กล้วยปลอม Enset ‘ต้นไม้ต้านความหิว’ มีประโยชน์ทั้งต้น แต่ผลกินแทบไม่ได้

ในบางพื้นที่ของเอธิโอเปีย มีกล้วยที่ชื่อว่า "Enset" มันเป็นญาติสนิทของกล้วยที่ปลูกเพื่อบริโภคผลของมัน โดย Enset จะมีอีกหลายชื่อเช่น กล้วยเอธิโอเปีย (Ethiopian banana) หรืออีกชื่อคือกล้วยปลอม (False banana) โดยกล้วยชนิดนี้จัดเป็นแหล่งอาหารสำคัญของเอธิโอเปีย

Enset ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นพืชยืนต้น ที่สูงได้ถึง 6 เมตร มันมีความสำคัญต่อชาวเอธิโอเปียมาก ซึ่งคนท้องถิ่นใช้ทำโจ๊กและขนมปังมานานหลายศตวรรษ นักวิทยาศาสตร์อ้างว่า Enset เป็นพืชที่มีความยืดหยุ่นสูง ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มันสามารถเป็นเสบียงอาหารแก่ผู้คนกว่า 100 ล้านคน และจะเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารให้กับภูมิภาคในอนาคตได้

ตามรายงานของคณะกรรมการว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วง 20 ปีข้างหน้า พวกเขาคาดว่าอุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอย่างน้อย 1.5 องศาเซลเซียส

เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ผลผลิตพืชผลที่สำคัญที่สุดของโลก ซึ่งเลี้ยงดูประชากรโลกกว่า 66% จะลดลง ตัวอย่างเช่น ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อาจลดลง 24% ในช่วงต้นปี 2030

Enset (Ensete ventricosum) พืชยืนต้นที่ออกผลครั้งเดียวในวงจรชีวิต 10 ปี เป็นที่รู้จักกันในชื่อกล้วยเอธิโอเปีย หรือกล้วยปลอม เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกล้วย

มันเป็นพืชที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายทางตอนใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย ถือเป็นวัตถุดิบหลักดั้งเดิมของประชากรประมาณ 20 ล้านคน มันคือพืชผลเอนกประสงค์ Enset ที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ ทำเสื้อผ้าและเสื่อ และยังใช้สร้างที่อยู่อาศัยได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม “Enset” ต่างจากกล้วยที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายสำหรับกินผล ชาวเอธิโอเปียไม่สนใจผลของ Enset เพราะมันไม่เหมาะที่จะใช้กิน แต่พวกเขาใช้ลำต้นและรากที่เป็นแป้งมาทำอาหาร มันใช้ทำโจ๊กและขนมปังได้ดีมาก

Advertisements
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ Enset อาจช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารให้กับมนุษย์ได้ นั้นเพราะมันเติบโตในสภาพที่หลากหลาย ค่อนข้างทนแล้ง และสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกช่วงเวลาของปี

Enset มันเป็นแหล่งของแป้งซึ่งเป็นอาหารที่สำคัญ เช่นเดียวกับเส้นใย ยา อาหารสัตว์ หลังคา และบรรจุภัณฑ์ และยังรักษาเสถียรภาพของดินและปากแม่น้ำ คุณสมบัติที่น่าดึงดูดเหล่านี้ทำให้ได้รับฉายาว่า ‘ต้นไม้ต้านความหิว’

แม้ตอนนี้ Enset จะเป็นที่รู้จักน้อย และยังได้รับการศึกษาที่น้อยอยู่ แต่มันมีความสำคัญมากต่อประชากรเอธิโอเปียมาก และนักวิจัยก็พบว่าพืชผลดังกล่าวจะสามารถเลี้ยงดูผู้คนได้อย่างน้อย 100 ล้านคนในทศวรรษหน้า

ไม่เพียงแต่ในเอธิโอเปีย แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในแอฟริกาที่เปราะบาง เช่น เคนยา ยูกันดา และรวันดา แน่นอนว่ามันอาจเข้ามาชดเชยการสูญเสียผลผลิตข้าว ข้าวสาลีและข้าวโพดที่คาดว่าจะมีผลผลิตน้อยลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements