แม้คางคกจะเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความโชคดีในไต้หวัน แต่การพบค้างคกอ้อยซึ่งเป็นสายพันธุ์รุกรานโดยไม่คาดคิดทำให้เจ้าหน้าที่ และนักสิ่งแวดล้อมต้องดิ้นรนเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของพวกมัน
ด้วยไฟฉายในมือและถุงมือป้องกัน อาสาสมัครหลายสิบคนจากสมาคมอนุรักษ์สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกของไต้หวัน ต้องทำงานกันตลอดทั้งคืนเพื่อค้นหาสิ่งแปลกปลอมในนาข้าวและแปลงผักที่อยู่ในเมืองของพวกเขา สิ่งที่พบเขาหาอยู่คือ ‘คางคกอ้อย’
ความจริงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดใหญ่และเป็นพิษสูงพวกนี้ไม่ควรมีอยู่ไต้หวัน และยิ่งไม่ควรมีใน Caotun ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่เชิงเขาในเทือกเขาตอนกลางของไต้หวัน ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกว่าพบในไต้หวัน
ไม่กี่สัปดาห์ก่อน เมื่อชาวบ้านในท้องถิ่นค้นพบสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ในสวนผักในชุมชนของเธอ จากนั้นเธอได้ถ่ายรูปและอัปโหลดรูปถ่ายลงสื่อสังคมออนไลน์ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงการมีอยู่ของคางคกชนิดนี้และเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการไล่ล่าในทันที
Lin Chun-fu นักวิทยาศาสตร์สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก จากสถาบันวิจัยพันธุ์พืชเฉพาะถิ่นที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ บอกกับ AFP ว่า “การดำเนินการค้นหาอย่างรวดเร็วและกว้างใหญ่เป็นสิ่งสำคัญเมื่อพบคางคกอ้อยเป็นครั้งแรก” ขณะที่เขาอธิบายว่าทำไมนักอนุรักษ์จึงรีบเร่งค้นหาและนำคางคกอ้อยออกไปให้หมด “ขนาดของพวกมันใหญ่มาก และพวกมันไม่มีศัตรูตามธรรมชาติในไต้หวัน”
คางคกอ้อยมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ จากนั้นมันถูกนำเข้าไปในหลายๆ ประเทศ ทั้งฟลอริดา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น รวมทั้งเกาะแถบ ทะเลแคริบเบียนและฮาวาย และที่อื่นๆ มันเป็นคางคกที่ยาวได้ถึง 8 นิ้ว และหนัก 2 ปอนด์ (ใหญ่ที่สุดที่บันทึกไว้มีความยาว 9.4 นิ้ว)
มันเป็นคางคกที่มีการสืบพันธุ์ที่น่ากลัวมาก มันทำให้กระต่ายต้องอับอาย ตัวเมียแต่ละตัววางไข่ 8,000 – 25,000 ฟองในแต่ละปี แถมระยะฟักตัวแค่ 48 ชั่วโมง กลายเป็นคางคกหนุ่มสาวภายใน 12 – 60 วัน