แมว นักฆ่ามหาภัย?
“แรงบันดาลใจสำหรับภาพนี้มาจากงานของ WildCare องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่เป็นโรงพยาบาลสัตว์ป่าที่ตั้งอยู่ใน San Rafael, California สัตว์จำนวนถึง 321 ตัว ที่ได้รับบาดเจ็บจากแมว ถูกนำมารักษาที่นี่ในปี 2019 มีเพียง 89 ตัว ที่รอด ส่วนอีก 232 ตัว ที่เหลือได้ตายระหว่างการพยายามช่วยเหลือ และพวกสัตว์เล็กที่ตายได้ถูกบันทึกลงบนแผ่นฟิลม์โดย Jak Wonderly”
แมวเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการตายที่ไม่ใช่ตายโดยธรรมชาติของนก
นักวิจัยเปรียบเทียบข้อมูลการตายของนกในสหรัฐและแคนนาดา ในแต่ละปีที่มีผลจากสาเหตุต่างๆ โดยแมวครองอันดับ 1 มาตลอด แบ่งเป็น แมวจรจัดมาอันดับ 1 และแมวบ้านอันดับ 2
“การที่มีสัตว์ตายมากมายตรงหน้าคุณ และคุณรู้ว่ามันตายจากสาเหตุเดียวกัน ทำให้รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
Wonderly ทำงานกับซากสัตว์เหล่านี้ จนกระทั้งเขามีความคิดจะทำให้ภาพการตายจำนวนมากนี้ กระตุ้นให้ผู้คนสนใจได้ แนวคิดดั้งเดิมนั้นมาจาก Melanie Piazza ผู้อำนวยการของศูนย์ดูแลสัตว์ที่ WidCare ที่มีประสบการในการดูแลสัตว์ป่าถึง 20 ปี
โครงการ “Caught by Cats” นั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ ในวันที่ถ่ายภาพนั้น Piazza เอาซากสัตว์ออกจากช่องแช่แข็งที่ WildCare และนำกลับไปที่บ้านเพื่อให้มันหายแข็ง วันต่อมานั้นซากพวกมันนั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผลเพื่อหยุดของเหลวจากร่างกายของมัน ในขณะที่ Wonderly ถ่ายภาพ
“เป้าหมายของเรานั้นไม่ได้เป็นการสร้างความพะอืดพะอมหรือความน่าตกใจ” เราต้องการนำเสนอสัตว์เหล่านี้ด้วยความเคารพและให้คนสนใจพวกมันด้วยความสวยงามปนเศร้า” Piazza กล่าวไว้
ปัญหาของพวกแมวจรจัด
แมวนั้นมีส่วนในการสูญพันธุ์ของสัตว์ถึง 63 สายพันธุ์ และส่วนมากที่สุดคือนก – Peter Marra ผู้อำนวยการของฝ่ายสิ่งแวดล้อมเมือง Georgetown Environment “การที่มันมีส่วนในการสูญพันธุ์นั้นนับว่าแย่พอแล้ว และยังมีผลกระทบต่อประชากรสัตว์เล็กในวงกว้าง” – Peter Marra กล่าวเสริม
Marra ผู้ที่เคยเป็นอดีตผู้อำนวยการของ Smithsonian’s Migratory Bird Center และเป็นผู้เขียนเรื่อง Cat Wars : The Devastating Consequences of a Cuddly Killer ซึ่งกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้แมวนั้นอันตรายต่อสายพันธุ์สัตว์ต่างๆ ซึ่งหนังสือนี้วางจำหนายในปี 2016 มันไม่เปลี่ยนแปลงกฏข้อบังคับเกี่ยวกับแมวจรจัดมากนัก โดยมันเป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตัวและความเข้าใจแก่ผู้คน
บางคนแย้งว่าแมวเป็นสัตว์นักล่า และควรปล่อยมันให้เป็นอิสระและล่าเหยื่อตามที่มันต้องการ แต่จากที่บันทึกไว้ของ Piazza การล่ามันไม่ยุติธรรม โดยข้อโต้แย้งนี้มองข้ามปัจจัยสำคัญหลายประการ
ในธรรมชาตินั้นความสัมพันธ์ของนักล่าและเหยื่อ นักล่าจะล่าเฉพาะตอนมันหิว – Piazza อธิบาย ในการหยุดพักการล่าของนักล่านั้นทำให้เหยื่อของมันมีการเพิ่มจำนวน แต่แมวนั้นได้มารบกวนวงจรนี้ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ล่าเพื่อความสนุก ทำให้มันฆ่าสัตว์ขนาดเล็กจำนวนมาก
“กล้องติดแมว” มันได้แสดงให้เห็นว่าแมวนั้นล่าอะไรบ้าง
มันเป็นพื้นที่เดิมในระหว่าง 15 – 20 ปี แมวพวกนี้ได้รับอาหารจากมนุษย์ มันไม่จำเป็นต้องล่าเพื่อมีชีวิตรอด – Piazza กล่าวไว้ “แมวพวกนี้มันล่าอย่างต่อเนื่องและไม่มีอะไรรบกวนประชากรพวกมัน ดังนั้นจึงแทบไม่ได้ให้เวลากับประชากรสัตว์ป่าในท้องถิ่นที่จะฟื้นตัวไม่เหมือนนักล่าตามธรรมชาติ”
ในส่วนของแมวจรจัดนั้นยังเป็นประเด็น โดย Piazza กล่าวว่าโครงการนี้ไม่ได้เป็นการที่จะสร้างความขัดแย้งกับเหล่าคนรักสัตว์ เป้าหมายของเธอนั้น เธอแนะนำให้เจ้าของแมวนั้นเลี้ยงแมวในระบบปิด ไม่เพียงแต่จะเป็นการป้องกันสัตว์เล็กจากการโดนล่า และยังเป็นการทำให้แมวพวกนั้นมีสุขภาพที่ดีและปกป้องแมวจากอุบัติเหตุและสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่ชนิดอื่นเช่น สุนัข งู และนกอินทรีย์