ไข่เบลูก้าสีทอง ‘แพงที่สุดในโลก’ ได้มาจากปลาอะไร?

หลายคนก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า "ไข่ปลาคาเวียร์" เป็นหนึ่งในอาหารราคาแพง ซึ่งบางคนก็คงคิดว่า ไม่เห็นจะอร่อยเลย ผมเองก็เห็นด้วย อาจเป็นเพราะผมลิ้นไม่ถึงเป็นได้ และถึงแม้ไข่ปลาคาเวียร์จะแพง แต่ก็เทียบไม่ได้กับไข่ปลาเบลูก้า และยิ่งเทียบไม่ติด เมือต้องเจอเข้ากับไข่ที่ได้จากปลาเบลูก้าเผือก อายุ 60 -100 ปี แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องไข่ หลายคนคงจะสงสัยว่า "ปลาเบลูก้า" คืออะไร? ...เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังกัน

ปลาเบลูก้า คืออะไร?

Advertisements

เมื่อพูดถึง “เบลูก้า” หลายคนอาจนึกถึง ‘วาฬเบลูก้า’ แต่มันไม่ใช่ตัวที่ผมจะพูดถึงในเรื่องนี้ แต่เป็น เบลูก้า ที่มีชื่อเต็มว่า ปลาสเตอร์เจียนเบลูก้า ซึ่งมีชื่อสามัญว่า “Beluga” และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ฮูโซ ฮูโซ (Huso huso) มันเป็นปลาที่ยาวได้ถึง 8 เมตร เป็นปลาสองน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จริงๆ แล้วมันตัวใหญ่กว่าฉลามขาวยักษ์ซะอีก และถึงจะบอกว่าเป็นปลาสองน้ำ แต่เบลูก้าชอบอยู่ในแม่น้ำที่เป็นน้ำจืดมากกว่า

Beluga / Huso huso

และมีหลายคนอาจคิดว่า ปลาเบลูก้า คือ ปลาสเตอร์เจียนขาว แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น พวกมันทั้งสองต่างกันทั้งรูปร่างและถิ่นอาศัย สเตอร์เจียนขาวยาวสุดเท่าที่เคยมีบันทึกไว้คือ 6.1 เมตร หนัก 816 กิโลกรัม ส่วนเบลูก้ายาว 7 เมตร และหนัก 1,500 กิโลกรัม มาถึงตรงนี้จะเห็นว่า “เบลูก้า” หนักกว่ามากๆ แม้จะยาวกว่ากันไม่ถึงเมตร

White sturgeon / Acipenser transmontanus

โดยทั่วไปเบลูก้า หากมีชีวิตนานพอ มันจะยาวถึง 5 เมตรได้อย่างไม่มีปัญหา ขีดจำกัดอายุขนาดของปลาชนิดนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน ตัวที่อายุยืนที่สุดคาดว่าจะอยู่ที่ 130 ปี ซึ่งเป็นเบลูก้าที่ยาว 7 เมตร ที่จับได้ในแม่น้ำโวลกา ส่วนตัวใหญ่ที่สุดแต่ไม่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการคือ 8 เมตร หนัก 3,200 กิโลกรัม

ด้วยน้ำหนักขนาดนี้ เราสามารถเอามันเข้าไปอยู่ในรายชื่อหนึ่งในปลาใหญ่ที่สุดในโลกได้เลย และเพราะแบบนี้ไข่ที่ได้จากปลาชนิดนี้จึงแพงกว่าปลาสเตอร์เจียนชนิดอื่นๆ

แล้วไข่ปลาคาเวียร์ “เบลูก้า” มาจากไหน

เนื่องจากเบลูก้า เป็นปลาที่มีอายุยืนยาว และมันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังไม่ตาย แต่ขนาดใหญ่ทั่วไปที่สามารถพบได้ในยุคนี้จะยาวประมาณ 5 เมตร และหนัก 900 กิโลกรัม แต่เพราะเบลูก้าในตอนนี้ อยู่ในสถานะการอนุรักษ์ระดับสูงสุด และเป็นปลาที่เสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ ด้วยเหตุนี้ คุณอาจจะไม่ได้เห็นไข่ปลาเบลูก้าจากธรรมชาติอีกต่อไป

ใช่แล้ว ในตอนนี้ไข่ปลาคาเวียร์ทุกชนิด ได้มาจากฟาร์มทั้งหมด ไข่ปลาเบลูก้าก็เช่นกัน แต่ของเบลูก้าจะพิเศษ เพราะต้องเป็นปลาที่มีอายุอย่างน้อย 20 ปี แถมในโลกนี้มีเพียงไม่กี่ฟาร์มเท่านั้นที่สามารถเลี้ยงปลาชนิดนี้ได้

โดยปกติไข่ที่ได้จากปลาเบลูก้าอายุน้อย หรือประมาณ 20 ปี จะมีสีออก “สีดำหรือดำทอง” แต่สำหรับ “ไข่ปลาสีทองหรือทองขาว” จะได้จากปลาเบลูก้าเผือก อายุประมาณ 60 – 100 ปี …ซึ่งเป็นไข่ปลาที่ถูกเรียกว่าอัลมาส (Almas) และเป็นที่แน่นอน เมื่อนำไข่ออกมา ปลาก็จะต้องตายไปเช่นกัน

ในอดีตจะพบเบลูก้าเผือกได้ที่ทะเลแคสเปียนทางตอนใต้ใกล้อิหร่าน ซึ่งเป็นที่ๆ มีมลพิษน้อย มันเป็นปลาที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งปกติไข่ปลาคาเวียร์ที่ได้จากปลาเบลูก้า ทั่วไปจะมีสีดำ จนถูกเรียกว่า “ทองคำดำ” แต่กลับเบลูก้าเผือกจะเป็นสีเหลืองทอง และถึงแม้ในตอนนี้จะมีการเพาะเลี้ยงเบลูก้าเผือกได้แล้ว แต่หากต้องการไข่สีทอง ก็ต้องเลี้ยงปลาชนิดนี้นานมากๆ อยู่ดี

สำหรับราคาไข่ปลาเบลูก้า “สีดำ” 50 กรัม ราคาอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท ส่วนไข่ปลาเบลูก้า “สีทอง” 50 กรัม ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 14,000 บาท …ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบนด์และแหล่งผลิต หากเป็นสินค้าจากจีนอาจถูกลงมาอีกหน่อย

และนี่คือเรื่องราวของไข่ปลาราคาแพงที่เป็นตำนาน จริงๆ แล้ว ไข่ปลาคาเวียร์เบลูก้าสีดำ ก็ถือว่าหากินยากมากแล้ว แต่เมื่อเป็นไข่ปลาคาเวียร์เบลูก้าสีทอง ก็ไม่ต้องพูดถึง ถ้าอยากลองต้องมีเงินมากหน่อย ส่วนตัวขอผ่าน ขอไปกินไข่กุ้งแทนก็แล้วกัน แต่เขาว่าไข่ปลาซัคเกอร์ก็อร่อยไม่เบานะ แถมไข่ปลาซัคเกอร์แค่งมหารังของปลาชนิดนี้ให้เจอก็พอ แต่ผมไม่เคยกินนะ …ใครเคยกินก็มาเล่าให้ฟังกันหน่อยว่าอร่อยหรือเปล่า?

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements