หินอัล นาสลา (Al Naslaa) มันเป็นก้อนหินขนาดใหญ่สูง 6 เมตร ตั้งอยู่บนแท่นหินธรรมชาติสองแท่นที่ทำให้ก้อนหินดูเหมือนลอยได้สมดุลย์กันอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากหินไม่เอนเอียงและยังไม่มีส่วนใดสัมผัสกันเลย มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า การก่อตัวของหินอัลนาสลาเกิดขึ้นจากธรรมชาติ
แต่ยังไงซะทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ จะอธิบายจุดกำเนิดและวิธีที่มันดำรงอยู่ว่าเกี่ยวกับกระบวนการผุกร่อนตามธรรมชาติซึ่งเป็นสาเหตุของการก่อตัวที่น่างงงวยจนถึงทุกวันนี้
1. การก่อตัวของหินอัลนาสลาเกิดขึ้นได้อย่างไร?
มีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับการก่อตัวของหินอัลนาสลา ทฤษฎีหนึ่งคือหินตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนและรอยแยกนั้นถูกสร้างขึ้นครั้งแรก เมื่อพื้นดินใต้หินเคลื่อนตัวจนทำให้มันแตกครึ่งที่จุดอ่อนของหิน รอยแตกที่เกิดจากกิจกรรมนี้ อาจกลายเป็นอุโมงค์ลมธรรมชาติ
และลมก็พัดผ่านภูมิประเทศนี้ตลอดเวลา และเมื่อเกิดลมที่รุนแรงมันจะพัดพาเอาเศษทรายหินหรืออะไรก็ตามที่สามารถพัดมากับลมได้ พัดผ่านอุโมงค์ลมนี้ จนเวลาผ่านไปหลายพันหลายหมื่นปี ลมได้ขัดรอยร้าวที่ไม่สม่ำเสมอที่เกิดขึ้นในตอนแรก จนสุดท้ายมันกลายเป็นพื้นผิวที่เรียบอย่างสมบูรณ์แบบ
อีกทฤษฎีหนึ่งคือสภาพดินฟ้าอากาศที่ละลายจากจุดจนเยือกแข็ง อาจทำให้เกิดรอยร้าวเมื่อในสมัยโบราณ จากนั้นน้ำเข้าไปในรอยร้าวเล็กๆ ในหินทรายที่เชื่อมถึงกัน และน้ำนี้อาจกลายเป็นน้ำแข็งจนทำให้รอยแตกขยาย ในช่วงอากาศเย็นสิ้นสุดลง น้ำแข็งที่แตกแยกจะละลายจนหมด โดยเหลือช่องว่างตรงกลางที่ดูสมบูรณ์ซึ่งแบ่งหินก้อนนี้
2. มนุษย์สามารถสร้างหินอัลนาสลาได้หรือไม่?
เนื่องจากหินอัลนาสลา ก่อตัวขึ้นมาจากหินทราย มันจึงไม่แข็งแรงมากนัก ทำให้ง่ายที่สภาพดินฟ้าอากาศจะแทรกแซงได้ แต่ยังรวมถึงการแทรกแซงของมนุษย์ด้วย เครื่องมือโลหะธรรมดาๆ ก็น่าจะเฉือนหินลงไปตรงกลางได้ แต่มีแรงจูงใจอะไรที่จะทำให้มนุษย์ไปผ่าหินก้อนใหญ่ออกเป็นสองส่วน?
เป็นไปได้ว่าอารยธรรมโบราณ อาจกำลังสร้างประติมากรรมหินที่มีลักษณะเฉพาะ เพื่อเอาไว้เป็นสถานที่สำคัญทางภูมิศาสตร์ สถานที่สำคัญทางศาสนา หรือตัวอย่างศิลปะในยุคแรกๆ ภาพสกัดหินบนพื้นผิวของมันเป็นเครื่องเตือนใจว่า ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เราทำในฐานะมนุษย์ จะมีจุดประสงค์ที่นอกเหนือไปจากการแสดงออก
3. สามารถไปดูหินอัลนาสลาได้ที่ไหน?
หากต้องการไปเที่ยวชม หรือแม้แต่จะไปแก้ปริศนาของการก่อตัวของหินอัลนาสลา คุณสามารถไปที่โอเอซิสเทย์มา (Tayma) ในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Al Knanafah
โดยหินก้อนนี้สูง 30 ฟุต กว้าง 25 ฟุต และมีรูปสลักที่ดูเหมือนผู้ชายนั่งอยู่บนหลังม้า และกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือน โดยพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งใช้เวลาขับรถจากกรุงริยาดราว 8 ชั่วโมง