มีเทคนิคมากมายเกี่ยวกับการตกปลา ในบทนี้มี 4 เรื่องให้อ่านกัน คือ รักษาปลาเหยื่อ, ใช้ยาทากันแมลงอย่างระวัง, ป้องกันสายตีเกลียวเพราะเหยื่อจิ๊ก, ใช้ทุ่นลอยที่รูดขึ้นลงได้ ทั้งหมดนี้ดูธรรมดา แต่มันจะช่วยให้การตกปลาดีขึ้นแน่นอน
1. รักษาปลาเหยื่อ
ปลาเหยื่อเป็นจะมีความรู้สึกไวต่อสภาพอุณหภูมิของพื้นน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป มีนักตกปลาหลายคนเชื่อว่าเขาสามารถที่จะอนุบาลให้ปลาเหยื่อมีชีวิตอยู่รอดตลอดทั้งวันในยามที่อากาศร้อนด้วยการใส่ก่อนแข็งลงไปในถึงเหยื่อ แต่ก็มักเกิดเหตุการณ์เซอร์ไพรส์อยู่บ่อยๆ เมื่อพบว่าลูกเหยื่อมักจะตายลงไปภายในไม่กี่นาทีต่อจากนั้น เพราะการใส่น้ำแข็งลงไปอาจจะช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าใส่ลงไปมากจนทำให้น้ำเย็นจัดในแต่ละครั้งก็จะทำให้ปลาเหยื่อช็อกอุณหภูมิจนตายไปเลยนะ
เช่นเดียวกับถ้าเราไปซื้อลูกเหยื่อใส่ถุงอัดออกซิเจนมา แล้วเปิดถุงเทใส่ถังเหยื่อหรือคูลเลอร์เลยก็อาจจะทำให้ปลาเหยื่อนั้นเกิดอาการช็อกตายได้เช่นกัน เพราะน้ำในถึงออกซิเจนนั้นมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าน้ำในถึงเหยื่อ ดังนั้นก่อนที่จะเปิดถุงเทลูกเหยื่อใส่ลงไป จะต้องแช่เหยื่อทั้งถุงลงในถังเหยื่อเสียก่อน จะทำให้อุณหภูมิของน้ำในถึงค่อยๆ สูงขึ้นทีละนิดๆ พร้อมเหยื่อเสียก่อน จะทำให้อุณหภูมิของน้ำในถึงค่อยๆ สูงขึ้นทีละนิดๆ พร้อมกับลูกเหยื่อก็จะค่อยๆ ปรับสภาพตามไปด้วย แล้วหลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง อุณหภูมิของน้ำทั้งในถุงและในถึงก็จะมีระดับอุณหภูมิที่เท่าๆ กัน เราก็เปิดถุงออกปล่อยปลาเหยื่อว่ายปร๋อออกไปอยู่ในถังได้เลย
2. ใช้ยาทากันแมลงอย่างระวัง
ยาทากันแมลงบางชนิดที่เราเทใส่ฝ่ามือแล้วไปจับต้องกับอุปกรณ์ตกปลาที่ใช้อยู่ อาจจะทำให้คุณประสบกับความล้มเหลวในการตกปลาก็ได้ เพราะสารบางชนิดที่นำมาใช้ทำยากัน แมลงนั้นจะมีผลทำให้สายเอ็นเสื่อมสภาพลงหรือทำให้ความแวววาวของใบสปินและตัวเหยื่อปลอมเกิดหมองลง ไม่ก็ไปกัดกร่อนเอากับหลอดเก็บสาย หรือไปทำละลายกับกล่องอุปกรณ์บางชนิดยังได้เลย
แต่แทนที่เราจะเทยาลงบนฝ่ามือ เราก็เปลี่ยนมาเททางด้านหลังมือซะ แล้วก็ใช้หลังมือนั่นแหละป้ายทาไปตามใบหน้า คอและแขน เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการป้องกันมิให้ปัญหาที่ว่าเกิดขึ้นได้ และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประกอบอาหารยามออกแค้มปิ้งเช่นกัน เพราะสารเคมีนั้นจะไม่มีโอกาสแทรกซึมเข้าไปอยู่ในอาหารได้
3. ป้องกันสายตีเกลียวเพราะเหยื่อจิ๊ก
เมื่อทำการจิ๊กเหยื่อในแนวดิ่ง ตัวเหยื่อจิ๊กมักจะหมุนตัวไปรอบๆ และเป็นต้นเหตุทำให้สายตีเกลียว ซึ่งสายที่ตีเกลียวนั้น มันก็จะขึ้นมาพันอยู่กับปลายคันเบ็ดหรือไม่ก็ไปพันติดอยู่กับวงไกด์ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นได้ ก็ควรจะผูกลูกหมุนลูกเล็กๆ กับสายเบ็ดเหนือตัวเหยื่อขึ้นมาประมาณ 1-2 ฟุต
4. ใช้ทุ่นลอยที่รูดขึ้นลงได้
ข้อดีของการใช้ทุ่นลอยชนิดที่รูดขึ้นลงไปตามสายเบ็ดได้ก็คือทำให้เราสามารถตีสายเหวี่ยงเหยื่อได้โดยง่ายไม่ว่าจะวางทุ่นอยู่ระดับลึกแค่ไหนก็ตาม แต่ก็วางไลน์ลึกมาก ๆ จนเจ้าลูกยางไลน์สต๊อปเปอร์หรือตัวหยุดทุ่นหลุดเข้ามาอยู่ในสปูล มันก็จะกลายเป็นตัวอุปสรรคในการตีเหยื่อ เพราะจะทำให้สายสะดุด ถ้าตัวไลน์สต๊อปเปอร์เข้มาอยู่ทางด้านหน้าของสปูล
แต่วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหามันก็มีอีกเหมือนกัน คือเมื่อกรอเก็บสายเข้าสปูลจนไลน์สต๊อปเปอร์ไหลผ่านโรลเลอร์ลงมาแล้ว ให้ใช้นิ้วชี้หรือนิ้วกลางเกี่ยวรั้งสายมาทางด้านหลัง แล้วก็กรอเก็บสายเข้ามาต่อไปตามปกติ จะทำให้ตัวไลน์สต๊อปเปอร์เข้ามากองอยู่ทางด้านหลังสปูน พ้นจากแนวของสายเบ็ดที่คลายตัวออกจากขอบสปูลเมื่อตีเหยื่อออกไป
เหตุการณ์เช่นนี้มักจะเกิดกับนักตกปลาเกือบทุกคน คือ ขณะนั่งตกปลาอยู่ บางครั้งเราจะสังเกตเห็นสายเบ็ดขึ้นมาพันอยู่กับตัวคันเบ็ด แม้เราจะไม่รู้ว่าสาเหตุมันเกิดมาจากอะไร แต่ก็จำเป็นต้องจัดการแกะแก้ซะหลายคนมักจะใช้วิธีถอดคันออกจากกัน ซึ่งคิดว่าเป็นวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด แต่ยังมีวิธีที่ง่ายและเร็วกว่านี้นะ
1.จับสายที่ขึ้นมาพันกับคันเบ็ดตรงช่วงระหว่างไกด์สองตัว
2.ดึงสายผ่านพ้นทิปทอปหรือโคนคันเบ็ดออกมา (ขึ้นอยู่กับว่าจะพ้นอยู่ใกล้กับทางด้านไหน)
3.ปล่อยสายออกจากนิ้ว เพียงเท่านี้สายเบ็ดก็จะคายตัววิ่งลอดผ่านไกด์ไปตามปกติ
ถ้าใช้รอกสปินนิ่งแล้วกรอเก็บสายเข้ามาโดยไม่มีแรงตึงหรือแรงหนืดที่มากพอ มักจะทำให้สายเอ็นขมวดตัวเป็นห่วงอยู่ในสปูล เป็นอุปสรรคต่อการตีสายเหวี่ยงเหยื่อในครั้งต่อไป ซึ่งถ้าพยายามใช้วิธีแก้ด้วยการดึงสายออกมาทางด้านหน้า ห่วงที่หลุดออกมาจากสปูลมันก็จะไปพันกับสายด้านหน้าให้อีรุงตุงนังไปหมด บางครั้งก็ยาวเป็นฟุตๆ ทีเดียวนะ แกะไปแก้มาในที่สุดก็ต้องตัดสายทิ้งเป็นเมตรๆ แต่วิธีที่จะเอามาแนะนำนี้เป็นวิธีที่ช่วยเซฟสายเบ็ดและสายเวลาตกปลาที่มีค่าของคุณได้มากทีเดียว
