ธรณีวิทยาที่น่าทึ่ง ‘การกำเนิด’ น้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเชียส

หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำตกวิกตอเรียในแอฟริกา หรือ น้ำตกไนแอการา และ อีกวาซูที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ผมเชื่อว่าหลายคนไม่เคยได้ยินเรื่องของน้ำตกใต้ทะเลมาก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าบนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าน้ำตกใต้ทะเลอยู่อย่างน้อยสองแห่ง นั้นคือ น้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเซียส และ น้ำตกใต้ทะเลแห่งช่องแคบเดนมาร์ก แต่ในเรื่องนี้ผมจะมาพูดถึงน้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเชียส

น้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเชียส อยู่ที่ไหน?

Advertisements

ที่นอกชายฝั่งแอฟริกาในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกเฉียงใต้ เป็นที่ตั้งของหมู่เกาะแมสคารีน (Mascarene Islands) ซึ่งประกอบไปด้วย เกาะมอริเชียส เกาะเรอูเนียง และ เกาะร็อดริก โดยเกาะมอริเชียส (island of Mauritius) คือเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสอง มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางกิโลเมตร บนเกาะมีภูเขาหินที่มียอดสูง 556 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มีประชากรมากกว่า 1.2 ล้านคน

เกาะมอริเชียสเป็นเกาะที่เกิดจากจุดร้อนของภูเขาไฟขนาดใหญ่ในมหาสมุทรอินเดีย มันเป็นที่ๆ เต็มไปด้วยพืชพันธุ์และสัตว์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แนวปะการังขนาดมหึมา และหนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงของเกาะแห่งนี้ก็คือ “น้ำตกใต้ทะเล” …ใช่แล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็มีคำอธิบายที่น่าสนใจเกี่ยวกับเบื้องหลังปรากฏการณ์อันน่าทึ่งนี้

น้ำตกใต้ทะเล เป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงใต้ทะเล

แม้ว่าแผ่นดินส่วนใหญ่บนโลกนี้ จะอยู่ในรูปแบบของทวีป แต่ก็มีข้อยกเว้นบางประการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในสถานที่บางแห่ง แม้จะถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเล ซึ่งอาจลึกลงไปได้หลายพันเมตร แต่แผ่นดินก็สามารถโผ่ลขึ้นมาได้ โดยถูกพลังของภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นมาจากเปลือกโลกดันขึ้นด้านบน

จุดร้อนหรือที่เรียกว่าฮอตสปอตทางธรณีวิทยาเหล่านี้ สามารถสร้างแผ่นดินขนาดเล็กขึ้นมากมายกลางมหาสมุทร ซึ่งมันจะถูกเรียกว่าเกาะ หากมีเยอะก็จะเรียกว่าหมู่เกาะ หากคุณนึกภาพของหมู่เกาะไม่ออกให้นึกถึง หมู่เกาะฮาวายหรือหมู่เกาะกาลาปากอส หมู่เกาะเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากภูเขาไฟทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามหมู่เกาะอันเป็นที่ตั้งของเกาะมอริเชียส ค่อนข้างต่างออกไปเล็กน้อย เพราะที่ใต้ผิวน้ำยังมีที่ราบสูงใต้ทะเลที่รู้จักกันในชื่อ ที่ราบสูงมาสการีน (Mascarene Plateau) ซึ่งเป็นที่ราบสูงใต้ทะเลในมหาสมุทรอินเดียทางเหนือและทางตะวันออกของมาดากัสการ์ ทอดยาวจากเซเชลส์ทางตอนเหนือถึงเรอูเนียงทางใต้ ครอบคลุมพื้นที่น้ำตื้นกว่า 115,000 ตารางกิโลเมตร มีความลึกระหว่าง 8 – 150 เมตร ที่ขอบจะลึกไปถึง 4,000 เมตร

