ตามรายของของยูเครน ปฏิกิริยานิวเคลียร์กำลังคุกรุ่นอีกครั้ง ซึ่งมันเกิดขึ้นในห้องใต้ดินที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล นับตั้งแต่ปี 1986 หลังเกิดการระเบิด นักวิจัยตรวจสอบจำนวนนิวตรอนในห้องที่เรียกว่า 305/2 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยห้องเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของเตาปฎิกรณ์ ที่นั้นเต็มไปด้วย ยูเรเนียม, เซอร์โคเนียม , กราไฟท์ และ “เท้าช้าง” วัตถุที่อันตรายที่สุดในโลกก็อยู่ที่นั้น
ระดับนิวตรอนที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า FCM (วัสดุส่วนประกอบเชื้อเพลิง) ภายในห้องกำลังเกิดปฏิกิริยาฟิชชันใหม่อีกครั้ง เนื่องจากนิวตรอนโจมตีและแยกนิวเคลียสของอะตอมยูเรเนียมทำให้เกิดพลังงานขึ้น
สำหรับตอนนี้กากกัมมันตรังสีนี้จะระอุ “เหมือนถ่านในหลุมบาร์บีคิว” Neil Hyatt เคมีวัสดุนิวเคลียร์แห่งมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ในอังกฤษ บอกเอาไว้ในนิตยสารวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่าถ่านปะทุเหล่านี้สามารถจุดไฟได้เต็มที่หากปล่อยทิ้งโดยไม่ได้รับการแก้ไข มันจะส่งผลให้เกิดการระเบิดอีกครั้ง
แม้การปะทุขึ้นอีกครั้งของเชอร์โนบิล จะไม่ร้ายแรงเท่ากับครั้งแรกที่ทำลายล้างพื้นที่รอบๆ และทำให้มีผู้เสียชีวิตนับพัน พ่นเมฆกัมมันตภาพรังสีไปทั่วยุโรป เพราะตอนนี้หากเกิดการระเบิดจริง มันจะถูกควบคุมให้อยู่ใน กรงเหล็กและคอนกรีตที่เรียกว่า Shelter มันเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และหนาที่ถูกสร้างเอาไว้รอบๆ เครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4 ที่พังยับเยิน
เมื่อปี 2018 พวกเขาได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “New Safe Confinement” มันเป็นที่คุมขังที่เชอร์โนบิลแห่งใหม่ ที่จะรับประกันความปลอดภัยที่มากกว่าเดิม มันถูกสร้างครอบอาคารหลังเก่าที่เรียกว่า “โลงศพ” เอาไว้อย่างมิดชิด โดยหวังว่ามันจะป้องกันหายนะที่เกิดขึ้นในอนาคตได้