หลายคนอาจตั้งคำถามคล้ายผม มันเป็นเรื่องที่ว่า ถ้ากลัวสูญพันธุ์ทำไมจึงถึงไม่เอาไปขยายในฟาร์มหรือให้ห้องทดลองซะเลย ..อันนี้ผมเพิ่งได้ข้อมามันมีรายละเอียดดังนี้
ปัจจุบัน “ปลาเดวิลส์โฮล” ส่วนใหญ่เกิดในศูนย์อนุรักษ์ Ash Meadows Fish Conservation Facility ของ US Fish and Wildlife Service ด้วยความหวังในการฟื้นฟูประชากรในธรรมชาติของพวกมัน ที่ศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้ได้สร้าง “ถังหลบภัย” ขนาดใหญ่ที่เลียนแบบ Devils Hole
พวกเขาได้สร้างสระคอนกรีตขนาด 100,000 แกลลอนและถังไฟเบอร์กลาส ในพื้นที่ 540 ตารางฟุต กลางทะเลทรายโมฮาวี ลึกลงไปใต้ดิน 20 ฟุต มันถูกเลียนแบบธรรมชาติของปลาเดวิลส์โฮล และถูกออกแบบแสงไฟในมุมมองต่างๆ อย่างเป็นระบบ ..จนในที่สุด พวกเขาก็สามารถทำให้ปลาเดวิลส์โฮลให้กำเนิดลูกได้เอง ซึ่งต้องพยายามมานานถึง 40 ปี
จากการนับล่าสุด แม้จะล่าช้าไปบ้างเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 นักวิจัยรายงานว่า ตอนนี้มีลูกปลาเดวิลส์โฮลประมาณ 170 ตัว พวกมันอาศัยอยู่ใน Devils Hole ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติเพียงแห่งเดียวในโลกของพวกมัน ดังนั้นไข่ทุกฟองที่ฟักออกมาคือชัยชนะ
ระดับการปกป้องมีแค่ไหน?
ปลาเดวิลส์โฮล (Devils Hole Pupfish) อาศัยอยู่ในหลุมปีศาจ (Devils Hole) มันเป็นหลุมที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ลึก ขนาดปากหลุมคือ ยาว 22 เมตร กว้าง 3.5 เมตร แต่มันป้องกันการเข้าถึงโดยใช้ “รั้วลวดหนาม” ถึงสองชั้น
ชั้นแรกกินเนื้อที่ 40 เอเคอร์ ชั้นที่สองจะอยู่รอบๆ หลุม พร้อมด้วยหอสังเกตการณ์ กล้องวงจรปิดอีกหลายตัว แน่นอนว่า แม้แต่ใต้น้ำยังมีกล้อง เรียกว่าถูกเฝ้ามองตลอดเวลาเลยก็ว่าได้
มันคือสัตว์ชนิดแรกที่อเมริกาออกกฎหมายเพื่อปกป้อง
ด้วยความหายากหรือจะด้วยเหตุผลอื่น ในปี 1966 มันเป็นสัตว์สายพันธุ์แรกที่อยู่ภายใต้กฎบัญญัติสงวนพันธุ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ฉบับดั้งเดิมของสหรัฐอเมริกา และเป็นปลาที่ทำให้ศาลฎีกาของสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินเพื่อปกป้องพื้นที่ทั้งหมดในบริเวณที่มันอยู่ทั้งพื้นดินจนถึงใต้ดิน
นั้นหมายความว่าห้ามสูบน้ำบาดาลในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาจคุกคามที่อยู่อาศัยและการดำรงอยู่ของมัน รวมถึงห้ามสิ่งก่อสร้างหรือทำอะไรก็ตามที่อาจเป็นภัยต่อปลา การพิจารณาคดีดังกล่าวได้เพิ่มความเข้มแข็งให้กับการคุ้มครองทางกฎหมายในภายหลัง ซึ่งเสนอให้กับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายๆ ชนิดด้วย …มันคือปลาที่นำไปสู่การปกป้องสัตว์ชนิดอื่นๆ
เป็นสถานที่สำคัญสำหรับวิจัยของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
นักบรรพชีวินวิทยาพบว่า Devils Hole เป็นทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อีกแหล่งหนึ่ง สำหรับการวิจัยของพวกเขา ตัวอย่างจากถ้ำใต้น้ำให้ข้อมูลเกือบ 500,000 ปี แก่นักวิทยาศาสตร์เพื่อเรียนรู้ว่า ระดับน้ำทะเลในตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป การวิจัยนี้งานนี้อาจนำไปสู่ความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวัฏจักรภัยแล้ง
หากบุกรุกจะมีโทษแค่ไหน?
ความจริง Devils Hole สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ และยังเป็นที่ๆ หางไกลมาก จึงแทบมีกรณีถูกบุกรุกที่ร้ายแรง แต่มีกรณีนึงที่เป็นข่าวโดงดัง มันเป็นชาย 3 คน บุกเข้าไปใน Devils Hole และพวกเขาได้ฆ่าปลาอีกด้วย
จากการสอบสวนของรัฐบาลกลาง พบว่าพวกเขาเมาและออกล่ากระต่าย จนมาถึงรั้วชั้นนอก พวกเขายิงเซ็นเซอร์ตรวจจับ และยังยิงกล้องวงจรปิดอีก 2 ตัว กระแทกประตูจนพัง 2 จุด จากนั้นมีชายอย่างน้อยหนึ่งคน ถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปในน้ำของ Devils Hole
“ผู้ต้องสงสัยเดินลงน้ำกระทืบบริเวณชั้นแรกซึ่งเป็นระบบนิเวศที่สำคัญ ก่อนที่จะว่ายน้ำไปรอบๆ ในส่วนของน้ำลึก โดยทิ้งชุดชั้นในสกปรกไว้เมื่อเล่นจนพอใจแล้ว” ในที่เกิดเหตุพบกระป๋องเบียร์และอาเจียน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายทั้ง 3 คนก็ถูกจับ พวกเขาถูกตั้งข้อหาฆ่าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ สร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย การบุกรุก การสมคบคิดเพื่อก่ออาชญากรรม และการทำลายทรัพย์สิน ตำรวจกล่าวว่าค่าใช้จ่ายจะต้องถูกดำเนินคดีในระดับรัฐบาลกลาง และผู้ชายต้องโทษปรับสูงถึง 50,000 ดอลลาร์ และจำคุกหนึ่งปี
ในการจับครั้งนี้กรมอุทยานฯ เสนอรางวัล 5,000 ดอลลาร์สำหรับการจับกุมพวกเขา นอกจากนี้ยังมีศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรระดับชาติ เสนอเงินเพิ่มอีก 10,000 ดอลลาร์
สุดท้ายก็อย่างที่ว่ามา ทั้งปลาเดวิลส์โฮลและหลุมปีศาจ มันได้รับการป้องกันในระดับสูง จนบางครั้งก็มีการตั้งคำถามว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลกลางต้องการปกปิด หรือวิจัยอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องการให้ใครรู้หรือไม่? ยังไงคงต้องรอดูกันต่อไป