เช่นเดียวกับไดโนเสาร์ตัวยาวอื่นๆ ซุปเปอร์ซอรัส เป็นไดโนเสาร์ตระกูลไดโพลโดซิด (diplodocid) ซึ่งเป็นซอโรพอดคอยาวที่มีหางยาวเหมือนแส้ เดิมคิดว่ามันเป็นพวกเดียวกับบราคิโอซอรัสอันโด่งดังจาก Jurassic Park ซุปเปอร์ซอรัสถูกมองว่าเป็นไดโนเสาร์ที่ยาวที่สุดตัวหนึ่งมาโดยตลอด แต่การวิจัยในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า “นี่คือไดโนเสาร์ที่ยาวที่สุดโดยอาศัยโครงกระดูกที่มี”
เนื่องจากไดโนเสาร์คอยาวตัวอื่นๆ กระดูกพวกมันยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และเป็นการท้าทายที่จะประเมินความยาวของพวกมันอย่างแม่นยำ Brian Curtice นักบรรพชีวินวิทยา ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแอริโซนาซึ่งเป็นหัวหอกในการวิจัยกล่าวกับทาง WordsSideKick.com
เมื่อซุปเปอร์ซอรัส ยังมีชีวิตอยู่เมื่อราว 150 ล้านปีก่อนในช่วงยุคจูราสสิก มันยาวเกิน 39 เมตร และอาจยาวถึง 42 เมตร จากจมูกถึงปลายหาง งานวิจัยใหม่ของ Curtice พบว่า แม้แต่ตัวที่ “สั้นกว่า” ก็ทำลายสถิติที่ 39 เมตร ทำให้มันยาวกว่าคู่แข่งรายอื่น เช่น ดิพโพลโดคัส (Diplodocus ) ซึ่งสามารถยาวได้ถึง 33 เมตร และรวมถึงจากการศึกษาตัวอย่างที่รู้จักกันในชื่อ ไซส์โมซอรัส (Seismosaurus) ในปี 2006 ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์นิวเม็กซิโกซึ่งปัจจุบันถูกยุบรวมไปอยู่ในพวกไดโพลโดซิดไปแล้ว
การค้นพบใหม่นี้ใช้เวลาเกือบ 50 ปีในการสร้างแบบจำลองที่สมบรูณ์ ตัวอย่างแรกของ ซุปเปอร์ซอรัส ถูกค้นพบในปี 1972 ในแหล่งขุดค้นเรียกว่า “แหล่งรวมกระดูก” Curtice กล่าว ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนในทันทีว่ากระดูกใดเป็นของสัตว์ชนิดในบ้างเพราะมีหลากหลายชนิดรวมกันในแหล่งเดียว
แหล่งกระดูกนั้นขุดโดย Jim Jensen เจ้าหน้าที่ภาคสนาม ซึ่งรวบรวมและเตรียมฟอสซิลให้กับมหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ ในรัฐยูทาห์ ในเหมืองไดโนเสาร์ Dry Mesa ในโคโลราโด Jensen ได้ค้นพบสคาปูโลโคราคอยด์ยาว 2.4 เมตร
ข่าวการพบสัตว์ยักษ์พาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ประชาชนรู้สึกทึ่งที่มีไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า บราคิโอซอรัส (Brachiosaurus) ซึ่งถือว่าเป็นไดโนเสาร์ที่ยาวที่สุดในเวลานั้น ทาง Sauropod Vertebra Picture of the Week (SV-POW) ที่ดำเนินการโดยนักบรรพชีวินวิทยา Michael Taylor และ Mathew Wedel นักข่าวบังเอิญตั้งชื่อไดโนเสาร์ตัวใหม่นี้ว่า “ซุปเปอร์ซอรัส (Supersaurus)”
ในปี 1985 Jensen ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาในวารสาร Great Basin Naturalist ที่ประกาศการค้นพบไดโนเสาร์ซอโรพอดใหม่สามตัวจากเหมืองหินแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม Jensen ไม่ใช่นักบรรพชีวินวิทยาที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และเขาทำผิดพลาดบางประการกับการวิเคราะห์ของเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักบรรพชีวินวิทยาได้ถกเถียงกันว่า อัลตร้าซอรัส และดิสไตโลซอรัส เป็นสกุลที่ถูกต้องหรือไม่ ตามที่ Curtice เชื่อ กระดูกของพวกมันถูกระบุอย่างผิดๆ และแท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นของซุปเปอร์ซอรัสเพียงตัวเดียว
กรณีของซุปเปอร์ซอรัส
การจัดประเภทใหม่ของไดโนเสาร์สามตัวให้เป็นหนึ่งเดียว ทำให้ซุปเปอร์ซอรัส สมบูรณ์ยิ่งขึ้นสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในการศึกษา ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการประมาณความยาวของมัน
แล้วไดโนเสาร์พวกนี้จะกลายเป็นหนึ่งได้อย่างไร? โดยเปิดเผยความผิดพลาดของปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น Scapulocoracoids ตัวหนึ่งในเหมืองหินนั้นยาวกว่าตัวอื่นประมาณ 10 นิ้ว (25 ซม.) ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่ามันเป็นไดโนเสาร์อีกประเภทหนึ่ง แต่เมื่อ Curtice ตรวจสอบแล้วพบว่ากระดูกที่ยาวกว่านั้นบิดเบี้ยวเพราะรอยแตก “ถ้าคุณผลักรอยแตกทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยพื้นฐานแล้วมีขนาดเท่ากัน” เขากล่าว
นอกจากนี้เขายังพบความผิดปกติที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมในกระดูก ดิสไตโลซอรัส แสดงให้เห็นว่ากระดูกเหล่านี้อันที่จริงเป็นของ ซุปเปอร์ซอรัส
นอกจากนี้ยังไม่พบกระดูกซอโรพอดที่มีขนาดใหญ่อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง แต่จะพบกระดูกขนาดใหญ่ที่ดูซ้ำซากอยู่ในเหมืองแห่งหนึ่ง และไม่มีกระดูกที่ซ้ำกัน (หมายความว่ามีกระดูกสะบักซ้ายเพียงอันเดียวและกระดูกกรามขวาเพียงอันเดียวเป็นต้น) Curtice กล่าว และกระดูกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ทั้งหมดนั้นมีขนาดใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกมันจึงน่าจะเป็นของซุปเปอร์ซอรัส
นับตั้งแต่การค้นพบครั้งแรก นักบรรพชีวินวิทยาคนอื่นๆ ได้ค้นพบโครงกระดูกบางส่วนที่คิดว่าเป็นซูเปอร์ซอรัส ซึ่งรวมถึงหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า “จิมโบ” และอีกชิ้นหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า “โกลิอัท” ในไวโอมิง อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังไม่ได้ระบุอย่างเป็นทางการว่าโกลิอัทเป็นซูเปอร์ซอรัสหรือไม่?