ในตอนนี้การคุ้มครองสำหรับหมาป่าสีเทา ได้รับการฟื้นฟูทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐแล้ว หลังจากที่พวกเขาถูกกำจัดออกไปในช่วงวันแย่ๆ ของฝ่ายบริหารของทรัมป์ ทำให้พวกมันถูกล่าโดยนักล่าที่เป็นมนุษย์
เรื่องนี้เป็นการฟ้องร้องกันระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนสัตว์ป่าและฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการล่าหมาป่า ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนที่ต่างกัน โดยสนับสนุนสัตว์ป่าได้ฟ้องร้องเกี่ยวกับการยกเลิกการคุ้มครองหมาป่าสีเทา จนเป็นเหตุให้พวกมันถูกล่าอย่างหนัก โดยมีตัวอย่างในปีก่อนที่หมาป่าสีเทาถูกสังหารไป 218 ตัว ภายในเวลาไม่ถึง 60 ชั่วโมง และนี่นับเพียงในรัฐวิสคอนซิน
ในขณะที่สหพันธ์ฟาร์มแห่งอเมริกา สมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้เรียกร้องให้ผู้พิพากษา ไม่ฟื้นฟูการคุ้มครองของรัฐบาลกลาง เพื่อให้หมาป่าอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐที่อนุญาตให้ล่าหมาป่าได้
ที่ผ่านมาหมาป่าเคยอยู่ในพื้นที่เกือบทั้งหมดของสหรัฐฯ แต่ถูกกำจัดออกไปจากสถานที่ส่วนใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ภายใต้การรณรงค์ของรัฐ พวกเขาวางยาพิษและใช้กับดักจับ ..มันเป็นการสังหารครั้งใหญ่ โชคดีที่พวกมันไม่สูญพันธุ์ไปในตอนนั้น (เหมือนที่เสือแทสเมเนียโดนล่า และสูญพันธุ์อย่างรวดเร็วเพราะรัฐบาลสนับสนุน)
ประชากรที่เหลืออยู่ของพวกมัย ส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาค Great Lakes ทางตะวันตก ซึ่งเป็นหมาป่าประมาณ 4,400 ตัวในมิชิแกน มินนิโซตา และวิสคอนซิน และหมาป่ามากกว่า 2,000 ตัว ที่อยู่ในหกรัฐในเทือกเขาร็อกกี้เหนือและแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลกลางถอดการคุ้มครองหมาป่า เพราะที่ผ่านมารัฐบาลกลางมีความพยายามถอดการคุ้มครองหมาป่ามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งนับมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในปี 1974 จนถึงยุคของทรัมป์ และในรัฐบาลไบเดนเองก็ไม่ต้องการที่จะให้หมาป่าสีเทากลับมาเช่นกัน โดยพวกเขาก็พยายามปกป้องกฎของทรัมป์ที่ยกเลิกการคุ้มครอง