ด้วยที่ราบสูงใต้ทะเลแห่งนี้ จึงทำให้พื้นที่บริเวณหมู่เกาะแมสคารีน มีมวลดินและทรายจำนวนมหาศาล และนี่คือเบื้องหลังของสิ่งที่ทำให้เกิดน้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเชียส

วิธีที่ทำให้เกิดน้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเชียส

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเรื่องที่ราบสูงใต้ทะเลกันก่อน โดยปกติแล้วที่ราบสูงใต้ทะเลจะมีลักษณะเฉพาะหลายประการ ซึ่งจะแตกต่างกันตามพื้นที่ และอย่างที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุดคงเป็น ผืนแผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วยสิ่งที่เราเรียกง่ายๆ ว่าไหล่ทวีป ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำลึกไม่กี่เมตรไปจนถึงร้อยกว่าเมตรและมีความชันเล็กน้อย

ในกรณีนี้คุณต้องเดินทางเป็นระยะทางที่ไกลมาก กว่าจะไปให้ถึงขอบของไหล่ทวีป จากนั้นก็จะเป็นลาดทวีป ซึ่งจะลึกและดิ่งลงไปอีก ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นพื้นมหาสมุทร และอาจได้เจอกับร่องลึก ซึ่งอาจลึกลงไปได้หลายพันเมตร

Advertisements

แต่! ที่ราบสูงใต้ทะเลที่อยู่รอบๆ เกาะมอริเชียสนั้นต่างออกไป เพราะแทนที่รอบเกาะทุกด้านจะเป็นไหล่ทวีปแบบทั่วไป ซึ่งปกติแล้วคุณต้องเดินทางไกลเพื่อไปยังขอบของไหล่ทวีป แต่สำหรับเกาะมอริเชียส จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่คุณว่ายน้ำออกไปเพียงไม่กี่นาที ก็จะพบเข้ากับระดับความลึกหลายพันเมตรทันที …หรือจะให้เทียบกับการเดินบนพื้นที่ชันไม่กี่องศา อยู่ๆ ก็ตกเหวไปเลย

ความจริงแล้วพื้นที่ทางตอนใต้ทั้งหมดของที่ราบสูงมาสการีน เป็นสิ่งที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ล้านปีก่อน โดยจากการวิจัย พวกเขาพบว่าฮอตสปอตในบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบมาเป็นเวลานานถึง 45 ล้านปี จนเมื่อ 10 ล้านปีก่อน ก็เกิดกิจกรรมของภูเขาไฟขนาดใหญ่ จนทำให้เกิดหมู่เกาะมาสคารีนขึ้นมา ในกรณีของ “น้ำตกใต้ทะเล” ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 8 ล้านปีก่อน ส่วนเกาะมอริเชียส ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 2 ล้านปีก่อน

และสิ่งที่ทำให้เกิดน้ำตกใต้ทะเลแห่งมอริเชียสนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนคิด มันไม่มีน้ำไหลอย่างต่อเนื่องจากที่สูงไปสู่ที่ต่ำกว่า ไม่มีสถานการณ์ที่มีแหล่งน้ำหลายแหล่งมาบรรจบกัน สิ่งที่ผลักดันให้เกิดน้ำตกใต้ทะเลอันน่าทึ่งของมอริเชียสนั้นเป็นอย่างอื่นไปโดยสิ้นเชิง มันคือ “ทราย” และมันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก

มันเริ่มต้นเมื่อกระแสน้ำในมหาสมุทรได้พัดพาทรายบริเวณชายฝั่ง มาที่ปลายด้านใต้ของเกาะมอริเชียส ที่มีไหล่ทวีปลึกไม่กี่เมตรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงใต้ทะเล และเมื่อไหล่ทวีปสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ก็จะพบเข้ากับเหวที่ลึกหลายพันเมตร ด้วยวิธีนี้จึงทำให้เกิดการจมลงของทรายจำนวนมหาศาล และมันก็จมลงสู่ก้นทะเลลึกอย่างต่อเนื่อง จนดูเหมือนเป็นน้ำตกนั้นเอง มันดูคล้ายน้ำตกไนแอการา เพียงแต่สิ่งนี้เกิดขึ้นที่ใต้น้ำและเปลี่ยนจากการไหลของน้ำเป็นการไหลทราย

เมื่อมาถึงตรงนี้หากคุณคิดตามมาเรื่อยๆ น่าจะคิดถึงเรื่องที่ว่า หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป! สักวันหนึ่ง เกาะมอริเชียส ก็ต้องหายไปนะซิ? ใช่! คุณคิดถูก ในตอนนี้เกาะมอริเชียสหยุดเติบโตแล้ว และกำลังถูกกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายมันจะกลายเป็นเพียงสันเขาของที่ราบสูงใต้ทะเล แต่ยังไงซะก็ยังต้องใช้เวลาอีกนับล้านปี และนี่ถือเป็นตัวอย่างของลักษณะชั่วคราวของโครงสร้างทางธรณีวิทยาทั้งหมดบนโลก …ที่จะเกิดขึ้นแล้วจะหายหรือเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด

น้ำตกใต้ทะเลแห่งช่องแคบเดนมาร์ก คืออะไร?

Advertisements

ในส่วนนี้ขอสรุปสั้นๆ แม้หลายคนอาจคิดว่ามันไม่ใช่น้ำตก แต่ในทางวิทยาศาสตร์มันคือน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก ไม่มีน้ำตกใดที่ยิ่งใหญ่และมีพลังมากไปกว่าน้ำตกที่อยู่ใต้มหาสมุทรแห่งนี้ น้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ขนาดมหึมาที่ซ่อนเร้นจากสายตาของเรา น้ำตกแห่งนี้อยู่ในช่องแคบเดนมาร์ก มันเกิดจากน้ำเย็นที่ไหลไปทางทิศใต้จากทะเลนอร์ดิก จนไปพบเข้ากับน้ำอุ่นจากทะเลเออร์มิงเกอร์

Advertisements

ด้วยน้ำที่เย็นและหนาแน่นจะจมลงใต้น้ำที่อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดการไหลผ่านของกระแสน้ำขนาดใหญ่ในพื้นมหาสมุทร ทำให้เกิดกระแสไหลน้ำลงสู้ทะเลลึกที่ประมาณกว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่ความสูงถึง 3,500 เมตร มันสูงกว่าน้ำตกแองเจิล (Angel Falls) ซึ่งเป็นน้ำตกสูงที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน โดยน้ำตกแองเจิลสูง 979 เมตรเท่านั้น …แน่นอนว่ามีคนจำนวนน้อยมากๆ ที่จะตกลงไปในกระแสน้ำของน้ำตกใต้ทะเลแห่งช่องแคบเดนมาร์ก นั้นเพราะคุณต้องดำน้ำลึกถึง 600 เมตร เพื่อไปให้ถึงยอดของน้ำตก

สำหรับน้ำตกใต้ทะเลแห่งช่องแคบเดนมาร์ก ถูกพบโดยนักสมุทรศาสตร์ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1870 แต่เพราะความลึกที่มาก และเทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่ดีพอ จึงทำให้ไม่สามารถศึกษาได้ ต้องรอไปอีกเกือบร้อยปี ซึ่งเป็นช่วงทศวรรษที่ 1960 จึงจะมีเครื่องมือที่ดีพอจะที่จะศึกษาได้

ปัจจุบันมีการค้นพบ น้ำตกใต้ทะเลอย่างน้อย 6 แห่ง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นยิ่งใหญ่มาก ตัวอย่างเช่น น้ำตกเซร่า (Ceara Cataract) ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกา มีอัตราการไหลระหว่าง 1-2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีน้ำตกริโอแกรนด์ (Rio Grande Cataract) ที่มีอัตราการไหลถึง 4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอาจใหญ่กว่าหรือพอๆ กับน้ำตกใต้ทะเลแห่งช่องแคบเดนมาร์ก

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements