ตอนที่ 23 ผจญภัยในป่าใหญ่ : นกเงือก ลิงลม

ข้าวในหม้อสนามสุกพร้อมๆกับปลาเวียนย่างที่ถูกวางพาดอิงไว้หลายไม้ พรานโส่ยเลือกเอามากินสามสี่ไม้ ที่เหลือพรานชราใช้ใบตองห่อไว้กินมื้ออื่น รวมทั้งกบทูดอีกสองตัว ครั้งแรกว่าจะแกง แต่พอได้เก้งมา กบที่ได้มาก็ถูกย่างจนแห้ง

นกเงือก

น้ำเดือดแล้วน้าเบ สิงห์ร้องบอกพรานเบที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับเครื่องแกง

เอ็งใส่มะขามเปียกให้ข้าหน่อย ออ! ข่า ตะไคร้ด้วย อยู่ในจานนั่น ขาเตรียมไว้แล้ว พรานเบพูดพรางชี้มือไปที่จากใส่ข่าซอยและตะไคร้ทุบสองต้นที่ตอนนี้ถูกม้วนเป็นขมวดอยู่สองวง

ถ้าน้ำเดือดได้ที่ เอ็งก็ใส่เนื้อลงไปได้เลย เดี๋ยวที่เหลือข้าจัดการเอง หัวหน้าพ่อครัวสั่งลูกมือ

ต้มเนื้อหรืออีกนัยหนึ่งคล้ายๆ ต้มแซบนั่นเอง หลังจากเนื้อ เครื่องใน และเอ็นข้อ เริ่มสุกส่งกลิ่นหอม พรานเบปรุงรสด้วยเกลือและน้ำพริกเผาอีกนิดหน่อย แถมระหว่างปรุง พรานเบยังใส่ขี้เพรี้ยะและดีลงไปอีกด้วย หลังจากตักชิมดูจนแน่ใจว่ารสชาติได้ที่ แต่ก็ยังไม่เสร็จสมบรูณ์ พรานเบยังตบพริกนกลงไปลอยฟองอีกกำใหญ่ ทำให้ต้มเนื้อหอมเป็นทวีคูณ เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว พรานเบจึงยกหม้อต้มเนื้อไปตั้งบนเตาที่มีไฟอ่อนๆอีกครั้ง โดยพ่อครัวบอกเหตุผลว่า ต้มเนื้อที่ทำจะได้เปื่อย

เสร็จจากต้มเนื้อหม้อใหญ่ พรานเบก็หันมาตั้งหม้ออีกใบ เพราะกระทะไม่มี จากนั้นก็เทพริกแกงป่าที่ตัวเองลงมือตำเอง นำไปผัดในหม้อจนหอมฟุ้ง เล่นเอาจามกันลั่นป่าไปตามๆกัน พริกแกงหอมได้ที่ พรานเบก็เทเนื้อเก้งที่พรานพรช่วยสับไว้อีกจานใหญ่ ลงไปผัดคลุกเคล้ากับพริกแกงจนหอมฉุย น้ำปลาไม่มีก็เติมเกลือลงไปแทน พอเนื้อเก้งเริ่มสุก พรานเบก็ร้องเร่งให้เจ้าพุ่มนำต้นและหัวของกระวานอ่อนที่กำลังซอยอยู่ เติมลงไปในผัดเผ็ดอีกครั้ง ปิดท้ายด้วยพริกนกตบอีกกำ สิงห์เห็นเข้าก็ร้องทัก

เบาๆน้าเบ เดี๋ยวก็เผ็ดกินไม่ได้กันพอดี สิงห์ร้องลั่น แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ นอกจากพรานเบจะใส่พริกนกลงไปแบบไม่ยั้งแล้ว ก่อนยกลงพรานเบยังเทเหล้าป่าลงไปแทนผงชูรสอีกสามจอก เล่นเอาพรานโส่ยที่นั่งย่างปลาอยู่ใกล้ๆร้องเสียงหลง

ไอ้เบ! ไอ้ห่ า! เหล้าข้ายิ่งมีน้อยๆอยู่ พรานชราพูดจบก็รีบคว้าจอกเหล้าป่าจากมือพ่อครัว แต่แทนที่แกจะเก็บจอกนั้น ตรงกันข้ามพรานเฒ่ากับเทเหล้าป่าจนเต็มจอก แล้วกระดกดื่มกินหน้าตาเฉย

บ๊ะ! ร้อนท้องดีจริงโว้ย ม๊ะ! ไอ้เบจอกนี้ของเอ็ง พรานเฒ่าพูดจบก็เทเหล้าป่าให้พรานเบอีกจอก อย่างไม่รีรอ เพราะไม่รู้จะรออะไร พรานเบรีบรับไปดื่มรวดเดียวหมด

สิงห์เองก็คันไม้คันมือ เมื่อเห็นพรานเบโชว์ฝีเมื่อทำกับข้าวป่า ตัวเองก็กลัวจะน้อยหน้า หลังจากเดินไปเลือกเนื้อสันติดมันมาได้ก้อนหนึ่ง สิงห์ก็บรรจงแล่ก้อนเนื้อสันนั้นออกเป็นเส้นๆ แต่ละเส้นยาวไม่เกินคืบ จากนั้นก็เอาริ้วเนื้อสันนั้นไปคลุกเคล้ากับเกลือ จากนั้นก็เอาเนื้อที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้วนำไปเสียบกับไม้ย่างปลา ที่พรานโส่ยทำเผื่อไว้ได้สี่ไม้พอดี จากนั้นก็นำไปย่างกับไฟอ่อนๆ เพียงไม่นานเนื้อเก้งย่างก็ส่งกลิ่นหอมน่ากิน

แบบนี้ถ้ามีข้าวเหนียวสักก้อน คงเคี้ยวกันเพลินไปเลย เหน๋อพูดพรางช่วยสิงห์พลิกย่างเนื้อเก้ง ที่ตอนนี้มีน้ำมันหยดลงบนถ่านแดงๆดัง ฉ่า

ขอแค่ข้าวสวยร้อนๆ สักจากก็พอ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม สิงห์ร้องตอบเพื่อนเกลอ

ไม่กี่อึดใจต่อมา กับข้าวต่างๆ ก็ถูกจัดวางไว้บนผืนผ้าใบผืนใหญ่ น้ำพริกเผาถ้วยใหญ่เคียงคู่กับหมกผักกูดและผักหนามสด ปลาและไก่ป่าย่างเกลือถูกวางกองรวมกันบนใบตอง ผัดเผ็ดเก้งจานใหญ่ถูกวางกลางผืนผ้าใบกลิ่นของมันหอมฉุย ส่วนต้มเนื้อถูกตักแบ่งออกเป็นสองชาม ต้มเนื้อร้อนๆส่งควันกรุ่นหอมน่ากิน และเป็นธรรมเนียมพรานทุกครั้ง ที่ก่อนจะกินข้าวหรือประกอบกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ เหล่าพรานกะเหรี่ยงจะต้องบอกกล่าวแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง

และเป็นความเชื่อมาแต่ไหนแต่ไร จนถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ กับข้าวและอาหารต่างๆที่ช่วยกันทำขึ้นมา ถูกตักแยกออกมาเป็นส่วนๆ ทั้งข้าวสวยร้อนๆและแกงป่า ถูกตักแยกออกมาใส่กระทงใบตองขนาดเล็ก พรานชราประคองกระทงเครื่องเซ่นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะบรรจงวางไว้บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งริมห้วย ที่มีต้นมะเดื่อป่าต้นใหญ่งอกแซมขึ้นมาปกคลุม หลังจากพนมมือทำปากขมุบขมิบดูไม่รู้เรื่องได้อึกใจ พรานเฒ่าก็ก้มลงกราบสามครั้ง เพราะไม่ได้ใส่รองเท้า พรานเฒ่าเลยต้องเดินมะงุ้มมะง่ามกลับเข้ามาร่วมกลุ่ม

เสียงจ๊อกแจ๊คจอแจ ของเหล่านกขุนทองหลายสิบตัว ที่ร้องอยู่บนยอดยางสูงลิบ เสียงของมันฟังดูวุ่นวายไม่ได้ศัพท์ ส่วนเบื้องล่าง หมู่จักจั่นเรไร ก็เริ่มกรีดปีกส่งเสียงกันระงมป่า ท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อมบุคคลทั้งแปด ที่เปรียบเสมือนฉากหลังในละครทีวี อากาศที่สดชื่นบริสุทธิ์ปราศจากหมอกควันของมลพิษ ที่คละเคล้ากับสรรพสำเนียงของธรรมชาติรอบทิศ กลิ่นดอกไม้ป่านานาพันธุ์ ผสมกลิ่นอายของละอองหมอก ทำให้อาหารเช้ามื้อนี้เลิศหรู ราวกับอาหารในภัตตาคารห้าดาว

เออ! ไอ้เบ ข้าว่า วันนี้เอ็งนำขึ้นเขาสกเลยดีกว่า พรานชราร้องบอก พูดจบก็ตักผัดเผ็ดเก้งมาคลุกข้าว

ฉันก็ว่าแบบตาโส่ยแกว่า ทั้งปลาทั้งเนื้อก็ออกจะมีมากโข อย่างน้อยๆก็อยู่ได้เป็นวัน พรานแปะร้องเสริม

ข้าคุยกับไอ้สิงห์มันแล้วเรื่องนี้ พวกเอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยังไงวันนี้ข้าก็จะพาขึ้นเขาสก

กินข้าวอิ่ม พักเอาแรกเสียหน่อย บ่ายๆค่อยออกเดินทางต่อ พรานเบพูดจบก็ตักน้ำต้มเนื้อในชามขึ้นซด

นี่ก็เพิ่งจะแปดโมงกว่าๆเอง ยังมีเวลาอีกเยอะ ดีเลยผมจะได้อาบน้ำอาบท่าเสียหน่อย ไม่ไหวเหนียวไปทั้งตัว สิงห์ร้องบ่น พูดจบก็ฉีกปีกไก่ป่าย่างขึ้นมาแทะกิน

แล้วเมื่อคืนพวกเอ็งสองคนไม่ได้อะไรมาเลยรึ? พรานเบหันไปถามพรานพรและพรานแปะ ที่ตอนนี้นั่งกินข้าวจนแก้มตุ่ย

ไม่ได้อะไรเลยพี่เบ เจอแต่บ่าง จะยิงก็ยิงไม่ไหวอยู่สูงจัด พรานแปะตอบ

ข้าเจอชะมดแต่ยิงไม่ทัน เจอลิงลมอยู่สองสามตัว จะยิงลงมาย่างกิน ก็กลัวไอ้สิงห์มันจะบ่นเอา ฮ่าๆ พรานพรพูดจบก็หัวเราะ ลิงลม หรือที่มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นางอาย สัตว์ป่าน่ารักที่ไม่มีพิษภัยอะไร เป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน กลางวันจะเชื่องช้า แต่ตกค่ำเวลาอยู่ตามยอดไม้จะว่องไว ยิ่งมีลมพัดยอดไม้ไหวๆ แล้ว

บางทีส่องไฟเห็นอยู่จะๆ ดีไม่ดีก็หายตัวไปราวกับล่องหน สมชื่อที่เรียกว่า ลิงลม เพราะเป็นสัตว์ป่าที่น่ารักมากกว่าน่ากิน สิงห์จึงออกกฎระเบียบกับสมาชิกท่องไพรทุกคนว่า นกเงือก ลิงลม และสัตว์ป่าหายาก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆอย่ายิงมันมากินเด็จขาด แต่ก็มีความเชื่อแบบผิดๆเกี่ยวกับสัตว์ป่าน่ารักแบบนี้ พรานบางคนเชื่อว่า คืนไหนถ้าออกส่องสัตว์แล้วเจอลิงลม คนๆนั้นจะดวงซวยไม่ได้สัตว์อะไรเลย จึงทำให้มันต้องถูกสอยลงมานับไม่ถ้วน จริงๆคนที่ดวงซวยไม่ใช่คนส่องไฟ แต่เป็นลิงลมเองนั้นแหละที่ดวงซวยเสียมากกว่า ที่มาเจอคน

ไอ้พุ่ม ไอ้เคิ้ง กินข้าวเสร็จแล้วเอ็งสองคนไปช่วยกันตัดไม้ไผ่เอาไว้ใส่น้ำ พรานเบร้องบอกสองกะเหรี่ยงหนุ่ม ซึ่งไม่รู้ว่ามีมารยาทในเวลากิน หรือเป็นเพราะกับข้าวอร่อย เลยทำให้สองหนุ่มต่างก้มหน้าก้มตากินกันอย่างตั้งใจ

เอ็งด้วยไอ้เหน๋อ ไปช่วยมันสองคนตัด เลือกกระบอกใหญ่ๆหน่อยล่ะ พรานเบหันไปสั่งเหน๋ออีกคน

เอานา…ถ้ามันไม่ทันยังไง เดี๋ยวก็ไปช่วยๆกันอีกแรง พรานพรหันมาตอบ

ว่าแต่ต้มเนื้อของน้าเบนี่มันเปื่อยได้ใจผมจริงๆเลย กระดูกอ่อนเคี้ยวเพลินดีแท้ สิงห์พูดหลังเคี้ยวต้มเนื้ออยู่ในปากหมด

ถ้ามีลูกเดือย เอ็งจะติดใจกว่านี้ พรานแปะร้องเสริม

มันใส่กันได้เหรอ ผมเคยแต่กินแบบที่มันเป็นขนม สิงห์ถาม

เอ็งจะไปรู้อะไร ไอ้สิงห์ คนเมืองอย่างเอ็ง ข้าถึงบอกไงให้มาหาเมียอยู่กับข้าที่นี้ ฮ่าๆ สิ้นเสียงพรานชรา ทุกคนก็พากันหัวเราะชอบใจ

ลุงก็จ้องแต่จะหาเมียให้ผมอยู่เรื่อย ว่าแต่ลูกสาวบ้านไหนล่ะที่สวย สิงห์หยอกกลับ แต่ดูเหมือนว่าพรานชราจะดูจริงจังเสียมากกว่า

โอย! เยอะแยะไป ลูกสาวอียะหมี่ บ้านซำมะแก ก็งาม ปีนี้สิบห้าแล้วมั้ง พรานเฒ่านั่งขมวดคิ้วคิด

อีกล่ะ เอาที่มันพ้นๆคุกหน่อยเถอะลุง ปัดโธ่… สิงห์ครางเสียงอ่อย สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เหล่าพรานกะเหรี่ยงก็พากันหัวเราะชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ ท่ามกลางวงข้าวมื้อพิเศษ บรรยากาศดีบวกกับอาหารอร่อย ทุกคนจึงนั่งกินข้าวอย่างลืมอิ่ม คุยบ้างหยอกล้อกันไปมากันบ้าง หรือหัวเราะเฮฮากันไป ไม่ต้องมีการสำรวม หรือแสดงความมีมารยาทในวงข้าวใดๆทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างร่วนแสดงออกมาตามธรรมชาติของแต่ละคน ไม่ต้องทนนั่งเกร็งเหมือนที่นั่งกินกันตามร้านอาหารที่ต้องคอยเกรงใจโต๊ะรอบข้าง

หลังจากอาหารเช้าที่แสนจะเลิศหรูจบลง เหล่าพรานกะเหรี่ยงก็ต่างแยกย้ายออกไปทำธุระส่วนตัว หรือไม่ก็พักเอาแรงบ้างเพราะยังพอจะมีเวลาอีกนานโข กว่าจะเริ่มเดินทางกันอีกครั้ง พรานเบนั่งสูบบุหรี่ยาเส้นอยู่บนเปล สายตาของพรานนำทางจับจ้องไปยังภูเขาสูงทะมึนเบื้องหน้า เหมือนกำลังจะมีอะไรอยู่ในหัว ที่ทำให้ต้องครุ่นคิด พรานโส่ยหลังจากเทแบ่งเศษอาหารให้หมาสองตัวเสร็จ ก็แจงเก็บข้าวของลงกระสอบถุงปุ๋ย ทั้งเครื่องครัวที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว และกะปิ พริกเกลือต่างๆ ก็ถูกพรานชรารวบรวมเข้าที่

ห่างออกไปไม่ไกลนักเจ้าพุ่มและเจ้าเคิ้งต่างช่วยกันตัดไม้ไผ่ ที่ขึ้นอยู่เป็นดงหนาทึบ โดยมีเหน๋อคอยช่วยอีกแรง เมื่อป่ารกทึบไผ่ป่าแต่ละต้นจึงดูสูงใหญ่กว่าปกติ แต่ละลำของมันจึงดูใหญ่โตตามไปด้วย เจ้าพุ่มเลือกตัดลำกระบอกไม้ไผ่ที่ไม่แก่จนเกินไปได้สองลำ แต่กว่าจะใช้มีดฟันให้ขาดได้ ก็ได้เลือด เพราะกว่าจะมุดเข้าไปตัดได้ก็โดนหนามของมันเกี่ยวจนถลอกปอกเปิด

พอตัดได้แล้วก็ต้องลากออกมาอีก ไผ่ป่า ไม่เหมือนต้นไม้ทั่วไป ที่เวลาตัดแล้วก็ล้ม แต่ไผ่ไม่ได้ขึ้นโดดเดี่ยวเหมือนต้นไม้ เพราะมันขึ้นเป็นกอหนาทึบ พอตัดลำต้นของมันขาดส่วนปลายยอดของมันที่มีแขนงหนามอยู่มากมายไม่ได้ถูกตัดไปด้วย มันจึงไม่ล้มลงมาง่ายๆ วิธีเดียวที่จะนำมันออกมาได้คือการลากลำต้นของมันออกมา แต่กว่าจะเอาออกมาได้ก็เล่นไปหลายเหงื่อ

ส่วนสิงห์หลังจากจัดเก็บสำภาระส่วนตัวเรียบร้อยดีแล้ว ก็จัดแจงเตรียบไปอาบน้ำ เพราะทนเหนียวตัวต่อไปไม่ไหว ชายหนุ่มเดินเลาะเรียดไปตามชายห้วย ลำห้วยกว้างขวางก็จริง แต่ระดับน้ำไม่ได้ลึกตามไปด้วย อย่างเก่งลึกสุดไม่ถึงครึ่งหน้าแข้ง กว่าเขาจะได้ตำแหน่งที่ต้องการก็ต้องออกแรงเดินมาพอสมควร

ภายใต้ร่มเงาของต้นมะเดื่อป่าที่ขึ้นอยู่ริมห้วย สายน้ำใสไหลเย็นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เข้ารู้สึกสดชื่น หลังจากใช้ฝาหม้อสนามตักขึ้นมาอาบแทนขัน หนักเข้าก็ลงไปนอนแช่เสียเลย โดยมีโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่งหนุนหัวเขาแทนหมอน โดยมีธรรมชาติและสายน้ำห่มร่างแทนผ้านวมนุ่มๆ บรรยากาศยามเช้าเช่นนี้ทั้งสดชื่นรื่นรม จนทำให้คนที่นอนแช่น้ำอยู่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า

ชายหนุ่มนอนทอดอารมณ์ท่ามกลางสายน้ำเย็นเฉียบนั้นอย่างมีความสุข สายตาที่เหม่อลอยถูกปล่อยวางไปกับสายน้ำที่ไหลผ่านตามร่างกายของเขา นกเงือกฝูงใหญ่บินผ่านไปหลาบฝูงระหว่างช่องเขา เสียงแมลงไพร และนกป่านานาชนิด ที่พากันส่งเสียงร้องกล่อมไพรอยู่เซ็งแซ่เคล้าคลอเป็นเพลงไพร เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่อาจทราบได้ ที่ชายหนุ่มนอนทอดอารมณ์อยู่เช่นนั้น เขามารู้สึกตัวอีกที ก็ต้อนกลุ่มที่ออกไปตัดไม้ไผ่ผ่านมา

วู้ พี่สิงห์ เคิ้งตะโกนเรียก ชายหนุ่มที่นอนแช่น้ำอยู่กลางลำห้วย

ไปนอนทำอะไรอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวก็หนาวตายห่ า เหน๋อร้องทักมาอีกคน

เออ เดี๋ยวก็ขึ้นแล้ว รอด้วย สิงห์ร้องตอบ พูดจบก็เดินขึ้นมาจากลำห้วย

บริเวณลานดินข้างกองไฟ ซึ่งตอนนี้มอดเหลือแต่ขี้เท้าขาวโพลน คงเหลือแต่ส่วนท้ายๆของท่อนฟืนที่ยังไหม้ไฟไม่หมดยังส่งควันกรุ่นอยู่ บริเวณนี้เองที่เหลาพรานกะเหรี่ยงต่างช่วยกันตัดและเหลากระบอกไม้ไผ่เตรียบสำหรับบรรจุน้ำขึ้นไปใช้ และดื่มบนจุดหมายเบื้องหน้า แต่ละคนต่างแสดงฝีมือกันเต็มที่ โดยเฉพาะเจ้าเคิ้งและเจ้าพุ่ม ซึ่งเด็กทั้งสองคนนี้จะทำอะไรแต่ละครั้งก็ต้องแข่งขันกันอยู่เสมอ กระบอกใส่น้ำของแต่ละคนจึงดูไม่ธรรมดา

