นกสายมู ‘กระแตแต้แว้ด’ กับความเชื่อหมอนหินกิ่งไม้และฟ้าถล่ม

แต่เดิมผมก็คิดว่า "นกกระแตแต้แว้ด" ก็เป็นนกที่แปลกประหลาดอยู่แล้ว แต่พอจะเขียนบทเพื่อเอามาเล่าให้ฟังกัน ก็พบว่ามันประหลาดกว่าที่คิดซะอีก นี่มันนกสายมูชัดๆ มันเป็นนกที่เต็มไปด้วยความเชื่อโบราณ ทั้งเรื่องหมอนหิน เรื่องที่มันให้โชค หรือแม้แต่ความเชื่อที่มันนอนขาชี้ฟ้าเพราะกลัวฟ้าถล่ม และมันมีชื่อปรากฏอยู่ในโคลงกลอน หรือในบันทึกโบราณมากมาย ...แต่สิ่งที่น่ากังวลในยุคนี้คือ เจ้านกชนิดนี้ทำรังในที่โล่ง ประมาณว่ามันอาจจะวางไข่ไว้บนถนนเลยก็ได้ ด้วยเหตุ จึงทำให้นกชนิดนี้พบได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็มีข้อห้ามมากมายเกี่ยวกับนกชนิดนี้ และต่อจากนี้ผมจะข้อเรียกนกชนิดนี้ว่า "นกแต้แว้ด"

นกกระแตแต้แว้ด

นกแต้แว้ด คืออะไร?

Advertisements

นกต้อยตีวิด หรือ นกกระแตแต้แว้ด หรือ นกแต้แว้ด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vanellus indicus (วาเนลัส อินดิคิว) เป็นนกที่อยู่ในวงศ์นกหัวโต (Charadriidae) สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าเป็นนกชนิดนี้ที่สุดก็คงจะเป็นความที่มันเป็นนกที่ปากเปราะ หรือก็คือเอะอะอะไรก็ร้อง แถมเสียงของมันยังมีเอกลักษณ์มาก โดยมันจะร้องเสียงดังๆ ประมาณว่า “แต-แตแต-แต้แวด!”

นกแต้แว้ด เป็นนกที่มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 32-35 เซนติเมตร ขายาวสีเหลือง มีแผ่นพังผืดที่โคนนิ้วเล็กน้อย กินพวกแมลง ไส้เดือน หอยทาก สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก และยังกินเมล็ดธัญพืชบางชนิดที่หาได้ตามพื้น คล้ายกับไก่

นกชนิดนี้มักจะอยู่เป็นคู่ๆ หรือเป็นฝูงเล็กๆ ไม่ไกลจากแหล่งน้ำ แต่อาจจะอยู่รวมเป็นฝูงใหญ่ในฤดูหนาวที่ไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์ ในประเทศไทย จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธุ์ ห้ามเก็บหรือทำอันตรายรัง และการห้ามนี้ก็รวมถึงไข่และซากนกอีกด้วย

เพราะร้องเก่ง จึงเป็นเหมือนยามประจำทุ่ง

แม้ในวัยเด็ก นกแต้แว้ดจะดูเฉื่อยชาและไม่ค่อยจะร้อง แต่เมื่อมันโตเต็มวัย ก็จะกลายเป็นนกที่มีความระแวดระวังสูงมาก เป็นนกที่ตื่นตัวตลอดเวลาไม่หลับไม่นอน ปากเปราะร้องเสียงดัง และเรื่องนี้ก็เป็นของขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนมีอยู่ในหนังสือประถม ก.กา หัดอ่าน ซึ่งเป็นหนังสือเรียนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ว่า!

“หมู่นกต้อยตีวิด ร้องหวิดหวิดแล้วบินบน
เหยี่ยวใหญ่ไล่เวียนวน จวนตัวจนด้นหนามหนี
มุดด้นพ้นเหยี่ยวใหญ่ เหยี่ยวตะไกรไล่จิกตี
หนีเสือปะกุมภีร์ แทบชีวีจะวางวาย”

โว๊ะ อ่านอยากแท้! ถ้าอ่านผิดก็ขออภัยด้วย พยายามแล้ว > < … เพราะความที่นกแต้แว้ด เป็นนกนักระวังภัย ไม่ว่ามันจะเจออะไรเข้ามาใกล้ มันจะส่งเสียงร้องหวีดแหลม ดังเป็นจังหวะซ้ำๆ แต้แว้ดๆ หรือบางทีก็บินวนขึ้นไปในอากาศ บินว่อนไปบินว่อนมา คอยร้องเตือนฝูงนกและสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

จนบางทีก็ทำให้มนุษย์รำคาญ และอาจทำให้มันเดือดร้อนเช่นกัน โดยพฤติกรรมนี้พบมากเป็นพิเศษ ในช่วงเดือน มกราคม – มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่นกพวกนี้ผสมพันธุ์และวางไข่ โดยทั้งพ่อและแม่นกจะช่วยกันดูแลรัง และมันจะมีลูก 2 – 4 และหากมันรู้สึกไม่ปลอดภัย มันก็จะย้ายรังด้วยการค่อยๆ ขยับไข่ออกจากต่ำแหน่งเดิม และเพราะรังของนกแต้แว้ดเนียละ เลยทำให้เกิด “นกสายมู” ขึ้นมา

รังที่ธรรมดาสุดๆ แต่กลายเป็นสายมูไปซะได้

หลายคนอาจจะงงว่า รังที่ธรรมดาสุดๆ มันแปลกจนกลายเป็นนกสายมูไปได้ยังไง ก่อนอื่นต้องเล่าว่า นกชนิดจะไม่ทำรังเหมือนนกชนิดอื่น มันจะวางไข่ไว้ตรงพื้นดินโล่งๆ ที่เป็นแอ่งหลุมตื้นๆ แบบดื้อๆ เลย ขอแค่วางไว้ไข่แล้วไม่กลิ้งไปไหนก็เป็นอันใช้ มีบางทีมันยังวางบนพื้นปูน หรือแม้แต่บนรางรถไฟเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ชอบวางบนดินและใกล้น้ำมากกว่า

Advertisements

ถ้ามันขยันขึ้นมาหน่อย ก็จะไปคาบเศษหิน เศษไม้ที่มีขนาดเหมาะ มาวางเรียงเอาไว้รอบๆ เพื่อให้ทราบถึงขอบเขตของรัง และเมื่อมาถึงตรงนี้ เพราะนกชนิดนี้คาบหินมาที่รัง เลยทำให้ผู้พบเห็น “มโน” หรือคิดแทนนกไปว่า “นกคงหวงหินที่ใช้นอน จึงพกติดตัวไปด้วยเสมอ” ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้พกติดตัวซะหน่อย

และนี่ก็คือที่มาของความเชื่อที่คนโบราณเล่าต่อๆ กันมาว่า นกแต้แว้ด “กลัวฟ้าถล่ม จึงต้องมีหมอนหินประจำตัว ไว้หนุนตอนนอนหงายเอาตีนชี้ฟ้า คอยยันฟ้าไว้จึงจะสบายใจหลับตาลงได้” … มาถึงตรงนี้ ก็มีเรื่องฟ้าถล่มมาเกี่ยวข้องแล้ว และยังมีเรื่องนอนตีนชี้ฟ้าอีก …เดี๋ยวเรามาดูว่าจริงๆ เป็นเช่นไร?

ความเชื่อ หมอนหิน กิ่งไม้ ฟ้าถล่ม

Advertisements

จากเรื่องรังนกแต้แว้ด ที่บางทีมันก็คาบหินมาไว้ที่รัง จนเป็นเหตุให้กลายเป็นเครื่องรางของขลังหายากที่ชื่อว่า “หมอนกระแตแต้แว้ด” ซึ่งออฟชั่นแรกของหินก้อนนี้คือ ไว้ใช้ป้องกันฟ้าผ่าได้ …แต่! มันสามารถอัพเกรดได้ด้วย โดยเอาไปให้ผู้มีอาคมปลุกเสกเพิ่มเติม อัพเกรดออฟชั่น สุดท้ายก็จะกลายเป็นเครื่องรางมหาอุด เมตตามหานิยม ผู้ครอบครองไว้จะแคล้วคลาดปลอดภัย

Advertisements

อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อ ส่วนตัวผมคิดว่ามันก็แค่หินก้อนนึง ที่พ่อแม่นก คาบมาวางกันไข่กลิ้งไปกลิ้งมาเท่านั้น แล้วมนุษย์ก็ไปขโมยหินมา ส่วนเรื่องลูกนกนอนหนุนหินก็เป็นเรื่องทั่วไปที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ก็ทั้งรังถ้าไม่โล่งก็มีแค่หิน

ฟ้าถล่มมันคืออะไร?

เรื่องนี้ก็เกิดจากรังเหมือนกัน เพราะนกแต้แว้ด จะวางไข่บนพื้นดินโล่งๆ ศัตรูของมันจึงเข้าถึงได้ง่าย และเมื่อศัตรูเข้ามาใกล้รัง สิ่งที่พ่อแม่นกจะทำมีอยู่ 2 อย่างคือ แสร้งว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือไม่ก็ชิงเข้าโจมตีก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อล่อให้ศัตรูตามมันไปอีกทาง และเมื่อศัตรูออกห่างรัง มันก็จะบินหนีไป

ส่วนลูกน้อย ที่ยังบินไม่ได้ พวกมันจะต่างจากแม่ นอกจากจะไม่ปากเปราะแล้ว มันยังเงียบสุดๆ และจะนอนนิ่งๆ รอให้ศัตรูตามพ่อแม่ไป แต่หากจวนตัวจริงๆ มันก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะแกล้งตาย ตัวแข็งทื่อชนิดที่ว่าเอาไม้เขี่ยก็ไม่ยอมขยับ และบางตัวถึงขนาดเอา “ตีนชีฟ้า” และนี่จึงเป็นที่มาของตำนานความเชื่อ “นกหวาดฟ้าจะถล่ม” ดังบันทึกในอรรถกถา พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฎฯ ที่ว่า

ข้าแต่มหาราช สัตว์ 4 จำพวกแล ย่อมกลัวต่อสิ่งที่ไม่ควรกลัวแล 4 จำพวกไฉนบ้าง ข้าแต่มหาราช ไส้เดือนแลย่อมไม่กินดิน เพราะกลัวว่า แผ่นดินจะหมด ข้าแต่มหาราช นกกะเรียนย่อมยืนเท้าเดียว (บนแผ่นดิน) เพราะกลัวว่าแผ่นดินจะทรุด ข้าแต่มหาราช นกต้อยตีวิดนอนหงาย เพราะกลัวว่าฟ้าจะถล่ม ข้าแต่มหาราช พราหมณ์ผู้ประพฤติธรรมแล ย่อมไม่ประพฤติพรหมจรรย์ (คือจะมีภรรยา) เพราะกลัวว่าโลกจะขาดสูญ

และก็เป็นอย่างที่เห็น “นกนอนหงายเพราะกลัวว่าฟ้าจะถล่ม” เป็นสิ่งที่เชื่อมาแต่โบราณแล้ว

ความเชื่อกิ่งไม้คืออะไร?

นอกจากเรื่องหมอนหินกับนอนหงาย ยังมีความเชื่อเรื่อง “กิ่งไม้” ที่ว่าหากนกแต้แว้ดไปเกาะกิ่งไม้ที่ไหน ก็ให้ตัดกิ่งไม้นั้นมาเก็บรักษาไว้ในบ้าน จะทำให้มีโชคลาภไหลมาเทมา

ความเชื่อนี้ อาจเกิดจากความยาก ที่จะได้เห็นนกชนิดนี้เกาะกิ่งไม้ นั้นเพราะขาของนกแต้แว้ด จะมีข้างละ 4 นิ้ว โดยยื่นไปข้างหน้า 3 นิ้ว ข้างหลังอีก 1 นิ้ว แต่นิ้วหลังจะลดขนาดลงจนสั้นจุนจู๋ แถมยังอยู่สูงด้วย นิ้วที่จะใช้ได้จริงๆ ก็คือ 3 นิ้วหน้า ด้วยเหตุนี้ นกแต้แว้ดจึงไม่สามารถเกาะกิ่งไม้สูงได้ มันทำได้แค่เดิน ยืน วิ่งบนพื้นเท่านั้น เรื่องจะได้เห็นนกชนิดนี้เกาะบนกิ่งไม้จึงยาก

สุดท้ายยังมีความเชื่อว่า นกแต้แว้ดให้โชคลาภ ถ้าใครเลี้ยงไว้ดี ๆ จะมีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มพูน และเมื่อนกตาย ก็ให้เอากระดูกนก ไปห่อด้วยผ้าขาวเนื้อดี เก็บไว้ที่ฐานพระ จะทำให้เจ้าของมีกินมีใช้อยู่ร่ำไปไม่รู้หมด …แต่! คุณต้องไม่ลืมว่า นกชนิดนี้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทย

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements