แตกออกแล้ว! ‘หินสังหาร’ แห่งญีปุ่น ที่เชื่อว่าเป็นที่กักขังอสูรไว้ 1 พันปี

ตำนานโบราณจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ส่งต่อความน่ากลัวนี้เอาไว้ที่ "Killing Stone Sessho-seki" (殺生石, Sesshōseki) ซึ่งกล่าวกันว่าหินได้ผนึกวิญญาณของปีศาจเอาไว้ และในเดือนนี้มีรายงานว่า หินก้อนนี้แตกออกแล้ว!

หินสังหาร จิ้งจอกเก้าหาง

หินสังหาร (Killing Stone) เป็นหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ โดยตามตำนานกล่าวว่า มันจะฆ่าทุกคนที่สัมผัส Killing Stone Sessho-sek ซึ่งสิ่งนี้ฝังลึกอยู่ในตำนานของญี่ปุ่น โดยเชื่อกันว่าเป็นซากศพของ Tamamo-no-Mae ในตำนานปีศาจจิ้งจอก 9 หาง ซึ่ง Tamamo-no-Mae เป็นหญิงสาวที่ถูกเปิดเผยว่าเป็นจิ้งจอกเก้าหาง หรือ คิตสึเนะ (kitsune)

โดย Tamamo-no-Mae จะใช้กลอุบายและการหลอกลวงด้วยการปลอมตัว เพื่อล่อลวงมนุษย์คนอื่น แต่บางคนเชื่อว่า มันจะแปลงมาเป็นผู้พิทักษ์รักษาหรือร่วมหอลงโรงด้วย และมีความเชื่อว่าจักรพรรดิโทบะ ก็ตายเพราะมันเช่นกัน

หลังจากที่จักรพรรดิตายเนื่องจากล้มป่วย คิตสึเนะก็ถูกเปิดเผยและถูกตามล่าโดยนักรบในตำนานสองคน และวิญญาณของมันก็ฝังตัวอยู่ใน Stone Sessho-seki และเพื่อป้องกันตัวเอง มันได้ปล่อยก๊าซพิษที่ฆ่าใครก็ตามที่สัมผัสมัน

สำหรับ “Killing Stone Sessho-seki” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในท้องถิ่นในปี 1957 จนกระทั่งนักบวชชาวพุทธได้ประกอบพิธีกรรมเพื่อให้วิญญาณได้พักในที่สุด

ตอนนี้มีรายงานว่าหินสังหารได้แยกออกเป็นสองส่วน ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ ตามรายงานของ Guardian พบว่าหินภูเขาไฟมีรอยร้าวเมื่อหลายปีก่อน และมีแนวโน้มว่าจะมีน้ำเข้ามา ซึ่งช่วยกัดเซาะจากด้านใน จนในที่สุดมันก็แตกออกจากกัน

แต่นี่ก็ไม่ได้หยุดความเชื่อโชคลาง เพราะยังไงซะนักท่องเที่ยวที่แห่กันไปชมหินสังหารก็กล่าวว่า “รู้สึกเหมือนได้เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่ควรเห็น”

Advertisements
โดยหลังจากข่าวเรื่องที่หินได้แตกออกจากกันเผยแพร่ออกไป ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่าน นักท่องเที่ยวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากความสยดสยอง

Masaharu Sugawara หัวหน้ากลุ่มมัคคุเทศก์อาสาสมัครในท้องถิ่นบอกว่านี่เป็น “ความอัปยศ” ที่ก้อนหินแตกออกเพราะสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่ แต่ก็คิดว่าธรรมชาติได้เข้าสู่วิถีทางแล้ว

เพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจจิ้งจอก

Advertisements

ในญี่ปุ่นสมัยก่อน มนุษย์และจิ้งจอกมักจะอยู่ใกล้ชิดกัน ความสัมพันธ์นี้เอง ที่ก่อให้เกิดความเชื่อเรื่องคิตสึเนะ ในลัทธิชินโตยังเชื่อว่า หมาจิ้งจอกเป็นผู้เดินสารของเทพเจ้าอินาริ ความเชื่อนี้ทำให้หมาจิ้งจอกมีบทบาทในเรื่องเหนือธรรมชาติ เพื่อดลบันดาลให้เกิดความอุมสมบูรณ์ขึ้น

ที่หน้าศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ที่จังหวัดเกียวโต จึงมีรูปปั้นหมาจิ้งจอกประดับอยู่ เสมือนเป็นยามหรือทวารบาลรักษาทางเข้า โดยบางตัวจะคาบสิ่งที่มีลักษณะคล้ายสาส์น อันหมายถึงเป็นตัวแทนหรือสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า หรือบางตัวคาบรวงข้าว หมายถึง การเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ อนึ่ง ญี่ปุ่นยังเชื่อว่า ปิศาจจิ้งจอกมีหางมากเท่าไร ก็หลักแหลมและทรงอำนาจมากเท่านั้น ฉะนั้น จึงมีผู้บูชาปิศาจจิ้งจอกเสมือนเทพ

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements