ตอนที่ 15 ผจญภัยในป่าใหญ่ : ดอกของช้างกระ

เสียงออดแอด ของต้นไม้ที่โยกไปมาช้าๆตามแรงลมเอื่อยๆ ราวกับมีใครมาสีซออยู่ในป่า บรรยากาศเช้านี้ยัง ขมุกขมัว เพราะมีหมอกปกคลุมอยู่หนาทึบแต่ก็พอมองเห็นอะไรรอบๆตัวได้รางๆ เสียงงึมงำของเขียดและอึ่งป่าในลำห้วยเงียบเสียงไปหมดแล้ว

มีเพียงเสียงของสายน้ำที่ไหลรินในลำห้วยและแมลงบางชนิดที่ยังกรีดปีกแว่วเสียงมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ เสียงไก่ป่าขันเจื้อยแจ้วมาจากหุบไหนสักแห่งไกลออกไป เหล่านกกาหลังจากพวกมันพักหลับนอนในรวงรังเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็พากันออกหากินเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตต่อไปในเช้าวันใหม่

ควันไฟลอยต่ำๆ มาจากกองไฟ ซึ่งตอนนี้ขาวโพลนไปด้วยขี้เถ้ากองใหญ่ มีเพียงส่วนท้ายๆของท่อนฟืน ที่ถูกเผาไหม้ไม่หมด ที่พื้นดินและยอดหญ้าก็ชื้นแฉะไปด้วยน้ำค้าง บางส่วนที่อยู่สูงขึ้นไปตามเรือนยอดของไม้ใหญ่ก็รวมตัวกลายเป็นหยดน้ำ ตกลงพื้นซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้แห้งดังเปาะแปะ

เสียงกิ่งไม้หักดัง เปรี๊ยะ ผสมกับเสียงพูดคุยกันเบาๆแว่วมาเป็นระยะๆ ทำให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้นอนขดตัวอยู่ในเปล งัวเงียผงกหัวขึ้นมาจากโปงถุงนอน พอหันไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเพื่อนร่วมเดินทาง ที่ตำแหน่งกองไฟอันเคยเป็นที่นอนของสมาชิกท่องไพร ก็ถูกเก็บเรียบร้อย บ่งบอกว่าทั้งคณะตื่นกันหมดแล้ว ยกเว้นเขาเพียงคนเดียวที่ยังนอนอยู่ หลังจากนั่งบิดตัวไปมาสองสามครั้ง จนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกราว เขาก็มุดตัวออกจากเปลสนาม

ตื่นแล้วหรือสิงห์ พรานชราร้องทักมาจากริมห้วย

สงสัยจะนอนฝันดีเพื่อนเกลอของสิงห์ร้องทักมาอีกคน

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ สงสัยจะผิดที่สิงห์ร้องตอบ พูดจบก็หยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้กับสายเปล เตรียมไปล้างหน้าที่ริมห้วย

ไอ้สองตัวนั่นไปไหนล่ะ ลุงโส่ย สิงห์ถามหากะเหรี่ยงหนุ่มสองคน

ข้าให้มันไปหาเก็บผักเก็บหญ้ามาเตรียมทำอะไรกิน ออกไปได้สักพักก่อนเอ็งจะตื่นนี่เองพรานชราร้องตอบ พูดจบก็หยิบปลาเวียนขึ้นมาขอดเกล็ด

แล้วพี่แปะล่ะ ไม่ได้อยู่ช่วยทำปลากับลุงรึสิงห์พุดจบก็เดินไปดูพรานเฒ่าและเหน๋อ นั่งทำปลา

มันช่วยข้าทำกบกับตะพาบเสร็จ ก็ออกไปหายิงนกยิงหนูแถวๆนี้ล่ะพรานชราพูดจบก็โยนพวกปลาเวียนให้เหน๋ออีกพวง

เหลืออีกเยอะหรือเปล่าลุง จะได้ช่วยๆกันสิงห์ร้องถาม

ปลาเวียนเหลือนิดเดียวก็หมดแล้ว ที่เหลือก็พวกปลาเล็กปลาน้อยลุงโส่ยพูดจบก็เปิดปากถุงพลาสติกให้สิงห์ดู ภายในนั้นมีปลาเล็กปลาน้อยเกือบครึ่งถุง

ไอหมอกจางๆลอยปกคลุมบริเวณผืนป่า ผสมกับอากาศที่เย็นสดชื่น คละเคล้ากับกลิ่นดอกไม้ป่านานาชนิด มันช่างแตกต่างจากที่ชายหนุ่มเคยสัมผัสมา ผิดจากเช้าของเมื่อวานหลายเท่าตัว ชายหนุ่มยืนสูดอากาศเข้าปอดลึก บริเวณริมชายห้วย เหนือขึ้นไปจากกลุ่มของกะเหรี่ยงทั้งสอง ที่นั่งทำปลากันอยู่ ตรงแอ่งเล็กๆที่อยู่ระหว่างก้อนหินใหญ่ ซึ่งพื้นเบื้องล่างเป็นพื้นทรายและก้อนกรวดเล็กๆดูสะอาดตา ที่ตำแหน่งนั้นเอง สายน้ำจากลำห้วยไหลรินเอื่อยๆ ไหลผ่านตามซอกหิน ดูแล้วเหมือนน้ำตกขนาดเล็ก น้ำใสไหลวนอยู่ในแอ่งนั่น

หลังจากพับแขนเสื้อแจ็คเก็ต เตรียมจะวักน้ำขึ้นมาล้างหน้านั้นเอง เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะระหว่างที่เขากำลังก้มตัวนั้น มีอะไรบางอย่างตกจากกระเป๋าเสื้อของเขา สิ่งนั้นทำท่าจะไหลไปตามกระแสน้ำ แต่ก็ไม่ไวไปกว่าสิงห์ ที่จะรีบคว้ามันขึ้นมาพิจารณาได้ ในมือของเขามีดอกกล้วยไม้ป่าสีขาวผสมม่วง ดอกเล็กๆ ถ้าเขาดูไม่ผิด มันเป็นดอกของช้างกระ กล้วยไม้ป่าชนิดหนึ่งนั้นเอง

จะว่ามันตกลงมาโดยบังเอิญ ก็รีบแหงนหน้าดูขึ้นไปรอบๆ เผื่อจะมีต้นช้างกระอยู่บนนั้น ก็ไม่มีสักต้นแถมต้นไม้ใหญ่ๆที่มันพอจะเกาะอาศัยได้ก็ไม่มีเลย ถึงมีก็อยู่ไกลออกไปมาก จะว่าลมพัดมาตก ยอดไม้ก็ไม่มีไหวเลยเพราะไม่มีลมแรงขนาดนั้น หรือเราไปเก็บมาตอนไหน นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จะว่าเก็บมาตอนที่ไปหาปลาเมื่อคืน เสื้อแจ็คเก็ต ตัวนี้เราก็ไม่ได้ใส่ไป พอนึกถึงตอนที่ไปหาปลาได้

สิงห์ก็ขนลุกโดยไม่รู้ตัว หรือว่า หล่อนคนนั้น พลับพลึง แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ก็เราฝันไปนี่ สิงห์ยืนพิจารณาดอกกล้วยไม้ที่อยู่ในมืออยู่อึดใจ ทีแรกเขาทำท่าจะโยนมันทิ้งอย่างไม่แยแสอะไรนัก แต่ก็เหมือนเขาจะคิดอะไรได้ ก็เก็บดอกกล้วยไม้ป่าปริศนาดอกนั้นใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อของเขาเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนจะจงใจหรือไม่ก็ตาม โดยตำแหน่งนั้นมันตรงกับหัวใจของเขาพอดี

สิงห์เอ็งจะเอาน้ำร้อนเอาไว้ชงกาแฟหรือเปล่า ข้าจะได้ต้มทิ้งไว้ให้ เหน๋อร้องถาม

เออ..เอา ขอบใจโว้ยสิงห์ร้องตอบขณะมีฟองสบู่อยู่เต็มหน้า

เออเดี๋ยวข้าเดินไปตักน้ำก่อน ตรงนี้เอามาต้มไม่ได้แล้ว ทั้งคาวปลาทั้งน้ำสบู่ประโยคหลังทำเอาสิงห์สะดุ้ง เพราะมีส่วนทำให้เพื่อนเกลอต้องลำบากเดินไกลขึ้นไปอีก

ลุงโส่ยทำปลาเสร็จหรือยัง จะได้ช่วยๆกันสิงห์ร้องถามพรานชราที่นั่งง่วนอยู่กับกองปลา

จวนแล้ว เอ็งช่วยข้าก่อไฟเตรียมหุงข้าวหุงปลาดีกว่าพรานชราร้องตอบ

ได้เลยลุงโส่ย สบายมากสิงห์ร้องตอบ

ที่บริเวณรานเดินแคบๆนั้น กองไฟถูกก่อขึ้นมาอีกครั้ง ไอความร้อนจากเปลวไฟช่วยไล่ความหนาวเย็นจากอากาศรอบๆที่พัก ให้ดูอบอุ่นขึ้น หม้อสนามสามใบ ที่ภายในนั้นมีข้าวสารแช่น้ำรออยู่ก่อนแล้ว ถูกนำขึ้นแขวนกับราวไม้เหนือกองไฟ

ส่วนหม้อสนามอีกใบที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มปริ ถูกวางไว้บนพื้นดินข้างกองไฟที่ถูกพรากไว้เหลือแต่ถ่านแดงแจ๋ พรานโส่ยหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งทำปลาอยู่ริมห้วยจนเสร็จ ก็ร้องเรียกเจ้าเหน๋อให้ตำพริกแกงเตรียมทำแกงตะพาบ ส่วนตัวแกเองเดินเคี้ยวหมากหยับๆ สาละวนอยู่กับการเสียบซีกไม้ไผ่เตรียมขึ้นย่างปลาเวียน

เสียง โป๊กๆ ของครกที่ทำมาจากกระบอกไม้ไผ่ ดังก้องเป็นจังหวะ พริกแห้ง หอมแดงและกระเทียม ถูกตำผสมอย่างหยาบๆ สิงห์เองก็รู้งานช่วงที่เพื่อนเกลอตำเครื่องแกงอยู่ ก็ช่วยซอยตะไคร้ และข่า ใส่เติมลงไปด้วย ส่วนพรานโส่ย หลังจากบรรจงเสียบปลาเวียนเรียบร้อยดีแล้ว แกก็เอาขึ้นย่างกับไฟอ่อนๆ

กบพวกนี้จะทำอะไรกินดีล่ะสิงห์พรานเฒ่าร้องถาม พูดเสร็จแกก็บ้วนน้ำหมากลงพื้น

ตัวเล็กๆย่างไว้ก่อนก็ได้ลุง ส่วนตัวใหญ่ๆผมจะทำยำกบให้กินสิงห์พูดจบก็เดินไปหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่สองกะเหรี่ยงหนุ่มตัดไว้ให้เป็นท่อนๆ

น้ำเดือดแล้ว จะเอากาแฟสักหน่อยมั๊ยเหน๋อถาม พูดจบก็เดินไปเด็ดใบไม้สองสามใบที่อยู่ใกล้ๆมาพับสองสามชั้น แล้วใช้จับหูของหม้อสนามแถนถุงมืออย่างดี

เออก็ดี ขอสักแก้วสิงห์ตอบ พูดจบก็เดินไปเลือกกบธูป ตัวโตๆ ที่พรานโส่ยชำแหละไว้เรียบร้อยแล้ว เลือกเอามาทำยำสามตัว อีกสองตัวให้พรานโส่ย ย่างเก็บไว้กินมื้ออื่น หลังจากน้ำในกระบอกไม้ไผ่เริ่มเดือดได้ทีโดยมีต้นตะไคร้ใส่ลงไปแก้คาว สิงห์ก็ค่อยๆ ใส่กบธูปลงไป เพียงแค่กบตัวแรกก็ยังยัดลงกระบอกไม้ไผ่เกือบไม่ได้ เพราะความใหญ่โตของมัน หลังจากพยายามอยู่ไม่นาน กบทั้งสามตัวก็ลงไปนอนเบียดในกระบอกไม้ไผ่จนล้น โดยมีส่วนของตีนกบชี้โด่เด่ แค่ช่วงเวลาไม่กี่นาที กบต้มก็สุกจนเนื้อและหนังปริขาวน่ากิน จากนั้นสิงห์ก็ค่อยๆใช้ไม้คีบกระบอกไม้ไผ่ที่ยังร้อนระอุ ไปพักไว้ในหม้อรอให้เย็นลง

ไอ้สองตัวนั่นกลับมาแล้ว ขนอะไรมาเยอะแยะพรานโส่ยร้องพลางทำตาหรี่เพ่งไปทางชายห้วย

วันนี้สงสัยขี้เขียว กินแต่ผักแต่หญ้าเหน๋อพูดจบก็ไล่หมาสองตัวคือ เจ้าพะเปรียวและเจ้าพะบอง ที่วิ่งมาเลียแข้งเลียขาจนเจ้าตัวรำคาญ

ไหนว่าไปหายอดหวายอย่างเดียว ทำไมเนื้อตัวเอ็งสองตัวมอมแมมไปหมดสิงห์ร้องถาม สองหนุ่ม ที่ตอนนี้เนื้อตัวเปื้อนดินเต็มไปหมด

ก็ว่าจะไปหายอดหวายกับผักอย่างที่บอกนั้นล่ะ พอดีผมกับไอ้เคิ้ง ไปเจอเถามันเทียน เลยช่วยกันขุดเอาหัวมา เผื่อได้มาเผากินกันพุ่มพูดจบก็เทหัวมันเทียนที่อยู่ในย่ามลงพื้นให้ดู หัวมันยาวประมาณคืบสีเหลืองๆกระดำกระด่าง บางหัวดูแล้วเหมือนกิ่งไม้ผุๆมากกว่าจะเป็นหัวมัน บางหัวก็ดูอวบ แต่ใหญ่สุดก็ไม่เกินหัวแม่เท้า

ไหนล่ะผักได้อะไรมาบ้างพรานชราร้องถาม

ตามที่พ่อต้องการล่ะ ยอดหวายดำ ผักกูด หยวก ออ..มียอดผักหนามกับยอดมะกอกป่ามาอีกอย่างละกำผู้เป็นลูกเสวนาตอบ

ได้ยอดมะกอกมาด้วยรึ! ดีเลยจะได้เอามาใส่ยำกบสิงห์พูดจบก็ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ที่จริงควรจะเรียกว่ากระบอกหรือจอกมากกว่าแก้ว เพราะมันทำจากกระบอกไม้ไผ่

ไป เอ็งสองคนไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ จะได้มาช่วยๆกันทำกับข้าวกับปลาพรานชราร้องบอก

จะแกงตะพาบเลยหรือเปล่าตาโส่ย ฉันจะได้จักการให้เหน๋อร้องถามพรานเฒ่าที่ตอนนี้กำลังนั่งคีบกบเตรียมย่าง

เดี๋ยวข้าทำเองดีกว่า เมื่อคืนบอกกับไอ้สิงห์ไว้แล้ว ว่าข้าจะแกงตะพาบให้กิน เอ็งมาช่วยข้าดูปลาดูกบตรงนี้ดีกว่าพรานเฒ่าบัญชาการ

ไอ้หัวมันเทียนนี้ทำอะไรกินดี ลุงโส่ยสิงห์หันไปถามพรานเฒ่า ที่ตอนนี้เตรียมเครื่องครัวต่างๆ

ถ้าจะกินดีๆหน่อยก็ล้างแล้วต้มก็ได้ ใส่แกงก็ดี หรือถ้าเอ็งขี้เกียจเหมือนข้า เอ็งก็โยนหมกๆไว้ในขี้เถ้า พักเดียวก็ได้กินพรานโส่ยพูดจบก็โยนหัวมันเทียนลงไปหมกในขี้เถ้าสามสี่หัว

สิงห์เองก็เกือบลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับเครื่องเซ่นไหว้ ที่เจ้าแม่ตะเคียน หรือแม่พลับพลึง สั่งนักสั่งหนาว่าอย่าลืม และที่สำคัญตัวเขาเองนั่นแหละที่จะต้องนำเครื่องเซ่นไหว้เหล่านี้ นำไปขอขมาเพียงลำพัง แต่จะปลีกตัวไปเองโดยที่คนอื่นไม่สงสัยได้หรือเปล่านี่สิ

ลุงโส่ย ถ้าลุงแกงตะพาบเสร็จแล้วลุงจะเอาไปถวายเจ้าแม่ตะเคียนอย่างที่ลุงพูดไว้เมื่อคืนหรือเปล่าสิงห์ถามพรานชราหยั่งเสียงดูก่อน

เออ! ถ้าเอ็งไม่ทักข้า ข้าคงลืมไปแล้วพรานชราทำตาโต แล้วพูดต่อมาอีกว่า

ก็คงต้องเอาไปถวายเจ้าแม่เขาล่ะ สัญญากับเขาไว้แล้ว ก็ต้องไปพรานเฒ่าพูดพลางนั่งสับไส้ในหวายเป็นเส้นๆ

ลุงจะไปกับใครล่ะ คนเดียวรึสิงห์พูดพรางนั่งซอยหยวกกล้วย

เอ็งนั้นล่ะไอ้สิงห์ ไปกับข้าพรานโส่ยหันมาตอบเงียบๆ

ลุงสัญญากับเขาเองนิ ผมไม่ได้สัญญากับลุงด้วย ลุงไปคนเดียวดีแล้ว ฮาๆสิงห์พูดจบก็หัวเราะ

ไอ้ห่ า เอ็งก็ไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิว่ะพรานโส่ยทำตากลอกไปมาอย่างหวาดๆ แล้วกระซิบกับสิงห์ต่อ

แถวๆนั้นมันวังเวงพิลึก ข้าไม่กล้าไปคนเดียวหรอกไอ้สิงห์พรานเฒ่าทำหน้าตาน่าสงสาร

เอาแบบนี้ไหมลุง เดี๋ยวผมจัดการให้เอง พอดีผมจะไปธุระสิงห์ได้ที

จะดีหรือว่ะ เอ็งไม่กลัวรึพรานเฒ่ากระซิบถาม

ไม่กลัวหรอกลุง มีปืนไปเป็นเพื่อนสิงห์พูดจบก็บุ้ยปากไปที่ปืนยาว.22 ที่พาดอิงกับต้นไม้ข้างๆหัวนอน

เอาไอ้พุ่มกับไอ้เคิ้งไปเป็นเพื่อนก็ยังดีพรานเฒ่าเป็นห่วง

ไม่เป็นไรหรอกลุง ไอ้สองตัวนั้นเพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ดูนกดูไม้ไปเรื่อย ไม่ออกนอกเส้นทางไปไหนหรอก รับรองไม่มีหลงสิงห์รับประกัน

งั้นก็แล้วแต่เอ็งละกันไอ้สิงห์พรานชราพูดจบก็เทเนื้อตะพาบสับลงไปผัดกับพริกแกงดังฉ่า

หลังจากแผนที่ตัวเองวางไว้สำเร็จ คือได้ปลีกตัวออกไปคนเดียวแล้ว แต่เขาเองก็ยังหนักใจว่า ของหวานจะเอาอะไรไปขอขมาเจ้าแม่ตะเคียนดี ลำพังของคาว อย่างน้อยๆก็ต้องมีสองอย่าง คือ แกงตะพาบของลุงโส่ย และยำกบ ของเขาที่กำลังเตรียมทำอยู่ แล้วของหวานล่ะจะทำอะไรดี ครั้งแรกเขานึกจะชงโอวัลตินไปถวายแทน แต่นึกไปนึกมามันก็ยังไงๆอยู่ ครั้นจะเอาแต่ของคาวไปถวาย ก็กลัวว่าจะเสียคำสัญญาที่ให้ไว้คือ เขาจะต้องเอาอาหารคาวหวานไปถวาย ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นกองมันเทียน ที่สองกะเหรี่ยงดงขุดมาให้เผากิน จึงทำให้เขาพอจะนึกอะไรออกขึ้นมาได้

เคิ้งกับพุ่ม อย่าเพิ่งรีบขึ้นมา เอ๊า! รับสิงห์พูดจบก็โยนหัวมันเทียนส่งไปให้ สองกะเหรี่ยงที่ตอนนี้กำลังล้างเนื้อล้างตัวอยู่ริมห้วย

ฝากล้างให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่จะทำมันเชื่อมให้กิน ถ้าจะให้ดีปลอกเปลือกออกด้วยก็เรี่ยมเลยสิงห์พูดเสริมมาอีก

บ๊ะ! อยู่ในป่าแบบนี้ยังมีมันเชื่อมให้กินอีกเว้ยเหน๋อร้องบอก พูดจบก็นั่งย่างปลาและกบต่อ

แหม่…ดีนะไม่ติดกะทิกล่องมาด้วย สงสัยคงครบสูตรกว่านี้ ฮาๆ สิงห์พูดตอบพลางหัวเราะ เป็นการหัวเราะอย่างโล่งอกที่สุด

ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป

Advertisements
แหล่งที่มาหนุ่มธุดงค์ไพร