคี้ยวลูกไม้ที่มีลักษณะแข็งดังกรุบกรับ

เก้งหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่หิวโหย หลังจากหลบนอนในดงทึบมานานเมื่อตอนฟ้าสาง พอเย็นย่ำลงก็ดีใจ ที่จะได้ท่องเที่ยวออกหากินในดงกว้าง หลังจากได้ลิ้มรสของลูกไม้ป่ามาเมื่อคืนก่อน จึงทำให้อดที่จะติดใจเสียไม่ได้ ราตรีนี้ก็คงจะเหมือนกับราตรีที่ผ่านๆ มา เจ้าเก้งหนุ่มเดินเหยาะย่างกายฝ่าความมืดมาตามลำพัง ตาก็คอยสอดส่องไปรอบๆ อย่างละแวกระวังภัย หูที่ตั้งตรงอยู่ตลอดเวลาคอยจับผิดเสียงที่แปลกปลอมอยู่รอบทิศ

ท่ามกลางแสงดาวที่ฉายแสงอาบตามเรือนยอดไม้จนเป็นมันขลับ กลิ่นหอมรัญจวนใจ ของลูกไม้ป่า ที่หล่นกลาดเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ทำให้ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ รสหอมหวานที่คุ้นเคย ได้ลิ้มรสมาแบบไหนมันก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ลูกไม้ป่าผลแล้วผลเหล่าที่ถูกกลืนกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้เจ้าเก้งหนุ่มเพลิดเพลินกับลูกไม้ป่าเหล่านั้น จนทำให้มันลืมตัวไปชั่วขณะ

ทันใดนั้นเอง เมื่อมีลำแสงประหลาด ส่องสว่างจ้ามาจากยอดไม้ เจ้าเก้งหนุ่มจ้องมองแสงนั้นด้วยความมึนงงและพิศวง อารามด้วยความแปลกใจระคนตกใจ สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้มันต้องรีบหนี ในจังหวะที่มันกำลังกระโจนเผ่นหมายเข้าไปหลบซ่อนตัวจากลำแสงประหลาด

ในพุ่มรกเบื้องหน้า กัมปนาทก็แผดเสียงกึกก้องราวกับฟ้าถล่ม พร้อมๆ กับร่างของมัน มีอาการสะดุ้งสุดตัว ราวกับมีมือยักษ์มาตบเข้าอย่างจัง ร่างของเก้งหนุ่มกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้น เหมือนร่างกายจะหมดเรี่ยวแรง มันพยายามผงกหัวและพยุงลำตัวที่โชกไปด้วยโลหิต เพื่อตะกายลุกขึ้นหนี แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนใช้ขาหน้าข้างหนึ่งตะกุยดินและอากาศอยู่เช่นนั้น

ในวินาที ก่อนที่มัจจุราชจะพรากวิญญาณออกจากร่างที่ทุกข์ทรมานของมัน ดวงตาที่หรี่ซึมและหม่นหมอง ปรากฏคราบน้ำตา น้ำตาที่หลั่งไหลให้กับโลกมนุษย์ โลกที่โหดร้ายสำหรับมัน พอเสียทีกับการที่จะต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ จบเสียทีกับโลกที่โหดร้ายและป่าเถื่อน เจ้าเก้งหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคิดออกมาเช่นนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไปพร้อมกับความรู้สึกที่หลุดลอย

เปลวไฟสว่างจ้า จากปลายไม้ขีดไฟ ที่ถูกจุดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด พรานเบค่อยๆ ป้องประคองเปลวไฟนั้น ไปจ่อที่ปลายบุรี่ยาเส้นที่คาบอยู่ ก่อนที่เปลวไฟนั้นจะถูกม้วนไหวตามแรงดูด จนได้ยินเสียงปะทุไหม้ของยาเส้นและใบจาก เพียงแค่แสงไฟจากไม้ขีดก้านเล็กๆ ก้านเดียว ในความมืดมิดเช่นนี้ แต่ประกายแสงของมันก็ทำให้บริเวณนั้นสว่างจ้า พอที่จะมองเห็นหน้าคนทั้งสองที่มีเหงื่อไคลเกาะอยู่จนเป็นมันขลับ

เห็นที่แรกคิดว่าหมูพรานมือใหม่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ

ตาหมูมันไม่สู้ไฟแบบนี้หรอกพรานเบตอบ พูดจบก็สูบบุรี่ยาเส้นจนแก้มตอบ

คืนนี้จะมีตัวอะไรเข้ามาอีกหรือเปล่าสิงห์ถาม

อย่างเก่ง ก็ชะมด อีเห็น หรือไม่ก็บ่างพรานเบตอบเสียงราบเรียบ

แล้วจะทำยังไงกับมันดี แบกมันขึ้นมาไว้บนนี้ก่อนดีหรือเปล่าน้าเบสิงห์ร้องถาม ขณะที่ยังใช้ไฟฉายส่องไปที่ซากเก้งที่ยิงได้

เอาไว้แบบนั้นล่ะ พรุ่งนี้เช้าค่อยแบกกลับพรานเบร้องตอบ

แล้วไม่กลัวตัวอะไรมันลากไปกินเหรอ?สิงห์ถาม พรานผู้ลั่นกระสุน

ไม่มีตัวอะไรมันกล้ามาลักกินหรอก เสียงปืนดังขนาดนี้ อย่างเก่งก็อีเห็นจะแอบเข้ามาแทะกินพรานเบพูดจบก็ใช้นิ้วที่คีบม้วนบุหรี่อยู่ เคาะไปที่ลูกห้าง เพื่อเขี่ยขี้เถ้าที่เกาะอยู่บนปลายบุหรี่ทิ้ง

ถ้ามันกล้ามาลักกิน ก็โดนลูกเบอร์ เก้าเม็ดของข้าอีกลูกแน่พรานเบพูดจบ ก็ยกบุหรี่ขึ้นมาสูบจนปลายแดงวาบ

คิดว่าจะมานั่งฟรีเสียแล้ว น้าเบก็หูดีใช่เล่นสิงห์ร้องตอบ พูดจบก็ยกกระติกน้ำขึ้นมาดื่ม และมันเป็นการดื่มน้ำครั้งแรก นับตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนห้างแห่งนี้ไม่ต่ำกว่า สี่ชั่วโมง

กี่โมงกี่ยามแล้วล่ะพรานเบร้องถาม ขณะที่กำลังจะหักลำกล้องของปืนลูกซอง โดยพรานเบหันส่วนที่หักเข้าหาตัว เพื่อทำการเปลี่ยนเอาปลอกลูกปืน ที่ยิงแล้วออก ซึ่งขั้นตอนนี้แกค่อยๆ หักลำกล้องไม่ให้ส่วนที่เป็นกลไกดีดปลอกลูกปืนเก่าออกมา เพราะกลัวว่าเวลาปลอกเก่าถูกดีดกระเด็นออกมาแล้ว จะตกหล่นหาไม่เจอ แกจึงค่อยๆ ใช้ปลายมีดเหน็บแงะมันออกมาแทน โดยเจ้าตัวบอกว่าจะเก็บปลอกลูกปืนนี้ไว้ให้พรานพร เพื่อใช้อัดทำลูกปืนเอาไว้ใช้ยิงนกยิงไก่

เที่ยงคืนครึ่งพอดีสิงห์ร้องตอบ พูดจบก็อ้าปากหาว

ถ้าเอ็งง่วงก็นอนเสีย ประเดี๋ยวข้าก็จะนอนแล้วเหมือนกันพรานเบพูดจบก็ยัดลูกปืนลูกซองลูกใหม่เข้าไปในรังเพลิง แล้วหักลำกล้องลงในตำแหน่งเดิมดัง กริ๊ก

สรุปลูกกรดที่ผมแบกมาด้วย สงสัยจะไม่ได้ใช้งานสิงห์พูดพลางใช้มือลูบลำกล้องปืนคู่กายของเขา ซึ่งตอนนี้เย็นเฉียบราวกับก้อนน้ำแข็ง

ถ้ากระจงมันเข้า ช่วงเช้ามืดอาจได้ยิงก็ได้ ครั้งที่แล้วมันมากินลูกมะเดื่อ ที่ไอ้พรมันนั่งไว้ แต่ก็ยิงไม่ได้ ถ้ามีปืนลูกกรดของเอ็งวันนั้น คงได้ตัวพรานเบพูดพลาง ใช้ผ้าข้าวมาเช็ดบริเวณลำกล้องปืนคู่ชีพของแก

ไม่เอาปืนลูกซองยิงเลยล่ะ ดีไม่ดีอาจจะได้มากกว่าหนึ่งตัวพรานหนุ่มเสวนาตอบ

ถ้าลูกปรายก็พอได้อยู่ แต่วันนั้นมันติดไปแต่ลูกเบอร์เก้าเม็ด ลูกหกสิบเจ็ดสิบไม่ได้ติดไปเลย ขืนยิงก็เละเป็นขี้พรานเบพูดจบก็หัวเราะในลำคอ หึหึ

นกหนูก็ยังดี จะได้ไม่แบบปืนมาให้เสียเที่ยวสิงห์ร้องบอก พูดจบก็นั่งเอนหลังไปพิงกับลำต้นของต้นตะแบกใหญ่

บ่าง อีเห็น ชะมด เอ็งค่อยจ้องให้ดีเถอะ ดีไม่ดีเดี๋ยวก็เข้าพรานเบร้องบอก ขณะนั่งชันขาอยู่ข้างๆ

ถ้ามันมา ข้าจะคอยส่องไฟให้เอ็งก็แล้วกันพรานเบร้องตอบ พูดจบก็ยกกระบอกน้ำขึ้นมาจิบบ้าง

จะยิงถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ กลางคืนมืดๆ แบบนี้เล็งไม่ค่อยจะเจอศูนย์ปืนสิงห์พูดพลางสายหัว
จริงอย่างที่เขาบอก การที่จะเล็งศูนย์ปืนของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าเป็นช่วงเช้าหรือสว่างก็ทำได้อย่างสบาย แต่ในเวลากลางคืนเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่มืออาชีพจริงๆ บอกคำเดียวเลยว่ายาก เพราะกว่าจะเล็งให้ศูนย์หน้าตรงศูนย์หลังได้ก็คงลำบากหน้าดู

แถมบางทีสัตว์ที่จะยิง ก็ไม่ได้ยืนนิ่งๆ เหมือนนกเกาะขอนนอนเสียเมื่อไหร่ แต่คิดในแง่ดี มันก็เป็นการไม่เอาเปรียบสัตว์ที่จะล่าจนเกินไปนัก เพราะของแบบนี้มันวัดกันด้วยฝีมือ ครั้นจะติดกล้องก็เอาเปรียบสัตว์จนเกินไปแถมยังเกะกะเสียมากกว่า แต่เดี๋ยวนี้พรานสมัยใหม่มีเยอะ จริงๆ จะเรียกว่าพรานก็ไม่ถูก น่าจะเรียกว่าผลาญเสียมากกว่า เพราะนอกจากกล้องราคาแพงที่ติดบนปืนกระบอกงามแล้ว ดีไม่ดีติดเลเซอร์เข้าไปอีกก็เห็นอยู่ออกบ่อย ในยุคสมัยที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ แบบนี้ ลำพังถ้ายิงเป้าเล่นเป็นกีฬาก็ยังพอคุยกันได้ไม่ผิดกติกา แต่ถ้าเอาไปล่าสัตว์ล่ะก็มีเท่าไหร่ก็ไม่เหลือ

ถูกไม่ถูกก็แล้วแต่ดวง หรือเอ็งจะเอาปืนของข้าไปลองยิงดูก็ได้พรานเบเสนอความคิด พร้อมส่งปืนลูกซองเดี่ยวคู่กายให้สิงห์

โอย ไม่ไหวหรอก น้าเบ! ล่อลูกสองแรงสามแรงขนาดนั้น ตัวเล็กๆ อย่างผมมีหวังโดนถีบตกห้างตายห่ าสิงห์รีบปฏิเสธคำเชิญ

อากาศเย็นยะเยือกและเงียบสงัด นานๆ ครั้งก็ได้ยินเสียงสัตว์ป่าร้องกู่ในยามวิกาลอยู่ไกลๆ เสียง พล๊อกๆ เหมือนสุนัขเห่า ดังอยู่ในหุบหรือบนเขาที่ใดสักแห่ง ซึ่งพรานหนุ่มก็เดาไม่ออกว่าเป็นเสียงนกหรือเสียงสัตว์ชนิดใด แต่ก็หมดข้อสงสัย เพราะพรานเบบอกว่าเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงเก้งร้อง มันคงตกใจอะไรบ้างอย่าง เพราะได้ยินมันร้องอีกไม่นานเสียงนั้นก็เงียบไป

บรรยากาศเริ่มเงียบสงัดอีกครั้ง แม้กระทั้งใบไม้ก็ไม่มีอาการกระดิกกระเดี้ยเลย เพราะไม่มีลมที่เคยพัดเช่นเคย แต่ก็น่าแปลกใจเพราะแทนที่ความหนาวเย็นจะบรรเทาลงบาง มันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะยิ่งดึกมันก็ยิ่งทวีความหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าชายทั้งสอง ใช้เวลาและสมาธิเฝ้าฝังเสียงใต้ห้างเบื้องล่างไปนานเท่าไหร่ ไม่อาจจะทราบได้ แต่เพราะด้วยอากาศที่หนาวเย็นบวกกับความเงียบขนาดได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินดัง ติ๊กๆ อาการง่วงเหงาก็แทรกเข้ามาแทนที่ ในเมื่อไม่มีตัวอะไรเข้ามาใต้ห้างของพวกเขาอีกเลย

นอกจากหนูท้องขาวสองตัวที่เข้ามาแทะกินลูกมะขามป้อม จะนั่งตาแข็งต่อไปก็เสียเวลาเปล่า พรานเบจึงบอกให้พรานหนุ่มขยับหาที่นอน ซึ่งสิงห์เองก็ไม่ปฏิเสธเพราะชักจะทนง่วงต่อไปไม่ไหว ขึ้นชื่อว่าคนป่าคนดอย กินง่ายอยู่ง่าย สงสัยจะจริง เพียงไม่กี่อึดใจ

พรานเบก็นั่งหลับนกไปแล้ว ปล่อยให้สิงห์ยังมะรุมมะตุ้มอยู่กับเสื้อแจ็คเก็ตและปลายถุงนอนอีกด้านของเขา บวกกับพื้นที่นั่งนั้นไม่ได้ราบเรียบเหมือนพื้นดิน เพราะมันเป็นลูกห้างที่ถูกปูเหมือนลูกระนาด จึงทำให้จะนั่งจะนอนก็ไม่ถนัด เพราะต้องคอยขยับเปลี่ยนท่าอยู่บ่อยๆ กว่าเขาจะขยับได้ที่ ที่เหมาะก็ใช้เวลาอยู่นานโข

พรานเบคงหลับไปนานแล้ว เพราะได้ยินเสียงกรนออกมาเบาๆ ส่วนสิงห์เองหลังจากยึดลำต้นของตะแบกใหญ่ ที่ขัดห้างนั้นเป็นที่พิงหลังนอน ก่อนที่จะหลับตานอน ชายหนุ่มก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้อย่างหนึ่ง ภายในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตด้านซ้ายของเขา

ชายหนุ่มล้วงมือข้างขวาเข้าไปยิบอะไรบ้างอย่าง อะไรชนิดหนึ่งที่ตอนนี้สภาพของมันได้เปลี่ยนแปรไปจากเดิม อะไรชนิดนั้นคือ ดอกช้างกระ ดอกนั่นนั้นเอง ที่เขาคว้าไว้ได้ก่อนที่มันจะหลุดลายไปตามกระแสน้ำ ตอนนั้นมันยังสดอยู่ ถึงจะมองไม่เห็นว่าตอนนี้มันจะมีสีสันและสภาพเป็นอย่างไร แต่การสัมผัสด้วยมือก็พอจะรู้ว่า ต้อนนี้มันแห้งเหี่ยวจนแทบจะกรอบลงไปทุกที

ด้วยความอยากรู้ว่ายังพอจะหลงเหลือกลิ่นหอมอยู่บ้างหรือไม่ ชายหนุ่มยกดอกช้างกระดอกนั้นขึ้นมาดมอย่างลืมตัว ที่หน้าประหลาด คือกลิ่นของมันยังคงอยู่ ซึ่งมันไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากกลิ่น ที่เขาเคยได้กลิ่นของมันเมื่อครั้งแรก หลังจากพิจารณาตามที่ตนต้องการแล้ว

เขาก็บรรจงหย่อนมันกลับเข้าไปอยู่ที่เดิมเช่นเคย จะด้วยความเงียบและความง่วง หรืออากาศที่เย็นยะเยือกไม่ทราบได้ ทำให้ชายหนุ่มกำลังเคลิ้มๆ จะหลับ ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกว่า มีแสงอะไรบางอย่างส่องวูบวาบเข้ามาแยงตา ทีแรกคิดว่าพรานเบคงตื่นขึ้นมาส่องไฟ เพื่อดูความเรียบร้อยของซากเก้ง เพราะก่อนที่จะนอน เห็นแกทำแบบนี้อยู่สองสามครั้ง จึงไม่นึกเอะใจอะไรนัก คิดว่าอีกสักพักพรานเบก็เข้านอน

แต่ชั่วอึดใจต่อมา เหมือนหูของเขาจะแว่วเสียงดัง เปรี๊ยะ เหมือนฟืนที่กำลังไหม้ไฟอีกหลายครั้ง ก็ชักจะนึกเอะใจ ใช่แล้วมันเป็นเสียงของฟืนที่กำลังไหม้ไฟจริงๆ ด้วย เพราะนอกจากเสียงและแสงที่ส่องสว่างแล้ว กลิ่นควันไฟและไออุ่นจากกองไฟยังมาสัมผัสร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างพิศวง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจจนลุกขึ้นพรวดพราดขึ้นมายืนอย่างลืมตัว!!

ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป

Advertisements
แหล่งที่มาหนุ่มธุดงค์ไพร