รอดจากการสูญพันธุ์ ‘นกแก้วโบราณ’ หนึ่งเดียวที่บินไม่ได้ นกที่ครองสถิติโลกหลายรายการ

ถ้าออสเตรเลียเป็นดินแดนของสัตว์ประหลาด นิวซีแลนด์ก็เช่นกัน เพราะที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของอินทรีขนาดที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่นกชนิดนี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว และนกที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ "นกแก้วคาคาโป" มันเป็นนกแก้วที่แปลกประหลาด ที่ไม่สามารถบินไม่ได้ ตัวใหญ่ เป็นนกที่มาพร้อมสถิติโลกหลายรายการ ...และนี่คือเรื่องราวของนกตัวนี้

นกแก้ว

นกแก้วคาคาโป คืออะไร?

Advertisements

นกแก้วคาคาโป (Kakapo) ในภาษามาวรี (kākāpō) มีความหมายว่า “นกแก้วกลางคืน” เป็นนกที่อยู่ในสกุล Strigops มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Strigops habroptilus บางทีนกชนิดนี้ก็ถูกเรียกว่า “นกแก้วฮูก” มันเป็นนกแก้วที่บินไม่ได้ ที่พบในนิวซีแลนด์เท่านั้น มันเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิวัฒนาการบนเกาะโดดเดี่ยว จนทำให้เกิดลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนนกแก้วชนิดใดบนโลก

บรรพบุรุษร่วมของนกแก้วคาคาโปและนกในสกุลเนสเตอร์ (Nestor) ได้แยกไปอยู่ต่างหากจากนกแก้วชนิดอื่นๆ หลังจากที่เกาะนิวซีแลนด์แยกตัวออกจากทวีปกอนด์วานา เมื่อประมาณ 82 ล้านปีก่อน จากนั้นอีก 12 ล้านปีต่อมาหรือประมาณ 70 ล้านปีก่อน นกแก้วคาคาโปจึงแยกออกจากสกุลเนสเตอร์อย่างสิ้นเชิง

สำหรับนกที่อยู่ในสกุลเนสเตอร์ (Nestor) ในโลกนี้มี 4 ชนิดคือ นกแก้วคาคานิวซีแลนด์, นกแก้วคีอา ทั้งสองชนิดนี้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่ก็ถือว่าวิกฤตแล้ว ส่วน นกแก้วคาคานอร์ฟอล์ก และ นกแก้วคาคาแชทัม ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

สำหรับเหตุที่ “นกแก้วคาคาโป” กลายเป็นอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ เนื่องจากในอดีต “นิวซีแลนด์” ซึ่งเป็นประเทศเกาะ จะไม่มีสัตว์นักล่าอยู่บนพื้นดินเลย มันจึงทำให้ “นกแก้วคาคาโป” ไม่จำเป็นต้องบิน สุดท้ายนกชนิดนี้ก็วิวัฒนาการเป็นนกแก้วชนิดเดียวในโลกที่บินไม่ได้ แต่เมื่อมาถึงยุคนี้ ในยุคที่มีสัตว์ต่างถิ่นขึ้นมาบนเกาะมากมาย จึงทำให้นกแก้วคาคาโปตกอยู่ในความเสี่ยงขั้นรุนแรง

นกแก้วคาคาโป คือนกที่ครองสถิติหลายรายการ

นอกจากมันจะบินไม่ได้แล้ว นกชนิดนี้ยัง “เสียงดังมาก” มันคือนกที่ส่งเสียงได้ดังที่สุดในโลก ตามบันทึก เสียงของนกแก้วชนิดนี้ ดังได้ถึง “132 เดซิเบล” ซึ่งถือเป็นอันดับ 4 ของสัตว์ที่เดซิเบลสูงสุดในอาณาจักรสัตว์

ส่วนสัตว์ที่เดซิเบลสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในอาณาจักรสัตว์คือ วาฬสีน้ำเงิน (188 เดซิเบล) และอันดับ 1 คือ กุ้งไกปืนลายเสือ (200 เดซิเบล)

นกแก้วคาคาโปจะส่งเสียงร้องคล้ายกบ และยังจะร้องติดต่อกันได้นานถึง 3 เดือน วันละ 8 ชั่วโมง และเสียงร้องจะได้ยินไปไกลถึง 5 กิโลเมตร … ร้องขนาดนี้เพื่อนบ้านคงรำคาญน่าดู

Advertisements

น้ำหนักตัวของมันก็ถือเป็นผู้ครองสถิติ เพราะมันคือนกแก้วที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก นกแก้วคาคาโป มีขนาดตัวระหว่าง 59-64 เซนติเมตร และอาจหนักเกิน 4 กิโลกรัม แถมยังเป็นนกที่อายุยืนมากด้วย ตามสถิตินกแก้วคาคาโปถือเป็นนกแก้วที่อายุยืนที่สุด โดยนกแก้วคาคาโปในธรรมชาติ พบอายุยืนเกิน 100 ปี และยังอาจเป็นนกแก้วชนิดเดียวในโลกที่หากินตอนกลางคืนอีกด้วย

เรื่องน่ารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นกแก้วคาคาโป

นกแก้วคาคาโปตัวเต็มวัย จะมีลำตัวเป็นสีเขียวแต้มด้วยสีน้ำตาลและเหลือง ช่วยให้มันสามารถพรางตัวได้ดีบนผืนป่า แต่ในวัยอ่อนสีสันจะไม่สดใส และหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับนกฮูก มันมีสีออกน้ำตาล และแม้นกแก้วคาคาโปจะบินไม่ได้ แต่มันปีนต้นไม้ได้เก่ง และจะทำโพรงอยู่ใต้ดินเหมือนกระต่าย

เดิมพวกมันเคยอยู่กระจายทั่วไปในเกาะเหนือ เกาะใต้ และเกาะสจวร์ต รวมถึงเกาะเล็กๆ ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ มันสามารถอยู่ได้ในป่าทุกรูปแบบ แต่พวกมันก็พบกับการล่าโดยชาวมาวรี และการมาถึงของชาวยุโรปที่มาตั้งถิ่นฐานในศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้นำสัตว์ต่างถิ่น เช่น สุนัขและตัวพอสซั่ม ซึ่งเป็นสัตว์นักล่า จนเป็นเหตุให้นกแก้วคาคาโปต้องอยู่ในสถานะสูญพันธุ์

จนในช่วงปี พ.ศ. 2433 ก็เกิดโครงการอนุรักษ์ที่จริงจัง พวกเขาเริ่มรวบรวมนกแก้วคาคาโปที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมด ย้ายไปที่อยู่ใหม่ เพื่อสงวนพันธุ์นกแก้วคาคาโปไม่ให้สูญพันธุ์ไป แต่การขยายพันธุ์นกชนิดนี้ไม่ง่าย เพราะนอกจากจะต้องต่อสู้กับสัตว์นักล่าแล้ว นกแก้วคาคาโป ยังขยายพันธุ์ได้ยาก

เพราะในที่อยู่ใหม่ของนกชนิดนี้ ไม่มีต้นไม้ที่ชื่อว่า ริมู (Dacrydium cupressinum) ซึ่งเป็นต้นสนที่จะผลิตเมล็ดพืชของโปรดและค่อนข้างสำคัญต่อการขยายพันธุ์ของนกแก้วคาคาโป และถึงจะเอามาปลูก ก็ยากที่จะเติบโตได้ดี นั้นเพราะความแตกต่างของอุณหภูมิ

Advertisements

และแม้นกจะผสมพันธุ์ได้แล้ว จะมีไข่ประมาณ 40% ที่ไม่สมบรูณ์ และ 15% จะตายตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อน ซึ่งหมายความว่าไข่มากกว่าครึ่งไม่ฟักเป็นตัวด้วยซ้ำ

และเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของลูกนกเหล่านี้ นักชีววิทยาและอาสาสมัครจากทั่วโลก ต้องผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าระวังรังของนกพวกนี้ตลอดฤดูผสมพันธุ์ และเตรียมพร้อมที่จะเลี้ยงลูกนกที่ไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่อย่างเพียงพอด้วยมือ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้ได้มากที่สุด

ปัจจุบันเหลือนกชนิดนี้อยู่บนเกาะคอดฟิชและเกาะชอล์กกี ซึ่งเป็นเกาะที่ถูกใช้เป็นแหล่งอนุรักษ์นก ทำให้ปริมาณนกแก้วคาคาโปเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย โดยในปี พ.ศ. 2538 มีนกแก้วคาคาโปอยู่เพียง 55 ตัว จนปี พ.ศ. 2552 ก็เพิ่มเป็น 111 ตัว จนถึงปี พ.ศ. 2556 มีรายงานว่าพวกมันเพิ่มเป็น 126 ตัว และในตอนนี้ก็เกิน 200 ตัว …ปัจจุบันนกแก้วคาคาโปอยู่ในสถานะ “เสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์”

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements