ทฤษฎีว่าด้วย ‘จักรวาลของเรา’ ถูกสร้างขึ้นในห้องทดลองของสิ่งมีชีวิตขั้นสูง

พอดีได้ไปอ่านบทความวิทยาศาสตร์ใน ไซเอินทิฟฟิค อเมริกัน (scientificamerican) แล้วเห็นว่าน่าสนใจดี มันเป็นทฤษฎีที่ค่อนข้างจะไม่น่าเชื่อ แต่เอาจริงๆ ผมเองก็เคยคิดถึงเรื่องประมาณนี้อยู่เหมือนกัน พอดีผมเป็นคนชอบเพ้อฝันอะนะ

มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดจักรวาลของเรา รวมถึงแนวคิดที่ว่าจักรวาลของเราเกิดจากการผันผวนของสุญญากาศ หรือเป็นวัฏจักรที่มีการหดตัวและขยายตัวซ้ำๆ หรืออาจถูกเลือกโดยหลักการมานุษยวิทยา จากทฤษฎีสตริงของพหุภพ (the string theory landscape of the multiverse) ตามที่ อลัน กูธ (Alan Guth) นักจักรวาลวิทยาของ MIT กล่าวว่า “ทุกสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จะเกิดขึ้น จำนวนนับไม่ถ้วน ” หรือเกิดขึ้นจากการล่มสลายของสสารภายในหลุมดำ

นอกจากนี้ยังมีอีกทฤษฎีที่เป็นไปได้ ที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงคือ “จักรวาลของเราถูกสร้างขึ้นในห้องทดลองของอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง” เนื่องจากจักรวาลของเรามีรูปทรงแบนราบและมีพลังงานสุทธิเป็นศูนย์ นั้นเพราะอารยธรรมชั้นสูงอาจสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถสร้าง “จักรวาลแรกเกิด” ขึ้นมาจากความว่างเปล่าผ่านอุโมงค์ควอนตัม

แม้เราจะยังไม่มีความสามารถในการเข้าใจในเรื่องของสองเสาหลักของฟิสิกส์สมัยใหม่ ซึ่งก็คือ “กลศาสตร์ควอนตัมและแรงโน้มถ่วง” แต่อารยธรรมที่ล้ำหน้ากว่านั้น อาจทำสำเร็จและเชี่ยวชาญเทคโนโลยีในการสร้างจักรวาลแรกเกิดก็เป็นได้ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่มันจะสามารถอธิบายต้นกำเนิดของจักรวาลของเราได้เท่านั้น แต่ยังเป็นไปได้ว่า! จะมีจักรวาลที่แบนเหมือนเราอีกมากมาย

ถ้าเป็นเช่นนั้น จักรวาลของเราไม่ได้ถูกเลือกให้เราดำรงอยู่ในนั้น ..ตามการใช้เหตุผลแบบมานุษยวิทยา แต่ถูกเลือกมาเพื่อให้เกิดอารยธรรมที่ก้าวหน้ากว่าที่เราเป็นอยู่มาก “สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดกว่าในระบบจักรวาลของเรา” ซึ่งสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็นในการสร้างจักรวาลแรกเกิด

ในขณะที่เรายังไม่สามารถเปิดใช้งานการเกิดใหม่ของสภาวะจักรวาล ที่นำไปสู่การดำรงอยู่ของเรา วิธีหนึ่งที่จะพูดก็คือ อารยธรรมของเรายังคงปลอดเชื้อในจักรวาล เนื่องจากเรายังไม่สามารถสร้างโลกที่สร้างเราขึ้นมาใหม่ได้

ด้วยมุมมองนี้ ระดับเทคโนโลยีของอารยธรรมไม่ควรประเมินโดยวิธีการใช้พลังงาน แต่ควรวัดด้วยความสามารถของอารยธรรมในการสร้างสภาพทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่นำไปสู่การดำรงอยู่ของมัน

Advertisements

ณ ตอนนี้ เรายังเป็นอารยธรรมเทคโนโลยีระดับต่ำ ในระดับคลาส C ของระดับจักรวาล เนื่องจากเราไม่สามารถสร้างสภาพที่น่าอยู่ขึ้นมาใหม่ได้ แต่ความจริงการบอกว่าเราเป็นคลาส C อาจมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะเราอาจถูกประเมินว่าเป็นคลาส D เนื่องจากเรากำลังทำลายที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติบนโลก ผ่านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีของเราเอง

หากเป็นคลาส B อารยธรรมจะสามารถปรับเงื่อนไขในสภาพแวดล้อมของมันทันทีให้เป็นอิสระจากดาวแม่ อารยธรรมรคลาส A สามารถสร้างเงื่อนไขของจักรวาลที่ก่อให้เกิดการดำรงอยู่ของมันขึ้นมาใหม่ได้ กล่าวคือคลาส A จะสร้างจักรวาลแรกเกิดในห้องทดลองได้นั้นเอง

ก็เป็นอย่างที่อธิบาย มันเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่แปลกประหลาด มันเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ แต่หากไม่เกิดคำถามที่แปลกใหม่ ก็จะไม่มีคำตอบหรือสิ่งใหม่ๆ เช่นเดียวกัน ..สุดท้ายก็หวังว่าอีกล้านปีโลกเราจะอัพเกรดเป็นอารยธรรมคลาส B

สำหรับทฤษฎีบางส่วน มีการอ้างอิงจาก ชาลส์ ดาร์วิน ผู้ที่ปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับที่มาของสิ่งมีชีวิต และได้นำเสนอทฤษฎีซึ่งเป็นทั้งรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ และหลักการพื้นฐานของกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (natural selection)

โดยงานตีพิมพ์ของเขาอยู่ในหนังสือชื่อ The Origin of Species (กำเนิดของสรรพชีวิต) ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ผลงานนี้ปฏิเสธแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของสปีชีส์ …ถ้าสนใจก็ลองไปหาอ่านกันดู

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements