ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็กชนิดนี้มีชีวิตอยู่เมื่อ 200 ล้านปีก่อน เป็นช่วงยุคไทรแอสสิกตอนปลาย ซึ่งในปัจจุบันคือเวลส์ มันถูกพบในเหมืองถ่านหินเมื่อปี 1950 เดิมคิดว่ามันเป็นพวกนก แต่ตอนหลังพบว่ามันเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อว่า “Pendraig milnerae” ซึ่งชื่อนี้ตั้งโดยยกย่องทั้งเขตที่พบมัน และเพื่อให้เกียรติกับ Angela Milner นักบรรพชีวินวิทยาผู้เป็นแรงผลักดันเบื้องหลังพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ในอังกฤษ และยังเป็นผู้ตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ด้วยตัวเธอเอง
นอกจากจะเป็นผู้นำในด้านสัตว์โบราณมานานหลายปี การตั้งชื่อนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความช่วยเหลือของเธอในการย้ายพวกมัน หลังจากที่หายไปจากพิพิธภัณฑ์เป็นเวลาหลายปี
ดร. Susannah Maidment นักวิจัยอาวุโสด้านบรรพชีวินวิทยา ที่พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ใต้การสนับสนุนของ Angela กล่าวว่า “ฉันบอกเธอว่าฉันหามันไม่เจอ แล้วเธอก็หายไปประมาณสามชั่วโมงและกลับมาพร้อมตัวอย่างนั้น” และที่คิดไม่ถึงคือเธอพบมันในลิ้นชักของพวกตัวอย่างจระเข้ แสดงว่าเธอสามารถรู้ว่ามันคืออะไร เพียงมองแวปเดียว งานวิจัยนี้คงไม่สำเร็จถ้าไม่มีเธอ
หายสาบสูญ
สายพันธุ์ใหม่นี้มีบางสิ่งที่ลึกลับและได้รับการเปลี่ยนชื่อในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา มันถูกค้นพบครั้งแรกที่เหมืองถ่านหิน Pant-y-ffynnon ทางใต้ของเวลส์ ซากของมันตกไปในรอยแยกก่อนที่จะถูกทับถม ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา รอยแยกนี้ทำให้เกิดฟอสซิลที่หลากหลายจากยุคไทรแอสสิก ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคแรกๆ จระเข้และไดโนเสาร์
ในปี 1952 มีการค้นพบกระดูกสองสามชิ้น รวมถึงส่วนหลัง ขา และสะโพก แม้มันอาจไม่มาก แต่นักวิจัยก็พอทราบว่ามันน่าจะเป็นพวกซิโลไฟซิส (Coelophysoid) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก ที่มีจมูกยาวและแคบ มีกระดูกที่กลวงเหมือนนก พบได้ในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย
สายพันธุ์นี้เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ และยังแสดงถึงการก้าวกระโดครั้งสำคัญสำหรับความเข้าใจของไดโนเสาร์ในยุโรปช่วงเริ่มแรก “ไม่มีลักษณะชัดเจนที่ทำให้สายพันธุ์นี้แตกต่างออกไป มีการผสมผสานที่เฉพาะตัว แสดงให้เห็นว่ามันเป็นชนิดใหม่” ดร. Stephan Spiekman กล่าว
เชื่อว่าขนาดของ P.milnerae อาจจะยังไม่โต และคิดว่าตัวที่โตเต็มที่จะใหญ่กว่านี้ สิ่งที่ซับซ้อนขึ้นด้วยขอสันนิษฐานว่าที่อยู่ของมันเป็นเกาะ สายพันธุ์บนเกาะมักมีขนาดเล็ก เนื่องจากทรัพยากรที่น้อยและไม่มีนักล่าขนาดใหญ่ กระบวนการนี้เรียกว่าการแคระ
ซากฟอสซิลของสัตว์ที่ยังไม่โต มันจะไม่แสดงลักษณะเด่นของสายพันธุ์นั้น ทำให้เกิดความสับสันมาก เดิมในปี 1990 ได้มีการอธิบายว่ามันคือสายพันธุ์ซินทาร์ซัส (Symtarsus) อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้ถูกทิ้งไปหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์พบว่าสายพันธุ์ซินทาร์ซัสไม่ตรงกับตัวอย่างนี้หลายอย่าง จนทำให้ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์ไปค้นหากระดูกเพื่อประเมินอีกครั้ง หลังจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซากเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่นักวิจัยคิดว่าใช่ ซึ่งการล่าฟอสซิลจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านบรรพชีวินวิทยา ดังนั้นนักวิจัยจึงหันไปหา ดร. Angela Milner
กรงเล็บที่น่ากลัว
Angela เป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในด้านบรรพชีวินวิทยา ระหว่างและหลังเกษียณจากงานของเธอ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Tetrapods (สัตว์มีกระดูกสันหลังเดินสี่ขา) รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
ในปี 1976 เธอเข้าร่วมพิพิธภัณฑ์ในฐานะภัณฑารักษ์ และเริ่มขยายงานวิจัยของเธอในหลากหลายสายพันธุ์ของไดโนเสาร์ ในปี 1983 เธอและเพื่อนนักบรรพชีวินวิทยา Alan Charig ได้บรรยายถึง Baryonyx ที่เพิ่งค้นพบใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่มีกรงเล็บมือขนาดยักษ์มันเป็นญาติกับสไปโนซอรัสที่โด่งดัง (แต่ช่วงเวลานั้นยังไม่ทราบว่ามันเป็นชนิดเดียวกัน) พร้อมกับพาดหัวข่าวว่า ‘Claw blimey! กรงเล็บที่น่ากลัว!’ ในหนังสือพิมพ์เดอะซัน
นอกเหนือจากงานวิจัยชิ้นใหม่ที่เธอวิจัย ที่พิพิธภัณฑ์ของแองเจล่า ยังทำให้เธอมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงวิธีการให้ความรู้แก่สาธารณชน เกี่ยวกับไดโนเสาร์ได้ดีที่สุด เธอมีส่วนสำคัญในการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ โดยจัดแสดงสายพันธุ์ที่โดดเด่นมากมาย รวมถึงบางชนิดที่เธอเคยมีส่วนร่วมในการตั้งชื่อ
สุดท้ายสปีชีส์นี้ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ Angela’s ร่วมกับสปีชีส์อื่นๆ เช่น Veterupristisaurus milneri ที่มีชื่อของเธอเช่นกัน ซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์สไปโนซอริดสายพันธุ์ใหม่ Riparovenator milnerae ซึ่งเพิ่งได้รับการตั้งชื่อตามเธอ
ขณะนี้นักวิจัยหวังว่าจะเจาะลึก P. milnerae และบรรดาสัตว์ที่อาศัยในช่วงเวลานั้น เพื่อพิสูจน์ว่าขนาดของมันเป็นผลมาจากการอาศัยอยู่บนเกาะหรือไม่?