เรื่องราวของลูกสาวเศรษฐีที่ล้มละลาย สู่เจ้าของฟาร์มที่มีปลาคาร์ฟ 2.3 ล้านเหรียญ

เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ในงานประมูลปลาคาร์ฟ Sakai Koi ประเทศญีปุ่น "Zhong Yingying" สามารถขายปลาคาร์ฟของเธอได้ด้วยราคา 2,300,550 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 88 ล้านบาท มันราชาแห่งปลาคาร์ฟ (ขาวแดง) เป็นปลาที่เธอใช้เวลา 9 ปี ในการเลี้ยงและส่งมันเข้าแข่งขัน แม้ราคาจะน่าตกใจ แต่ประวัติของเธอก็ไม่ธรรมดา ..อ่านแล้วอาจเพิ่มกำลังใจให้กับชีวิตได้บ้าง

ปลาคาร์ฟแพงที่สุดในโลก

Zhong Yingying เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยในไต้หวัน แต่เดิมครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของอุตสาหกรรมการเลี้ยงปลาและเกษตรกรรม เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาตั้งแต่เด็ก

เธอมีคนรับใช้มากกว่าหนึ่งโหล ในโรงรถมีรถโรลส์รอยซ์ แต่เมื่ออายุ 26 ปี พ่อของเธอล้มเหลวในการลงทุนและมีหนี้สินมากกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เจ้าหนี้ก็มาเก็บทวงหนี้ทุกวัน ในตอนนั้นครอบครัวเหลือปลาและบ่อปลาคาร์ฟเพียง 3 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6.25 ไร่)

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยชิงหวา (Tsinghua University) และเริ่มทำธุรกิจของครอบครัวต่อไปเพื่อชำระหนี้ของพ่อ ..อดีตเจ้าหญิงต้องสวมชุดกบและนำอุปกรณ์จับปลา แล้วลงไปแช่ในบ่อปลาวันละหลายชั่วโมง ไม่ว่าอากาศจะหนาวหรือร้อน เธอนอนหลับเพียง 4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

ในที่สุดหลังใช้ความพยายามอยู่นาน เธอก็สามารถผลิตปลาคาร์ฟคุณภาพสูงได้ และปลาที่แพงที่สุดของเธอก็ขายได้ในราคาสูงเสียดฟ้า! ปลาปลาคาร์ฟของเธอ ปกติจะถูกขายในตลาดยุโรปและอเมริกา เธอยังได้ชำระหนี้ของบิดาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวของเธอ ปัจจุบันเธอได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งปลาคาร์ฟ” จากไต้หวัน

ก่อนหน้านี้ Zhong Yingying ไม่เคยกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเธอ แต่เมื่ออายุ 26 ปี ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในเวลานั้นเธอยังคงศึกษาระดับปริญญาโทที่สถาบันวิจิตรศิลป์ชิงหวา ..วันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง เธอไปห้างสรรพสินค้าสุดหรูและรูดบัตรเพื่อซื้อของตามปกติ แม่ของเธอโทรมาและพูดว่า “บัตรของลูกจะไม่สามารถใช้ได้อีก”

ชั่วข้ามคืนชีวิตก็ตกจากสวรรค์ลงสู่นรก หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ Zhong Yingying ตัดสินใจลาออกจากการเรียนและกลับบ้านเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเธอ สิ่งนี้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากพ่อแม่ของเธอ “ลูกไม่เข้าใจอะไรเลยนอกจากการวาดภาพและการเต้น ถ้าลูกออกจากโรงเรียน ความหวังสุดท้ายของเราจะหายไป!” พ่อของเธอกล่าว

แต่ Zhong Yingying ยังคงยืนกรานในท่าทีของเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอกล่าวว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่สำคัญที่สุดในการหาวิธีทำเงิน ถ้าคนที่บ้านทำงานหนักจนไม่มีวันหยุด ในขณะที่ฉันเรียนแบบสบายๆ ฉันจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิต” จากนั้นเธอทิ้งการเรียนและกลับบ้านเกิด เพื่อช่วยครอบครัวของเธอ เธอมองหางานไปทุกที่..แต่ก็ไม่ได้ผล

ในที่สุดเธอก็ต้องทำงานเป็นติวเตอร์ส่วนตัว อย่างไรก็ตาม งานนี้สามารถชำระค่าใช้จ่ายของเธอได้ชั่วคราวเท่านั้น และเรื่องครอบครัวของเธอก็ยังคงเป็นภาระในใจของเธอมาตลอด

“ความหวังเดียวของครอบครัวคือบ่อปลาคาร์ฟ หากปลาคาร์ฟได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมก็สามารถขายได้เป็นล้านหรือหลายพันล้าน”

เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายให้คนงาน พ่อแม่ของเธอจึงไปที่บ่อปลาเพื่อจับปลา และบางครั้งพวกเขาก็ต้องไปหาปลาที่น้ำเย็นจัดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ..เมื่อเห็นการทำงานหนักของครอบครัว เธอจึงตัดสินใจช่วยพ่อเลี้ยงปลาคราฟ

การทำฟาร์มคาร์ฟเป็นงานที่ต้องออกแรง คุณต้องแบกอาหารปลาหลายสิบกิโล ไม่ต้องพูดถึง Zhong Yingying ที่กลัวน้ำตั้งแต่ยังเด็ก ผิวของเธอแพ้รังสีอัลตราไวโอเลต แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น ครอบครัวของเธอเต็มไปด้วยหนี้นับล้าน ปู่ของเธอต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ในฐานะลูกสาวคนโตของครอบครัว เธอเลือกที่จะรับผิดชอบสิ่งนี้

ในช่วง 3 ปีแรก เธอต้องตื่นเช้าและนอนดึก ให้อาหารปลา จัดการคุณภาพน้ำ ควบคุมโรค..ทั้งหมดทำด้วยตัวเอง ผิวของเธอซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสีขาวเรียบเนียน ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแทนและมือของเธอก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เธอดูไม่เหมือนอายุ 20 ปี แต่เธอดูเหมือนคนอายุ 40 ปี เนื่องจากความเครียด

เธอยังเปลี่ยนจากการไม่รู้จักปลาเลย ไปเป็นการท่องจำสายพันธุ์และลักษณะเฉพาะของปลาคาร์ฟหลายร้อยชนิด และเธอสามารถทำหน้าที่สำคัญในการเพาะพันธุ์ปลาคราฟด้วยตัวเธอเองได้ ..อย่างไรก็ตาม ชีวิตครอบครัวของเธอไม่ได้ดีขึ้นมากนัก และปลาคาร์ฟที่ดีหลายตัวก็ขายไป แต่ยังหาเงินได้ไม่มาก

หลังจากครุ่นคิด Zhong Yingying ขอให้เพื่อนช่วยวิจัยตลาด แม้ตอนนี้เธอจะขายปลาคาร์ฟในได้ในราคาหลายแสนดอลลาร์ แต่หากเป็นตลาดยุโรปเธอจะขายได้ในราคาหลายสิบล้านดอลลาร์ นั้นเพราะชาวยุโรปเข้าใจศิลปะและมีความต้องการปลาคาร์ฟคุณภาพสูงเป็นอย่างมาก

ดังนั้น Zhong Yingying จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ของเธอ เธอต้องการปลูกฝังปลาคาร์ฟให้เป็นงานศิลปะ และเปลี่ยนผลผลิตทางการเกษตรในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ..แต่เธอต้องมีสายพันธุ์ที่หายากและต้องดี และมันต้องลงทุน

เธอใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการชักชวนให้พ่อของเธอ หาเงินเพื่อซื้อพันธุ์หายากในหลายๆ สายพันธุ์ ตั้งแต่นั้นมา Zhong Yingying ก็หมกตัวอยู่ในบ่อปลาโดยไม่คำนึงถึงฤดูร้อนและฤดูหนาว จนในที่สุดเธอก็สามารถสร้างปลาคาร์ฟคุณภาพสูงได้ เธอมั่นใจและเตรียมนำปลาคาร์ฟไปเยอรมนีเพื่อเข้าร่วมนิทรรศการ

โดยไม่คาดคิด ภัยพิบัติเกิดขึ้นกับเธอ หลังจากมาถึงเยอรมนี ลูกค้าเก่าจากไต้หวันรู้ว่าเธอกำลังจะไปที่นิทรรศการ เขาจึงต้องการช่วยเธอ โดยการนำปลาของเธอไปพร้อมกับเขา เพราะเขาก็จะเข้าร่วมนิทรรศการด้วย ..เธอเห็นว่าลูกค้าจริงใจและมีเงินมากจึงตกลง แต่แล้วลูกค้าก็ขโมยปลาของเธอไป

Zhong Yingying กลับไปที่โรงแรมเล็กๆ ที่เธอพักอยู่ โดยคิดว่านิทรรศการจะเปิดในอีกไม่กี่วัน แต่เธอถูกหลอก เมื่อคิดถึงบัตรเครดิตของเธอ รวมถึงการยืมเงินจำนวนมากเพื่อมาเยอรมนี การทำงานหนักมาหลายปีและในที่สุดก็สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ความหวังนั้นก็สูญสิ้นไป

ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอโทรหาเพื่อนเพื่อระบายเรื่องนี้ เพื่อนก็ฟังเงียบๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหา” ..จากนั้น Zhong Yingying ก็สงบลง เธอคิดอย่างหนักเกี่ยวกับวิธีจัดการกับปัญหานี้

เธอให้กำลังใจตัวเองว่า “ปลาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมนิทรรศการไม่ใช่หรือ? พวกเขาจะยินดีซื้อปลาของฉันหรือไม่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เห็นปลาจริงๆ ก็ตาม”

ดังนั้นเธอจึงใช้ทักษะทางศิลปะของเธอ เริ่มออกแบบบูธนิทรรศการของเธอให้เป็นสไตล์ตะวันออกในชั่วข้ามคืน เธอตื่นมาเพื่อตกแต่งสถานีของเธอ ..ในวันที่จัดนิทรรศการ เธอสวมชุดกี่เพ้าและนั่งในพื้นที่นิทรรศการ ชงชาและดื่มชาด้วยท่าทางที่สงบ แม้ว่าในบูธนิทรรศการจะไม่มีปลา

ผู้แสดงสินค้าแวะมาดูและแปลกใจมากจึงมาถามเรื่องปลา Zhong Yingying ตอบอย่างใจเย็น: “คุณมาช้าไปหน่อย ปลาถูกขายหมดแล้ว” จากนั้นเธอยังบอกลูกค้าว่า ให้ไปที่ร้านนั้น (ร้านที่โกงเธอ) เพราะพวกเขาซื้อไปแล้ว

ด้วยวิธีนี้ข่าวจึงแพร่กระจายในพื้นที่นิทรรศการอย่างรวดเร็ว “เด็กสาวจากไต้หวันขายปลาของเธอหมดในพริบตา!”

ลูกค้าจำนวนมากจึงแห่กันไปที่บูธของเธอ เพื่ออ่านข้อมูลแล้วชื่นชมปลาคาร์ฟจากนั้นก็สั่งซื้อ ..ด้วยวิธีนี้ Zhong Yingying จึงได้รับคำสั่งซื้อมากมาย และปลาคาร์ฟของเธอก็เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นเช่นกัน

หลังจากข่าวเกี่ยวกับปลาของเธอแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง ลูกค้าจำนวนมากก็สั่งซื้อปลาของเธอ คำสั่งซื้อมาจากยุโรปและประเทศอื่นๆ ในโลก

ธุรกิจของเธอเติบโตขึ้น ชื่อเสียงของเธอก็เพิ่มมากขึ้น จนถึงปัจจุบันเธอได้รับ 11 รางวัลในอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งแชมป์ 4 สมัย และเป็นที่รู้จักในนาม“ราชินีแห่งปลาคาร์ฟ” และปลาคาร์ฟแพงที่สุดของเธอคือ 2,300,550.00 ดอลลาร์สหรัฐ มันเป็นปลาคาร์ฟขาวแดง ที่ถูกประมูลไปในปี 2018

งานประมูลปลาคาร์พประจำปีของ Sakai Fish Farm เริ่มต้นการประมูล ปลาหมายเลข 001 เป็นปลา Kohaku (S-Legend) ขนาด 101 Cm อตีต Grand Champion All Japan Koi Show 2017 ปลาตัวนี้ไม่ทำให้เจ้าของฟาร์มผิดหวังกับราคาปิดประมูลที่ 203,000,000 YEN คิดเป็นเงินไทยประมาณ 58 ล้านบาท ถือเป็นการประมูลปลาที่มูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

“ผลลัพธ์ของการหลีกเลี่ยงคือความล้มเหลว การดิ้นรนเพื่อต่อต้าน ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ อนาคตของคุณอยู่ในมือคุณ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวขึ้นอยู่กับคุณ”

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements