ในปี พ.ศ. 2516 (1973) ชายสองคนติดอยู่ที่ก้นทะเลนอกชายฝั่งไอร์แลนด์นานกว่า 3 วัน พวกเขาได้รับการช่วยเหลือได้อย่างหวุดหวิด ก่อนการช่วยเหลือได้สำเร็จ พวกเขาเหลือออกซิเจนอยู่เพียงไม่กี่นาที และแม้ว่าจะเป็นการช่วยเหลือที่เกือบเป็นไปไม่ได้ แต่คงต้องบอกว่า เมื่อเทียบกับเรือดำน้ำไททันแล้ว สถานการณ์ของพีซซีส 3 นั้นง่ายกว่ามากๆ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 29 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2516 กะลาสีเรือชาวอังกฤษ 2 คน ที่ชื่อว่า โรเจอร์ มัลลินสัน และ โรเจอร์ แชปแมน ได้ออกเดินทางไปยังทะเลเคลติก ด้วยเรือดำน้ำที่ชื่อพีซซีส 3 (Pisces III) โดยภารกิจของพวกเขาคือ วางสายเคเบิลโทรศัพท์ที่ก้นทะเลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร พวกเขาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองคอร์ก ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์
ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ก็เสร็จสิ้นภารกิจ และสามารถขึ้นสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ แต่แล้วความผิดพลาดก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝาถูกดึงเปิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้น้ำเข้าเรือและท่วมโพรงเล็กๆ ที่อยู่ในส่วนย่อยของเรือ จนเป็นเหตุให้แรงลอยตัวของเรือลดลงและจมลงอย่างรวดเร็ว
“มันน่ากลัวมาก เหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิดชตูคา (Stuka) ที่มีเครื่องยนต์ส่งเสียงดังและมาตรวัดความดันหมุนไปรอบๆ” มัลลินสันบอกกับบีบีซีเมื่อปี พ.ศ. 2556 (2013)
“ประมาณ 30 วินาทีก่อนที่เราจะชนพื้นทะเล เราปิดมาตรวัดความลึกที่ 152 เมตร เพราะมันอาจระเบิด เราหยิบเบาะรองนั่งมาและขดตัวเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ พวกเราหาผ้ามาใส่ไว้ในปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เรากัดลิ้นตัวเองด้วย” มัลลินสันกล่าวเสริม …เวลา 9.30 นาฬิกา เรือดำน้ำได้พุ่งชนเข้ากับก้นทะเล ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำลึก 480 เมตร หรือ 1,575 ฟุต
เสบียงที่มีอยู่ในเรือดำน้ำก็คือน้ำมะนาวหนึ่งกระป๋องและแซนวิชชีสอีกหนึ่งชิ้น แต่ก็มีข่าวดีเล็กน้อย ซึ่งก็คือมัลลินสันได้เปลี่ยนถังออกซิเจนก่อนการดำน้ำ ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีออกซิเจนเหลืออยู่อย่างน้อย 66 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ออกซิเจนที่มากจนเกินไป พวกเขาทั้งสองจึงพยายามขยับตัวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามไม่พูดถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
และยังโชคดีที่ทั้งคู่สามารถติดต่อกับทีมงานด้านบนได้อย่างรวดเร็ว มัลลินสันแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสถานการณ์และทำให้มั่นใจว่า ขวัญกำลังใจของมัลลินสันและแชปแมนยังปกติดี
ไม่นานนักเรือหลายลำของกองทัพเรืออังกฤษ กองทัพเรือสหรัฐฯ และหน่วยยามฝั่งแคนาดามุ่งหน้าสู่ทะเลเคลติกทันที ขณะที่เครื่องบินของกองทัพอากาศนิมรอด (Nimrod) บินอยู่เหนือศีรษะ ในวันต่อมามีการวางแผนและเรือดำน้ำพี่น้องของพีซซีส 3 ซึ่งประกอบไปด้วย พีซซีส 2 และ พีซซีส 5 ก็ถูกส่งไปยังทะเลเคลติก …อย่างไรก็ตามความพยายามช่วยเหลือ ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะรู้ตำแหน่งและติดต่อกันได้ก็ตาม
ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 31 สิงหาคม พีซซีส 2 ถูกส่งลงไปพร้อมกับเชือกโพลีโพรพิลีน แต่พวกเขาหา พีซซีส 3 ไม่เจอ ก่อนที่เชือกจะขาด จนเมื่อเวลาผ่านไป พีซซีส 5 ก็ถูกส่งตามลงไป และก็พบกับปัญหาที่คล้ายกัน พวกเขาพยายามจนถึง 13.00 นาฬิกา แต่ก็ไม่พบเรือดำน้ำที่จมอยู่ …จะเห็นว่า แม้จะลึกเพียง 480 เมตร ทราบตำแหน่งที่จมแถมยังติดต่อกันได้ แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
ในช่วงบ่ายของวันที่ 31 สิงหาคม เรือดำน้ำพีซซีส 5 ต้องอยู่ใต้ทะเลเพื่อค้นหาตำแหน่งของเรือดำน้ำพีซซีส 3 โดยมียานดำน้ำควบคุมระยะไกลเคิฟว 3 (CURV III) เข้าร่วมภารกิจ แต่แล้วก็เกิดไฟฟ้าขัดข้อง … จนหลังเที่ยงคืน เรือดำน้ำพีซซีส 5 ก็ได้รับคำสั่งให้ขึ้นสู่ผิวน้ำ
เวลาเหลือน้อยลงทุกที แชปแมน ที่ติดอยู่ในเรือดำน้ำเล่าว่า มันเหมือนเราติดอยู่ในกล่องที่ไม่มีใคร ออกซิเจนของเราจะหมดแล้ว ซึ่งก็ผ่านมา 72 ชั่วโมง …เราคิดว่าจะลาโลกไปแล้ว
มัลลินสันและแชปแมนเพิ่งเริ่มกินเสบียงที่มีอยู่น้อยนิด จนเช้าวันที่ 1 กันยายน เมื่อเรือดำน้ำ พีซซีส 2 และ เคิฟว 3 ได้รับการแก้ไข พวกเขาเริ่มภารกิจต่อทันที เรือทั้งสองลำสามารถเชื่อมต่อเชือกกับพีซซีส 3 ได้สำเร็จ …หลังจากนั้นขั้นตอนการดึงเรือขึ้นจากก้นทะเลก็เริ่มต้น ซึ่งพวกเขาทำกันอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด วันที่ 1 กันยายน เวลา 13.17 นาฬิกา เรือดำน้ำพีซซีส 3 ก็ขึ้นสู่ผิวน้ำในสภาพที่ดี
“เห็นได้ชัดว่าทีมช่วยเหลือคิดว่าเราตายแล้วแน่ๆ เมื่อพวกเขามองมาที่พวกเรา ดูพวกเขาตกใจมาก …เมื่อพวกเขาเปิดประตู อากาศบริสุทธิ์และแสงแดดส่องเข้ามา มันทำให้พวกเราปวดหัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น แต่พวกเราก็สบายดี แต่พวกเราก็น่าสมเพชเหมือนกัน มันค่อนข้างยากที่จะปีนออกจากเรือดำน้ำ มันคับแคบมากเราเดินแทบไม่ได้” แชปแมนกล่าว
ในที่สุดภารกิจก็ประสบความสำเร็จ แต่เรื่องราวก็ทำให้เห็นว่า การช่วยชีวิตแบบนี้ยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด การช่วยเหลือพีซซีส 3 นั้นง่ายกว่ามากๆ เมื่อเทียบกับภารกิจกู้เรือดำน้ำไททัน ที่กำลังดำเนินอยู่
นั้นเพราะทีมกู้ภัยของพีซซีส 3 รู้ว่าเรือดำน้ำอยู่ที่ไหน ซึ่งห่างไกลจากกรณีเรือดำน้ำไททันในปัจจุบันมาก และถึงแม้จะรู้ว่าไททันอยู่แถวๆ เรือไททานิท แต่พื้นที่การค้นหาก็ยังใหญ่โตอยู่ดี อีกทั้งยังติดต่อไม่ได้ และปัญหาใหญ่สุดคือความลึก คุณต้องรู้ว่าในโลกนี้อาจมีเรือเพียง 10 ลำ ที่ลงไปยังความลึกนั้นได้ มันจึงเป็นเรืองยากอย่างที่สุด แม้จะเป็นการกู้ซากที่ไม่แข่งกับเวลาก็ตาม