ก้าวแรกสู่การตกปลา ตอนทำความเข้าใจปลาให้มากกว่าเดิม

ตกปลา ไม่ว่าจะเป็นตกปลา หน้าดิน ทุ่นลอย หรือแม้แต่ตีเหยื่อปลอม ความรู้ที่จะสร้างโอกาสจับปลาได้มากขึ้นนั้นก็คือ รู้จักปลา มากแค่ไหน ในเรื่องนี้มาเพิ่มความเข้าใจปลาน้ำจืดที่มักพบในไทย ว่ามันเป็นยังไงกันดีกว่า

ตกปลา ไม่ว่าจะเป็นตกปลา หน้าดิน ทุ่นลอย หรือแม้แต่ตีเหยื่อปลอม ความรู้ที่จะสร้างโอกาสจับปลาได้มากขึ้นนั้นก็คือ รู้จักปลา มากแค่ไหน ในเรื่องนี้มาเพิ่มความเข้าใจปลาน้ำจืดที่มักพบในไทย ว่ามันเป็นยังไงกันดีกว่า

การสังเกตชนิดของปลา

Advertisements

มีปลาอะไรบ้าง คงไม่ถึงกับต้องรู้มันทั้งหมดหรอก เอาเป็นว่าปลาที่จะกล่าวถึงนี้เป็นปลาที่นักตกปลาสามารถพบเห็นหรือตกกันได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือตามฟิชชิ่งปาร์ค แต่หากออกตกปลาตามหมายธรรมชาติแล้วโอกาสที่จะรู้จักปลาใหม่ๆ แปลกๆ ย่อมมีมากกว่าการตกตามฟิชชิ่งปาร์ค เรามาดูว่ามันมีปลาอะไรบ้างในแหล่งน้ำจืดบ้านเรา

ที่ต้องยกเอาคำว่าน้ำจืด ขึ้นมานำเสนอก็เพราะว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแม่น้ำ, ลำคลอง, ห้วยหนอง, เขื่อนกักเก็บน้ำ, บ่อขุด มองเห็นว่านักตกปลาส่วนใหญ่มักจะมีโอกาสได้สัมผัสกับแหล่งน้ำจืดมากกว่าน้ำทะเล จึงขอนำเสนอในรูปแบบของการตกปลาน้ำจืด และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากความเกินไป เรามาดูกันเลยว่าปลาน้ำจืดในบ้านเรานั้น มีความเป็นอยู่อย่างไรอาหารการกินของมันเป็นอย่างไร ซึ่งพอจะแยกประเภท – ชนิดของปลาดังต่อไปนี้

ก. การสังเกตชนิดของปลาจากรูปลักษณะภายนอก

1. ปลาหนัง อาทิเช่น ปลาบึก, สวาย, เทโพ, เทพา, ดุก, กด, สายยู, อุบ, เค้า, ไหล, เนื้ออ่อน, แดง, น้ำเงิน, สังกะวาด, คางเบือน, และ แขยง เป็นต้น
2. ปลาเกล็ด อาทิเช่น ปลาตะเพียน, ตะพาก, ตะโกก, กา, เพี้ย, กระมัง, กระแห, กระสูบ, ช่อน, ชะโด, ล่อนม กระสง, กระโห้, นิล, ยี่สก, นวลจันทร์, ซ่งฮื้อ, แรด, ฉลาด, กราย และ กระทิง เป็นต้น

ข. การสังเกตชนิดของปลาจากพฤติกรรมการกินอาหาร

1. ปลากินพืช อาทิเช่น ปลายี่สก, ปลาสลิด, ปลาซ่ง, กระมัง, กระแห เป็นต้น
2. ปลากินเนื้อ อาทิเช่น ปลาช่อน, ชะโด, กระสูบ เป็นต้น
3. ปลากินทั้งเนื้อและพืช อาทิเช่น ปลาสวาย, แรด, ตะเพียน เป็นต้น

สำหรับปัจจุบันนี้ พฤติกรรมการกินอาหารของปลาค่อนข้างเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและชุมชน เช่น ปลาสวายบริเวณชุมชนบ้านเรือนจะกินอาหารที่มาจากเศษอาหารของคนในถิ่นนั้นๆ เพราะฉะนั้นเราอาจจะตกปลาในบริเวณนี้ได้ด้วยข้าวปั้น, ขนมปัง, รำนวด, หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น

นักตกปลาที่ช่างสังเกตก็สามารถจะหาเหยื่อที่ถูกปากปลา โอกาสที่จะได้ตัวก็มากกว่า แต่ปลาสวายบางแห่งที่อยู่ห่างไกลจากชุมชนอาจจะมีพฤติกรรมการกินที่แตกต่างกันไปเช่น เหยื่อหมัก ไส้ไก่สด หรือผลไม้สุก เป็นต้น

ปลาตะเพียนที่เราเคยรับรู้มาหรือเคยตกได้จาก ผักชี, รวงข้าว, ยอดผักบุ้ง แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่ตกมันขึ้นมาได้จากไส้เดือนหรือแมลงแกลบ เห็นไหม..? บางช่วงบางเวลาปลากินพืชอาจจะกินเนื้อสัตว์ และบางช่วงมันก็กินพืช แต่ที่แยกประเภทการกินอาหารของมันเป็นประเภทกินพืชและประเภทกินเนื้อนั้น เพราะส่วนใหญ่แล้วมันจะกินอาหารอย่างนั้นเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งพฤติกรรมการกินของมันจะช่วยให้เราเลือกหาเหยื่อที่จะใช้ตกมันได้ และจะนำมาซึ่งความสำเร็จในการตกปลาประเภทนั้นๆ

ค. แหล่งที่อยู่อาศัยของปลา

Advertisements

1. แหล่งน้ำไหลตามธรรมชาติ ประเภท แม่น้ำ, ลำคลอง, ธารน้ำ อาทิ เช่น ปลากด, ปลากระทิง, ปลาสวาย และฯลฯ เป็นต้น
2. แหล่งน้ำนิ่ง ประเภท บ่อขุด, เขื่อนหรือ่างกักเก็บน้ำ อาทิเช่น ปลาแรด ปลาซ่ง, ปลาช่อน, ปลาชะโด เป็นต้น
แต่ก็มีข้อยกเว้นอีกเช่นกัน ปลาบางชนิดปรับสภาพได้ (ตามความจำเป็นของมัน) เช่น ปลาสวาย, ปลาบึก, ปลายี่สก ซึ่งมันสามารถอยู่ในน้ำนิ่ง (ไม่มีการไหลของกระแสน้ำ) อย่างเช่นฟิชชิ่งปาร์ค

แต่ก็มีอยู่หลายต่อหลายครั้งที่เคยตกปลาช่อนได้ในคลองที่มีกระแสน้ำไหลขึ้น-ลงตลอด จนคลื่นของเรือที่วิ่งอยู่ตลอดทั้งวัน แต่เป็นประเภทนานทีปีละตัวอะไรทำนองนั้น

ประสาทสัมผัสการรับรู้ของปลา

เคยสงสัยบ้างไหมว่า ปลาบางตัวมีหนวดยาว บางตัวมีหนวดสั้น หรือบางตัวไม่มีหนวดเลย ปลามีหนวดไว้ทำไม.? หนวดเหล่านี้แหละเป็นตัวเซ็นเซอร์ของมัน ปลาแต่ละชนิดสามารถปรับสภาพร่างกายของตัวมันให้รับรู้สัญญาณจากภายนอกได้ ทำให้ปรับระบบร่างกายให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศหรือแหล่งอาศัยของมัน

ปลาใช้ประสาทในการรับรู้อะไรบ้าง?

1. ลูกนัยน์ตา

Advertisements

ปลานั้นมีลูกนัยน์ตาอยู่ด้านข้าง มันจึงสามารถมองได้กว้างเป็นพิเศษ ปลาที่อยู่ในสภาพน้ำใสตามเขื่อนหรืออ่างกักเก็บน้ำ จะสามารถมองเห็นได้ดีกว่าปลาที่อยู่ตามสภาพน้ำขุ่นอย่างแม่น้ำ, ห้วยหนอง, คลองบึง นอกจากนี้มันสามารถจำแนกสีต่างๆ ได้ซึ่งจุดนี้เองทำให้มนุษย์ผู้มีสมองอย่างเราๆ นำไปสร้างเหยื่อปลอมขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับเหยื่อตามธรรมชาติของมัน แต่การมองเห็นของปลามีระยะจำกัด จากการทดลองของผู้เชี่ยวชาญท่านว่าไม่เกิน 30 เมตร แต่ถ้าคิดกันให้ดีแล้วมันก็น่าจะเพียงพอสำหรับมัน

ครั้งหนึ่งน้าท่านหนึ่ง ที่นับได้ว่าเป็นนักล่าปลาแรดตัวยง เคยเล่าถึงพฤติกรรมการมองเห็นของมันว่า เวลาเราอยู่ในที่สูงกว่าทัน ต้องค่อยโผล่หน้าออกไปมองมันว่าอยู่หรือเปล่าในแหล่งนั้นๆ เพราะถ้าพรวดพราดชะโงกหน้าออกไปมันเป็นต้องเผ่นทันที เช่นเดียวกับปลาช่อนที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นจิบอากาศ ถ้าหากมันขึ้นมาเห็นเรามนก็จะรีบถอยร่นไปทันทีเหมือนกัน

2. การรับรู้เรื่องเสียง เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย

จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์เขาว่ามันสามารถรับรู้ได้จริง ปลาสามารถส่งเสียงซึ่งแปลงเป็นคลื่นความถี่ติดต่อกันได้เช่น ปลาโลมา, ปลาวาฬ เป็นต้น ดังนั้น เสียงเดินของเราที่เหยียบย่ำอยู่บนฝั่ง บนพื้นเรือหรือโป๊ะล้วนแต่ทำให้มันตื่นตระหนกได้ทั้งสิ้น แต่ก็มีข้อยกเว้นอีกนั้นแหละ

จากประสบการณ์ที่เคยพบมากับตนเอง ที่หมายท่าน้ำปากเกร็ด สามารถดึงปลาขึ้นมาได้หลายต่อหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาตะโกก สายยู สังกะวาด ดุกหรือสวาย ในสภาพแวดล้อมที่จ๊อกแจ๊กจอแจไปด้วยเสียง (เครื่องยนต์) เรือที่เข้าออก หรือเสียงคนเหยียบย่ำพื้นโป๊ะ แต่ปลาก็ยังกินเหยื่อนี่เป็นเพราะมันปรับสภาพเข้ากับเสียงเหล่านี้จนเคยชินก็อาจเป็นได้ นับว่าภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมล้วนมีผลต่อปลาด้วย

3. ปลาสามารถรับรู้จากการดมกลิ่น

ได้รับการทดสอบดูแล้วประสาทสัมผัสในการรับรู้เรื่องกันนี้นับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของปลาเลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกเลยที่เราจะตกปลาได้ด้วยการปรุงแต่งเหยื่อก่อนจะนำไปตก เช่น ขนมปังแผ่นผสมหัวเชื้อกลิ่นนม-เนย เพื่อนำไปตก ปลาสวาย สายยู ตะโกก, เหยื่อหมัก (อันแสนเหม็น) เอาไปตกปลากด ปลาเทโพ เป็นต้น

4. รับความรู้สึกการสั่นสะเทือนทางผิวหนัง

ปลาจะมีเส้นประสาทในการรับรู้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปลาบางชนิดจะมีเส้นประสาทข้างลำตัวทั้งสองด้านเพื่อรับรู้แรงกสั่นสะเทือนของวัตถุที่เข้ามาใกล้มัน ปลาบางตัวมีหนวดเป็นตัวรับความรู้สึก ซึ่งปลาพวกนี้มักจะอยู่ในแหล่งน้ำขุ่น เช่น ปลาดุก ปลาเค้า ปลากด เป็นต้น อีกทั้งยังใช้หนวดนี้ในการคลำหาเหยื่อด้วย

มีน้าท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งเขาได้ออกไปแทงปลาเข้าไปเจอปลากดตัวขนาดแขน ครั้งแรกที่แสงไฟสองไปเขาเห็นเพียงแต่หนวดของมันที่ส่ายไปส่ายมา และเมื่อหนวดของมันไปกระทบเจ้ากระซิวกำลังหลับอยู่กับข้างกอผักตบ มันก็พุ่งเข้าเขมือบทันที แบบไม่มีพลาด นั้นแหละจากคำบอกเล่าของน้าท่านนั้น จึงได้รู้ถึงประโยชน์ของหนวดปลา

5. ปลารับรู้เรื่องรสชาติ

นักวิทยาศาสตร์ชาวต่างชาติ ได้ทำการศึกษาทดลองเกี่ยวกับการรับรู้รสของปลาทำให้ได้ผลออกมาว่า ในโพรงปากของปลานั้น ไม่มีต่อมรับรู้เรื่องรสชาติของอาหาร แต่มันกลับมีต่อมที่คล้ายกับการรับรู้รสชาติภายนอกโพรงปาก เช่นตามตัว ตามหางหรือตามหนวด เป็นต้น

6. สัมผัสพิเศษ

อันนี้คงอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทั้งมวล ปลาสามารถรับรู้ด้วยสัญญาณพิเศษ เช่นเส้นประสาทด้านข้างลำตัวนี้สามารถแบ่งแยกสภาพพื้นผิวใต้น้ำได้ทำให้มันไม่ว่ายชนสิ่งกีดขวางใต้น้ำที่มีสภาพขุ่นมัวได้ ปลาบางชนิดสามารถขับเมือกออกมาเพื่อเป็นการเตือนภัยได้

ถ้าเคยอัดสวายขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ตัวขึ้นมา เพราะมันดันทะลึ่งมากินอุปกรณ์ชุดเล็กเข้าปรากฏว่ามันขับเมือกออกมามากมาย และวันนั้นทั้งวันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกเลยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันขึ้นกันเป็นฝูง แต่คราวหลัง อัดได้ตัวที่เล็กกว่าประมาณ 1 – 3 โดยใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ แต่กลับได้ปลาขึ้นมามากกว่าทั้งนี้อาจเป็นไปได้เกี่ยวกับการส่งสัญญาณเตือนภัยแก่พวกพ้องของมัน

อาหารของปลา

อันนี้สำคัญ ปลาถือเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งของโลก เพราะฉะนั้นการที่มันจะเจริญเติบโตได้ อาหารจะมีความสำคัญเช่นเดียวกัน จากการที่เราได้จำแนกชนิดของปลาในชั้นต้นนั้น แบ่งเป็นปลากินพืชและปลากินเนื้อสัตว์ ทีนี้เรามาดูว่าพืชและสัตว์ที่เป็นอาหารของมันน่ะ มีอะไรบ้าง

1. อาหารจำพวกพืช ได้แก่ จอก แหน สาหร่าย ขี้ตะไคร่ ข้าว ขนมปัง รำ ผลไม้ ผักกาดขาว ถั่วงอก ผักชี คือจัดอยู่ในประเภทสายมังสะวิรัติว่างั้นเถอะ

2. อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ได้แก่ ไส้เดือน กุ้งฝอย เครื่องในสัตว์ แมลงต่างๆ ลูกปลาเล็กๆ สัตว์ตัวเล็กจำพวก กบ เขียด หรือจิ้งจก ตลอดจนเหยื่อหมัก เป็นต้น

อุณหภูมิและสภาพแวดล้อมของน้ำ

อุณหภูมิของน้ำ นับว่ามีความสำคัญต่อการกินเหยื่อของปลา เช่นในฤดูหนาวนั้นระดับน้ำที่ลึกลงไปจะเย็นจัดปลาจะขึ้นมาหากินในระดับน้ำที่สูงขึ้นเช่นผิวน้ำหรือระดับกลางน้ำ ซึ่งระดับน้ำในช่วงนี้จะเป็นระดับความเย็นที่พอเหมาะ และปลาก็จะเข้ามาหากินใกล้ฝั่งมากขึ้นซึ่งในทางกลับกัน หากเป็นฤดูร้อนมันก็จะพากันกลับลงไปหากินในระดับน้ำที่ลึกลงไป

ปลาบางประเภทชอบหากินในเวลาปลากด และปลาบางประเภทก็ชอบหากินในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน ปลาบางชนิดกินเหยื่อถี่ในช่วงหลังฝนตก เช่น ปลากระแก ปลากระมัง

ปลาบางชนิดชอบหากินในช่วงเช้าถึงสาย บ่ายๆ ถึงเย็น เช่น ปลากระสูบ ปลาชะโด เป็นต้น ซึ่งอุณหภูมิของน้ำนั้นก็มีผลต่อการกินเหยื่อของปลา แต่มิใช่ว่าจะเป็นมาตรฐานเสมอไป เพราะบางทีอุณหภูมิดีแต่มลภาวะของน้ำเสียก็มีผลต่อการกินเหยื่อของปลาอีก ฉะนั้นนักตกปลาต้องเป็นคนที่ช่างสังเกต และจดจำถึงสภาพดินฟ้าอากาศด้วย ว่าวันที่เราได้ปลามานั้นปลากินช่วงเวลาใด สภาพน้ำขึ้น – ลง หรือทรงตัว น้ำใสสะอาดหรือขุ่น ที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จในการตกปลาครั้งต่อๆ ไป

เอาล่ะสำหรับตอนนี้คงต้องขอลาไปก่อน หลังว่าเรื่องนี้จะเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับปลา ให้กับนักตกปลาไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าเนื้อหาส่วนนี้เป็นเพียงแนวทาง น้าๆ ต้องนำไปปรับใช้ตามถิ้นที่อยู่ แหล่งตกปลาของน้าๆ

อ้างอิง : นายกะปุ่ยหลุ่ย

อ่านเพิ่มเติม เทคนิควิธีการตกปลาเกล็ดด้วย ชิงหลิว

Advertisements