เปิดตำนาน ‘จ้าววังโนราห์’ จระเข้แห่งสุราษฎธานี

ประเทศไทยมีตำนานที่เกี่ยวกับจระเข้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น พญาชาละวัน ไอ้ด่างเกยไชย ไอด่างบางมุด จระเข้ทั้งหมดนี้เป็นจระเข้ขนาดใหญ่ ที่ดุร้าย และสังหารมนุษย์มาแล้วมากมาย แต่ก็มีจระเข้บางตัวที่เรื่องราวไม่ค่อยชัดเจนดังเช่น 'จ้าววังโนราห์' ที่กำลังพูดถึงตอนนี้

จ้าววังโนราห์

คลองอีปันซึ่งเป็นคลองธรรมชาติแยกจากแม่น้ำตาปีในจังหวัดสุราษฎธานี เป็นคลองที่กล่าวกันว่ามีเป็นที่ชุกชุมของจระเข้มากมาย และหนึ่งในนั้น ที่ถือว่าเป็นตำนานเล่าขานของสองฝั่งคลองอีปันก็ คือสถานที่ๆ เรียกกันว่า “วังโนราห์”

เหตุที่ได้ชื่อนี้มีเรื่องเล่าว่า ณ ค่ำคืนหนึ่งคณะมโนราห์กลับจากการไปแสดงในยามดึก จำต้องล่องเรือสำปั้นใหญ่ ผ่านเข้าสู่เวิ้งน้ำกว้างของคลองอีปัน ทันใดนั้นเองก็ปรากฏจระเข้ใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยู่ในวังน้ำ มันจู่โจมและหมุนเรือจนคว่ำ จากนั้นจึงขย้ำฉีกกินเหล่ามโนราห์เคราะห์ร้ายจนหมดทั้งลำเรือ ..สถานที่แห่งนั้นจึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและกระแสโลหิตอันไหลหลั่งเต็มลำน้ำ

ณ ที่แห่งนั้นจึงได้รับการเรียกขานกันว่า “วังโนราห์” และได้ขนานนามจ้าวผู้ครอบครองวังน้ำแห่งนั้นว่า “จ้าววังโนราห์” จากวันนั้นผ่านไปไม่นานนัก ก็ปรากฏเหยื่อเคราะห์ร้ายอีก 2 รายซ้อนๆ กัน ทั้งคู่เป็นชายชาวบ้านน้ำและเป็นคู่หูกันมายาวนาน วันหนึ่งทั้ง 2 ออกไปตัดหวายตามปกติเพื่อนำมาจุลเจือครอบครัวบริเวณทางตอนเหนือของคลองแล้ว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ชาวบ้านแถบละแวกนั้น พร้อมผู้ใหญ่บ้านต่างระดมลูกบ้านออกตามหาแต่ก็ไม่เจอ พบเพียงแต่เรือของชายทั้ง 2 ที่ถูกคว่ำจนจมและแตกละเอียดเหมือนโดนแรงมหาศาลของพญาสัตว์เข้าขย้ำอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต่างลงความเห็นว่า ชายทั้ง 2 โดนจ้าววังโนราห์คาบไปกินเสียแล้ว

อีกไม่กี่วันต่อมาก็ปรากฏหญิงสาวชาวน้ำพายเรือเพื่อกลับบ้าน แต่เมื่อผ่านวังโนราห์แล้วก็หายตัวไปเฉยๆ ชาวบ้านพบเพียงเรือพายที่คว่ำพร้อมกับมีรอยแตกจากการขบกัดด้วยแรงมหาศาล …เสร็จไปอีกหนึ่ง




หลังจากได้ลิ้มรสชาติเนื้อมนุษย์มาหลายครั้ง จระเข้ร้ายเริ่มรู้สึกติดใจจึงเริ่มออกอาละวาดอีกคราวนี้เหยื่อของมันเป็นชายชราผู้มีอาชีพหาของป่าถูกคว่ำเรือจนถูกลากไปกินอีกราย

ท่ามกลางความหวาดกลัวของชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงทำการว่าจ้างหมอปราบจระเข้ฝีมือฉกาจมาจากแหล่งต่างๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจ้าววังโนราห์จะรู้ทัน มันหนีไปกบดานเงียบเหมือนนกรู้ จนชาวบ้านต่างเล่าลือกันว่ามันเป็น “จระเข้ผีสิง”

แต่จะอย่างไรก็ตามแต่ด้วยความสามารถของ “โอม ชุมทอง” พรานจระเข้หนุ่มฝีมือดี ที่เข้ามาล่าจ้าววังจนมันต้องเป็นฝ่ายหนีหัวซุกหัวซุนและถูกเผด็จศึกลงได้ในที่สุด ความสงบสุขของที่นี่จึงหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คงเหลือเพียงตำนานเล่าขาน ถึงความโหดร้ายอำมหิตของจระเข้ร้ายที่ชื่อ “จ้าววังโนราห์” เอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements