ปลากระทิงไฟ เป็นปลาน้ำจืดพื้นเมืองของไทยชนิดหนึ่ง พบได้ตามแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในภาคกลางและภาคใต้ และได้รับความนิยมจากผู้เลี้ยงปลาสวยงามทั่วโลก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้ปลากระทิงไฟมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ทำให้ปริมาณปลากระทิงไฟในธรรมชาติลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
กรมประมงจึงได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดสุพรรณบุรี เร่งดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อขยายพันธุ์ปลากระทิงไฟ ภายใต้โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์สัตว์น้ำประจำถิ่นหายากหรือใกล้สูญพันธุ์
ปลากระทิงไฟ (Fire spiny eel) ชื่อวิทยาศาสตร์ Mastacembelus erythrotaenia มีลักษณะรูปร่างคล้ายงูหรือปลาไหล ลำตัวเรียวยาว แบน มีความยาวประมาณ 15 – 90 เซนติเมตร ส่วนหัวยาวแหลม ตามีขนาดเล็ก มีจะงอยปากล่างยื่นยาวกว่าจะงอยปากบน
ลำตัวของปลากระทิงไฟเป็นสีน้ำตาลเข้ม จนเกือบดำและมีเส้นหรือจุดสีแดงเรียงตลอดความยาวลำตัว ครีบมีสีแดงสดเชื่อมติดกันเป็นครีบเดียว ขอบครีบเป็นกระดูกแหลมแข็งใช้สำหรับป้องกันตัวจากศัตรู ครีบหลังส่วนหน้ามีลักษณะเป็นหยักคล้ายฟันเลื่อยขนาดเล็ก ปลายหางโค้งมน
ปลากระทิงไฟเป็นปลาที่มีนิสัยก้าวร้าวหวงถิ่น อาศัยอยู่ตามไม้น้ำ ซอกหินหรือซากปรักหักพังใต้น้ำ มักอยู่รวมกันเป็นฝูงและออกหากินในเวลากลางคืน อาหารส่วนใหญ่เป็นปลาหรือสัตว์น้ำขนาดเล็ก
เมื่อปี 2561 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดสุพรรณบุรี ได้รวบรวมพันธุ์ปลากระทิงไฟจากแหล่งน้ำธรรมชาติบริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม และราชบุรี นำมาเลี้ยงขุนเป็นพ่อแม่พันธุ์ จากนั้นก็ทำการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์เพศพร้อมที่จะผสมพันธุ์วางไข่มาเพาะพันธุ์ด้วยวิธีฉีดฮอร์โมนกระตุ้น จนสามารถผสมได้สำเร็จ
โดยที่ผ่านมาทางศูนย์วิจัย มีการขับเคลื่อนการดำเนินการเพาะขยายพันธุ์ปลากระทิงไฟอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2563 ก็สามารถผลิตลูกปลาที่มีความแข็งแรง และมีอัตรารอดสูงได้ประมาณ 1,500 ตัว และในปี 2564 จำนวน 3,000 ตัว
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังได้มีการนำลูกปลากระทิงไฟขนาด 5 – 7 เซนติเมตรที่ได้จากการเพาะพันธุ์ชุดแรก จำนวน 1,000 ตัว ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติที่เขื่อนกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นครั้งแรก ร่วมกับคนในชุมชนบริเวณรอบเขื่อน เพื่อเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ในแหล่งน้ำธรรมชาติ คืนความหลากหลายและสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศ ตลอดจน สร้างการรับรู้ และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีไว้ใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนต่อไป