ผิดกับพรานพรและพรานแปะ ที่แค่ทำเอาง่ายๆไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก เพียงแค่เน้นการใช้งานเป็นหลัก สำหรับสิงห์คงไม่จำเป็นต้องไปตัดไม้ให้เหนื่อยแรงเพราะตัวเขาเองมีกระติกน้ำอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ประมาท เพราะรู้อยู่แล้วว่า การที่จะหาน้ำบนเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยพรานเบบรรจงเหลากระบอกใส่น้ำให้สิงห์อย่างดี ส่วนของตัวแกเองมีอยู่ก่อนแล้วต้อนไปนั่งห้าง จึงไม่ต้องทำอีก

ไอ้เคิ้ง เอ็งไปตัดเถาวัลย์มาเผื่อข้าหรือเปล่า พรานพรร้องถามเจ้าเคิ้ง ที่ตอนนี้กำลังเหลากระบอกน้ำของตัวเองอยู่

ตัดมาแล้วเยอะแยะ แขวนอยู่นั่น พูดจบก็บุ้ยปากไปที่ขดเถาวัลย์ที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้
เมื่อได้กระบอกน้ำที่ตนเองพอใจแล้ว พรานพรก็ใช้ปลายมีดเหน็บที่มีความแหลม ค่อยๆเจาะส่วนท้ายและปลายกระบอกน้ำของตนเป็นรู เพื่อร้อยเส้นเถาวัลย์ สำหรับใช้เป็นสายสะพาย แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นี้ ส่วนปลายที่ทำเป็นปากฉลามสำหรับเพื่อรินน้ำดื่ม ด้านบนนี้เอง

บริเวณส่วนที่เป็นข้อของกระบอกไม้ไผ่ก็ถูกเจาะเป็นรู กว้างพอที่ส่วนของปลายนิ้วจะแหย่ลงไปได้ ถึงแม้จะเล็กเพราะอาจและลำบากเวลาเติม แต่ข้อดีของมันก็มี คือเวลาเทหรือเกิดทำตกหล่นขึ้นมา โอกาสที่น้ำในกระบอกจะกระฉอกหรือหกเสียหมดจึงมีน้อย เมื่อได้ขนาดรูที่พอใจแล้ว พรานพรก็ตัดไม้มาทำจุกอุดรูนั้นเป็นฝาปิด นอกจากพรานพรแล้ว คนอื่นๆก็ทำในลักษณะเดียวกันหมด

ลมหนาวพัดยอดไม้บริเวณที่พักดังซู่ซ่า บางครั้งก็ดังอู้มาแต่ไกล อากาสยามสายเช่นนี้ ถึงจะมีแสงแดดที่แก่จัด แต่เมื่อมาอยู่ภายใต้หุบเขาและลำห้วยเบื้องล่าง ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนระอุแต่อย่างใด หลังจากพักผ่อนเอาแรงกันพอสมควร ร่วมถึงเตรียมของและเสบียงต่างๆจนพร้อม พรานเบก็ออกนำขบวนอีกครั้ง โดยเบนหน้าไปที่ภูเขาสูงที่มองเห็นเบื้องหน้าไกลลิบ พาลให้สิงห์ถึงกับถอนหายใจ

เพราะอีกใจหนึ่งก็คิดว่าตัวเขาเองจะไหวหรือเปล่า เพราะภูเขาสูงทะมึนที่ตั้งตระหง่านอยู่นั้น มันช่างไกลเหลือเกิน แต่อีกใจก็คิดเสียว่าขนาดเหล่าพรานกะเหรี่ยงยังไหวเขาเองก็ต้องไหวจะมาท้อเอาดื้อๆเช่นนี้ไม่ได้ ขนาดพรานเฒ่าที่เดินแบกกระสอบถุงปุ๋ยใบเบ้อเร่อ แกยังไหวแถมไม่เคยบ่นออกมาสักคำ ตัวเขาเองก็ยังหนุ่มยังแน่น ร้องไม่ไหวก็เห็นทีจะต้องอายคนแก่ โชคยังดีที่พรานเบยังไม่ให้เติมน้ำติดตัวไปมาก เพราะเส้นทางก่อนที่จะขึ้นเขายังมีลำห้วย ที่พอจะหาน้ำใช้สอยได้ ถึงกระนั้นถ้าได้ปีนเขาจริงๆแล้ว ต้องแบกน้ำกันไปด้วย ลำพังเป้และสำภาระต่างๆ ก็พะรุงพะรังพอแล้ว สภาพจะเป็นยังไงเขาเองก็ยังคิดไม่ออก

การเดินทางยังเป็นไปด้วยความสะดวก เพราะพรานเบพาคณะเดินเลาะเรียดไปตามชายห้วย ซึ่งไม่รกมากนัก นานๆครั้งคนนำทางจะชักมีดออกมาฟันเถาหนามและกิ่งไม้ที่ขึ้นรกขวางทาง โดยเฉพาะไม้เลื้อยจำพวกหวาย ที่ชอบขึ้นอยู่ตามหุบเขาและริมห้วย บ่อยครั้งเถาหนามหวายก็ขึ้นรกเกินที่พรานเบและพรานกะเหรี่ยงคนอื่นๆจะช่วยกันฟันเปิดช่องทางได้ ถึงแม้จะเสียเวลาเดินหน่อย แต่พรานเบเลือกที่จะเดินอ้อมไป

เสียงย่ำใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ เบื้องหน้าที่แว่วให้ได้ยินมาแต่ไกล ทำให้ฝูงไก่ฟ้าหลายสิบตัวพากันบินแตกฮือไปคนละทิศคนละทาง บางตัวก็บินหายเข้าไปในดงทึบ บางตัวก็บินขึ้นไปเกาะเด่นบนยอดไผ่สูงลิบ เจ้าของเสียงย่ำใบไม้ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะอีกอึดใจต่อมาร่างของหมาผอมๆสองตัวก็วิ่งเหยาะๆ โผล่มาจากสุ่มไผ่ หลังจากก้มดมตามพื้นเดินจนทั่ว เจ้าพะเปรียวก็เห่าดังลั่น พร้อมกับอาการลุกลี้ลุกลน วิ่งวนไปวนมารอบกอไผ่

สงสัยจะเจอตัวอะไรเขาแล้ว สิงห์ร้องบอก

นก หนู อีกตามเคยล่ะมั่ง พรานโส่ยร้องตอบ

เดี๋ยวก็รู้ มันเห่าอยู่ข้างหน้าเรานี่เอง พรานเบพูดเสริม ทั้งคณะไม่ได้มีอาการตื่นเต้น หรือใคร่อยากรู้อยากเห็นอะไรมากนัก อีกอย่างตัวพรานเบก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนอะไรเลย นอกจากยืนฟังเสียงและจับทิศทาง จากนั้นก็พาเดินนำไปยังตำแหน่งเสียงเบื้องหน้า แต่ยังไม่ทันที่คณะจะเดินได้สิบก้าว เจ้าพะบองและเจ้าพะเปรียวก็เห่ากรรโชกขึ้นอีก แต่ครั้งนี้ไม่ได้เห่าอย่างเดียว เพราะมันมีทั้งเสียงขู่เสริมอีกด้วย

เอ..มันชักยังไงๆเสียแล้ว พรานพรที่เดินรั้งอยู่ท้ายขบวนร้องบอก

เฮ้ย! เองสองคนวิ่งไปดูสิ ว่ามันเห่าอะไรของมัน พรานโส่ยร้องบอกสองกะเหรี่ยงดง พุ่มและเคิ้งหลังจากได้รับคำสั่ง ก็รีบวิ่งจี๋ไปยังตำแหน่งของเสียงเบื้องหน้า

ไม่ต้องรีบเว้ย ค่อยๆเดี๋ยวก็วิ่งเหยียบหนามไผ่ตีนทะลุ พรานเบร้องบอก

มีหมามาด้วยก็แบบนี้ ดีอย่างเสียอย่าง แต่ยังไม่ทันที่พรานแปะจะพูดต่อทุกคนก็ต้องสะดุ้ง เพราะเสียงปืน

เผล๊อะ!

เปรี้ยง..!

ตอนที่แล้ว

ตอนต่อไป

Advertisements
แหล่งที่มาหนุ่มธุดงค์ไพร