เรื่องราวเริ่มมาเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน หลังจากเกาะโคโมโดประกาศปิดไม่ให้มนุษย์เข้าถึง จากนั้นรัฐบาลยังพยายามย้ายผู้อยู่อาศัยเดิม พวกเขาอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน โดยในตอนนี้มีประมาณ 2 พันคน
แต่แล้วพวกเขาก็ตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการเปิดรับผู้มาเยือนที่กระเป๋าหนัก มันเป็นโครงการท่องเที่ยวที่ทะเยอทะยานที่เริ่มขึ้นในปีก่อน แต่ไม่นานมานี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากภาพถ่ายที่โดดเด่นของมังกรโคโมโด เดินอยู่ข้างๆ รถบรรทุกจนกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย
“นี่เป็นครั้งแรกที่โคโมโดได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์และกลิ่นของควัน” กลุ่มอนุรักษ์ Save Komodo Now ซึ่งอ้างว่าภาพถ่ายดังกล่าวถูกถ่ายที่เกาะรินกา (Rinca Island) ภายในอุทยานแห่งชาติโคโมโด “อนาคตของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร? ยังมีใครสนใจเรื่องการอนุรักษ์อยู่ไหม?”
แต่ดูเหมือนรัฐบาลอินโดนีเซีย จะไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมื่อเดือนที่แล้วเจ้าหน้าที่จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) รายงานต่อการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกว่าประเทศหมู่เกาะนี้ปฏิเสธการเรียกร้องของพวกเขาเมื่อเร็วๆ นี้
เจ้าหน้าที่กล่าวว่าพวกเขาได้ขอให้รัฐบาลประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใหม่ โดยเน้นถึงผลกระทบที่แผนการท่องเที่ยวอาจมีต่อการประมงผิดกฎหมาย และการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของมังกรหายาก รวมทั้งมนุษย์ในท้องถิ่น แม้ว่าตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซียบอกกับรอยเตอร์ว่าการประเมินครั้งใหม่อยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่ดูเหมือนไม่มีใครแจ้งให้ยูเนสโกทราบ
แต่ยูเนสโกได้แสดงความกังวลว่า สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้ตั้งเป้าที่จะนำผู้มาเยือนเกาะประมาณครึ่งล้านคนทุกปี “มากกว่าเดิมถึงสองเท่า ก่อนระบาดของโควิด-19”
Tolong! Selamatkan Taman Nasional Komodo, Selamatkan Pariwisata Kita.
Ini video desain Bangunan Wisata Jurassic yg sdg dibangun di P Rinca skrg. (Perhatikan jg soudtrack-nya).
Apakah kita bisa dorong revisi desain ini, minimal bagian tengah yg mengurung Komodo itu? pic.twitter.com/NtOn5zmFM5
— Kawan Baik Komodo (@KawanBaikKomodo) October 10, 2020
ตอนนี้มี “มังกรโคโมโด” อยู่ในธรรมชาติประมาณ 3,100 ตัวในอินโดนีเซีย มากกว่าครึ่งอาศัยอยู่บนเกาะที่มีชื่อเดียวกันกับพวกมัน มันเป็นกิ้งก่าสายพันธุ์ใหญ่ที่สุดและเป็นสัตว์มีพิษที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความยาวสูงสุด 3 เมตร (10 ฟุต)
แม้จะเป็นนักล่าฟันคม แต่พวกมันก็ยังถูกจัดว่าอ่อนแอและมักตกเป็นเหยื่อของการลักลอบล่าสัตว์ มันเป็นเหตุผลที่อุทยานแห่งชาติโคโมโดได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นที่หลบภัยของสัตว์ชนิดนี้ ซึ่งก็ผ่านมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และเหตุใดจึงต้องมีรีสอร์ท “จูราสสิกพาร์ค” เกิดขึ้นในบ้านเกิดของพวกเขา
แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลชาวอินโดนีเซียจะตั้งใจดำเนินการตามแผนเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “จุดท่องเที่ยวระดับพรีเมียม” และในขณะที่การก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ มีรายงานในเดือนกุมภาพันธ์ว่าโครงการดังกล่าวตั้งเป้าหมายให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น
ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลบรรลุข้อสรุปนี้ได้อย่างไร และคนในท้องถิ่นซึ่งอยู่ร่วมกับโคโมโดสมาหลายชั่วอายุคน กลัวว่าพวกมันจะรับมือได้ไม่ดีกับที่อยู่อาศัยที่ลดลง มนุษย์ที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งโครงการ “จูราสสิกพาร์ค” มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดเรื่องนี้ หวังว่านักวิทยาศาสตร์ชาวอินโดนีเซียจะไม่หมกมุ่นอยู่กับการทำได้หรือไม่ได้ พวกเขาไม่หยุดที่จะคิดว่าควรทำหรือไม่