ประวัติการมาไทยของสามปลาคาร์ปจีน กับเรื่องบอสปลาจีนตัวที่สี่แมลงสาบสีดำ

สมัยก่อนโน่นถ้าพูดถึงการเอาปลาจีนมาทำอาหาร หลายคนคงคิดว่าไม่อร่อย เพราะผู้ใหญ่มักจะเล่าว่ามันเหม็น แต่จะเหม็นจริงหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยกินเลยจริง โดยส่วนตัวผมเคยจับปลาจีนได้ตัวเดียวในธรรมชาติ แล้วก็คิดว่าทำไมมันไม่ระบาดเยอะเหมือนอเมริกากันนะ ...เอาล่ะเดี๋ยวเรามาคุยเรื่องนี้ประกอบกับทำความรู้จักปลาจีนทั้งสามกัน

ปลาจีน 3 ชนิดที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ ปลาเฉา, ปลาลิ่นและปลาซ่ง จากชื่อทั้ง 3 ในมุมมองนักตกปลาอย่างผม ผมว่าน่าจะรู้จักชื่อ “ปลาซ่ง” มากที่สุด มันมีอีกชื่อว่า “ปลาซ่งฮื้อ” ปลาตัวนี่รู้สึกจะนิยมเอาหัวปลามาทำอาหารกินกันด้วย

หากถามว่าปลาจีนทั้งสามตัวมาจากไหน? แน่นอนว่าชื่อปลาก็บอกว่าเป็นปลาจีน ก็ต้องนำเข้าจากจีน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดุกรัสเซีย ดันเป็นปลาแอฟริกา ปกติคนไทยจะนิยมบริโภคกัน 3 ชนิด ทั้งหมดเป็นปลาในวงศ์ปลาตะเพียน และเป็นปลาที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2500 ซึ่งปลาทั้งหมดเป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกัน

ปลาซ่ง ปลาซ่งฮื้อ หรือ ปลาหัวโต (Bighead carp)

สำหรับปลาจีนทั้ง 3 ชนิด เป็นปลาน้ำจืดและเป็นปลากินพืชทั้งหมด เราสามารถเลี้ยงพวกมันได้ในบ่อดิน จึงพบได้ในบ่อตกปลาเช่นกัน และปลาจีนในไทยจะ “ไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ในธรรมชาติได้” ต้องทำการฉีดฮอร์โมนเพื่อผสมเทียม ซึ่งปลาจีนมีการทดลองเลี้ยงครั้งแรกภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

และดูเหมือนโชคยังดีที่คนไทย สามารถควบคุมปลาจีนทั้ง 3 ชนิดนี้ได้ เพราะอย่างน้อยพวกมันก็ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ตามใจชอบ แถมคนไทยยังกินปลาเก่งมากด้วย เรื่องที่ปลาจีนจะกลายเป็นสัตว์รุกรานในไทยคงเป็นไปได้ยาก แต่ในประเทศอื่นโดยเฉพาะอเมริกานั้นต่างออกไปมาก …ต่อไปมาดูข้อมูลคร่าวๆ ของปลาเฉา, ปลาซ่งและปลาลิ่น ในประเทศไทย

ตัวที่ 1 – ปลาเฉา (Ctenopharyngodon idella)

Advertisements

ปลาเฉา เฉาฮื้อ หรือ ปลากินหญ้า (Grass Carp) ขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาวได้ถึง 1 เมตร แต่โดยเฉลี่ยจะยาวประมาณ 50-70 เซนติเมตร มีรูปร่างยาวทรงกระบอก ส่วนหัวเล็กและกลมมน ในช่องคอมีฟันที่แข็งแรง และไม่มีหนวด

ตามบันทึก ในปี พ.ศ. 2465 ปลาเฉาถูกนำเข้ามาในประเทศไทย ทางเรือสำเภาโดยชาวจีนผ่านทางฮ่องกง จากนั้นก็ถูกนำเข้ามาเลี้ยงอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ประกอบอาหาร

ต่อมากรมประมงได้ทดลองเพาะขยายพันธุ์ด้วยการฉีดฮอร์โมนจนสำเร็จในปี พ.ศ. 2509 จึงได้มีการขยายพันธุ์ปลาชนิดนี้ในประเทศได้สำเร็จจนถึงปัจจุบัน โดยที่ปลาจะไม่สามารถไข่เองตามธรรมชาติแต่จะเกิดจากการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นเท่านั้น

ตัวที่ 2 – ปลาลิ่น (Hypophthalmichthys molitrix)

ปลาลิ่น หรือ ปลาเกล็ดเงิน (Silver Carp) มีขนาดประมาณ 30-50 เซนติเมตร แต่เคยพบใหญ่สุด 105 เซนติเมตร หนักประมาณ 50 กิโลกรัม เป็นปลาที่ชาวจีนนิยมบริโภคเพราะมีรสชาติดี แม้ว่าจะมีก้างเยอะก็ตาม

ปลาชนิดนี้มีส่วนหัวโต ตาเล็กอยู่ต่ำกว่ามุมปาก ปากและข้างแก้มกว้าง ครีบหลังเล็กอยู่ประมาณกึ่งกลางลำตัว ครีบก้นเล็ก ครีบหางเว้าลึก เกล็ดเล็กแบบขอบเรียบ ด้านท้องเป็นสันแคบ ตัวมีสีเงินคล้ำที่ด้านหลัง และสีเงินแวววาวที่ด้านท้อง หัวมีสีคล้ำอมแดงหรือสีเนื้อ ครีบมีลักษณะสีจาง

ปลาลิ่นถูกนำเข้ามาในประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ. 2465 – 2475 โดยถูกนำเข้ามาพร้อมกับชาวจีนทางเรือสำเภา ต่อมากรมประมงและคณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการทดลองผสมเทียมขึ้นจนประสบความสำเร็จ

ตัวที่ 3 – ปลาซ่ง (Hypophthalmichthys nobilis)

ปลาซ่ง ปลาซ่งฮื้อ หรือ ปลาหัวโต (Bighead carp) ขนาดทั่วไปคือ 60 เซนติเมตร แต่ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยจับและบันทึกเอาไว้คือ 146 เซนติเมตร โดยปลาซ่งเป็นปลาที่มีลักษณะเดียวกับปลาลิ่น และเป็นปลาในสกุลเดียวกัน ทั้งมีขนาดและถิ่นกำเนิดในแหล่งเดียวกัน แต่ทว่าปลาซ่งจะมีส่วนหัวที่โตกว่าปลาลิ่น และส่วนท้องมนกลมไม่เป็นสันแคบเหมือนปลาลิ่น

ตามบันทึกปลาซ่งถูกนำเข้าประเทศไทยในช่วงเดียวกับปลาลิ่น หรือราวปี พ.ศ. 2465-2475 โดยเรือสำเภาชาวจีนจากเมืองซัวเถา ต่อมากรมประมงสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการฉีดฮอร์โมนและผสมเทียม ซึ่งปลาในธรรมชาติจะไม่วางไข่เองเช่นกัน

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับปลาจีนในอเมริกา?

Advertisements

ในอเมริกาปลาจีนจะถูกเรียกรวมว่าปลาคาร์ปเอเชีย “Asian Carp” ซึ่งแรกเริ่มก็มี 3 ชนิดเหมือนเรา แต่เป้าหมายในการนำเขาของพวกเขาไม่เหมือนเรา พวกนั้นเอามาเลี้ยงเพื่อให้ปลาจีนช่วยกินตะไคร่หรือเศษอาหารในบ่อเลี้ยงปลา แต่แล้วพวกมันก็ดันหลุดเข้าไปในธรรมชาติ

และก็ไม่รู้ทำไมปลาจีนที่อเมริกาตัวใหญ่กว่าบ้านเรา และยังสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะปลาหัวโต หรือปลาซ่ง ถือเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของอเมริกาอย่างหนักมากๆ ตามข้อมูลระบุว่า บางแหล่งน้ำในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร มีปลาจีนอาศัยอยู่หลายพันตัว …ใช่แล้วพวกมันทั้ง 3 อยู่ดีกินดีในอเมริกา มากกว่าในประเทศไทยหรือประเทศต้นกำเนิดซะอีก

ปลาคาร์ปดำ (black carp) หรือ แมลงสาบสีดำจีน (Chinese black roach) / Mylopharyngodon piceus

แถมงานวิจัยล่าสุดที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคมปี 2022 มีรายงานว่าปลาชนิดที่ 4 ที่มีชื่อว่าปลาคาร์ปดำ (black carp) หรือ แมลงสาบสีดำจีน (Chinese black roach) ซึ่งอาจพูดได้ว่ามันเป็นบอสของปลาจีน มันเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ยาวได้ถึง 1.9 เมตร หนักเกิน 100 กิโลกรัม

โดยนักวิจัยระบุว่า พวกเขาพบว่าประชากรของปลาคาร์ปจีนขนาดใหญ่พวกนี้ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในธรรมชาติโดยสมบูรณ์ ในตอนนี้พวกมันสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ และมีชีวิตอยู่จนโตเต็มวัยได้อย่างไม่มีปัญหา

โดยปลาชนิดนี้ที่ยาวได้เกือบ 2 เมตร พวกมันอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศ มันกินสัตว์น้ำหลายชนิด โดยเฉพาะหอยทากและหอยแมลงภู่ และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสัตว์น้ำพื้นเมืองจำนวนมาก

ปลาในวงศ์ปลาตะเพียนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก?

รู้หรือไม่ปลาในวงศ์ปลาตะเพียนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือปลา กระโห้ (Siamese giant carp – Catlocarpio siamensis) ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่มากของไทย มันยาวได้ประมาณ 1.5 เมตร แถมยังตัวอ้วน ปลากระโห้จึงเป็นปลาที่หนักมากเช่นกัน ส่วนตัวที่เคยพบใหญ่สุดคือ 3 เมตร หนักได้ถึง 150 กิโลกรัม

เป็นปลาที่พบเฉพาะในแม่น้ำสายใหญ่ ตั้งแต่แม่น้ำแม่กลองถึงแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในแม่น้ำเจ้าพระยา ในแถบที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทยในหลายจังหวัด และยังพบได้บ้างที่แม่น้ำป่าสัก …ปัจจุบันเป็นปลาที่เสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements