ธารน้ำแข็งเป็นก้อนน้ำแข็งที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหาทะเลอย่างช้าๆ สิ่งนี้ทำให้เกิดหุบเขาขนาดใหญ่ในขณะเคลื่อนตัว ซึ่งจะกลายเป็นทางน้ำ และบนทางเลื่อนนี้ก็มีมากกว่าน้ำ เพราะจะมีแร่ธาตุ ก๊าซรวมทั้งสารอินทรีย์ รวมทั้งแบคทีเรียที่ติดอยู่ตามทางเลื่อนของธารน้ำแข็ง
การศึกษาที่นำโดยนักอุทกวิทยาด้านธารน้ำแข็ง Ian Stevens แห่งมหาวิทยาลัย Aarhus ในเดนมาร์ก ทีมงานได้สุ่มตัวอย่างน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็ง 10 แห่งทั่วซีกโลกเหนือ ทั้งในเทือกเขาแอลป์ยุโรป กรีนแลนด์ สวาลบาร์ด และพื้นที่ห่างไกลของแคนาดาอาร์กติก
พวกเขาพบจุลินทรีย์โดยเฉลี่ยหลายหมื่นตัวในน้ำแต่ละมิลลิลิตร นักวิจัยได้ประเมินว่า แบคทีเรียมากกว่าแสนตันอาจถูกปล่อยออกไปในธารน้ำแข็งที่ละลายในอีก 80 ปีข้างหน้า นี่ยังไม่รวมถึงธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิมาลัยฮินดูกูชในภูมิภาคเอเชีย
สิ่งนี้จะเทียบเท่ากับการปล่อยคาร์บอน 650,000 ตันต่อปี ลงสู่แม่น้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทรทั่วซีกโลกเหนือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าธารน้ำแข็งจะละลายเร็วแค่ไหน และเราควบคุมการปล่อยก๊าซได้ดีแค่ไหน
แม้จุลินทรีย์ในน้ำที่ละลายจะสามารถหล่อเลี้ยงระบบนิเวศท้ายน้ำได้ แต่สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสภาพแวดล้อมที่ละเอียดอ่อนหรือแหล่งกักเก็บน้ำที่ผู้คนใช้
สุดท้ายในตอนนี้ นักวิจัยยังไม่ได้ศึกษาแบคทีเรียแต่ละสายพันธุ์ พวกเขาทำเพียงประเมินเฉพาะมวลชีวภาพของพวกมัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถระบุสายพันธุ์ใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และพวกเขาไม่ได้ระบุว่าจุลินทรีย์นั้นทำงานอยู่ อยู่เฉยๆ หรือกำลังสร้างเสียหาย หรือตายไปแล้ว
