รอกสปินนิ่ง เบทคาสติ้ง เลือกใช้อะไรดี

รอกสปินนิ่ง และเบทคาสติ้ง มีจุดอ่อนและจุดแข็งที่แตกต่างกัน เทคนิคตกปลาบางอย่างเหมาะกับสปินนิ่ง เท่านั้น บางอย่างก็เหมาะกับเบทคาสติ้งเช่นกัน เดี๋ยวเราดูกันในเรื่อง รอกสปินนิ่ง เบทคาสติ้ง เลือกใช้อะไรดี

ปัจจัยในการเลือกใช้รอกสปินนิ่งและ เบทคาสติ้ง

เงื่อนไขเหยื่อน้ำหนักเบามาก

ยกตัวอย่างเช่น! ถ้าจะทำการตีเหยื่อปลอมด้วยเหยื่อตัวเล็กน้ำหนักเบา จำเป็นต้องใช้สายขนาดเล็กมากลงมาด้วย อุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดคือรอกสปินนิ่ง นั้นเพราะสปินมีข้อดีหลักๆ อยู่
– ใช้งานง่าย ตีแล้วไม่พู่อย่างแน่นอน เหมาะกับสายขนาดเล็ก
– เมื่อใช้เหยื่อขนาดเล็กจะตีได้ง่ายกว่าเบท ในทางกลับกัน หากใช้เหยื่อหนัก สปินจะตีได้ยากกว่าเบท

เงื่อนไขแหล่งน้ำที่มีพืชน้ำอย่างหนาแน่น

ถ้าแหล่งน้ำนั้นถูกปกคุมไปด้วยพืชน้ำอย่างหนาแน่นหรือในน้ำเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางและอุปสรรคอื่นๆ ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้สายเบ็ดขนาดใหญ่เพื่อรีบอัดปลาขึ้นมาให้ได้ ในกรณีเช่นนี้ควรเลือกใช้รอกเบทคาสติ้งที่สามารถใช้สายขนาดสายใหญ่ได้จะดีกว่า

เบทคาสติ้งสามารถควบคุมแอ๊กชั่นของตัวเหยื่อใหญ่ได้ดีกว่า ทั้งยังมีข้อได้เปรียบเชิงกลเมื่อทำการตกปลาด้วยเหยื่อชนิดดำลึก คือช่วยลดแรงเครียดที่เกิดขึ้นบนข้อมือและปลายแขนให้น้อยลง แถมยังช่วยเพิ่มพลังที่เราต้องใช้กล้ามเนื้อในการงัดปลาใหญ่ออกจากสิ่งกีดขวางต่างๆ ให้มากขึ้นอีกด้วย

สปินนิ่งใช้ง่าย เบทคาสติ้งใช้ยาก..?

เกี่ยวกับรอบรอก

ไม่ว่าจะเป็นรอกสปินนิ่งหรือรอกเบทคาสติ้งแต่ละรุ่น จะมีอัตราเกียร์เรโช หรือที่เราเรียกง่ายๆ ว่าอัตราทดสาย หรือเรียกง่ายแบบแมวบ้าคือ “รอบ” ไม่เท่ากัน ซึ่งถ้าจะเน้นใช้งานเฉพาะงานตีเหยื่อปลอมเท่านั้น จะมีรอบให้เลือกมากมาย

โดยสมัยก่อนอาจจะมีรอบสูงสุดที่ 9 (สำหรับเบท) แต่ในปี 2020 ได้มีรอกรุ่นใหม่ๆ ที่มีรอบ 10 ออกมาให้ใช้กันแล้วหลายตัว แต่ยังไงซะ การเลือกใช้รอบให้เหมาะสม ก็เป็นหัวใจสำคัญของการตกปลา

อันนี้เกิดคนไม่เข้าใจว่าตัวเลขรอบตัวอย่าง 4.1 : 1 หมายความว่าไง..?
หมายถึงว่าเมื่อเราหมุนมือหมุนไปครบ 1 รอบ สปูลหรือหลอดเก็บสายก็จะหมุนไปครบ 4 รอบนิดๆ รอบเป็นต้น

รอกสปินความจุของสายในสปูนส่งผลต่อการตีเหยื่อ

เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็มีนักตกปลามือใหม่ที่ยังไม่รู้ โดยเฉพาะกับรอกสปิน เกี่ยวกับความเหมาะสมของสายที่ใส่เข้าลงไป โดยมี 4 เรื่องหลักๆ คือ

สปินนิ่ง ตีเหยื่อปลอม งานน้ำจืด ไม่สามารถใส่สายใหญ่ได้ ถามว่าแค่ไหนคือใหญ่..? PE2 ก็ใหญ่แล้ว หากใส่ใหญ่ จะส่งผลต่อระยะการตีเหยื่ออย่างมาก เพราะเมื่อตีเหยื่อออกไป สายที่ออกจากหน้ารอกสปินจะควง ซึ่งมันจะมีแรงต้านมาก จนตีได้ไม่ไกล
สปินนิ่ง ตีเหยื่อปลอม งานน้ำจืด จะตีไกลที่สุดเมื่อจุสายเกือบ 100% เพราะสายควง ยิ่งความสูงของสายใกล้ขอบสปูนแรงต้านจะน้อยลง ในทางกลับกันแรงต้านจะมากขึ้นเมื่อสายน้อยลง
สปินนิ่ง ตีเหยื่อปลอม ห้ามจุสายมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เมื่อตี จะมีโอกาสสูงที่สายจะหลุดออกมาทั้งยวง อาการนี้แก้ยากยิ่งกว่าสายฟู่เบทซะอีก
สปิน สายยิ่งเล็กยิ่งตีไกล จากสาเหตุข้อ 2 ..เพราะสายเล็กเมื่อสายวิ่งออกจากสปูนระยะความสูงของสายและขอบสปูนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงน้อย ส่งผลให้ตีไกล

ถ้าว่ากันตามจริง สปินนิ่ง หรือ เบทคาสติ้ง ใครง่ายใครยากกว่ากัน? ถ้ามองแค่ว่าใครตีง่ายกว่า มันออกจะคิดน้อยไปนิดนึง ผมว่ามันขึ้นอยู่กว่าเอาไปตกยังไงมากกว่า เช่น ถ้าน้าเอาสปินไปตี Buzz bait ยังไงก็ยากกว่าเบท แต่ถ้าตีเหยื่อเบายังไงเบทก็แพ้สปิน ในทางกลับกันหากตีเหยื่อใหญ่น้ำจืดมันจะยากที่ต้องใช้สปิน ..แต่เชื่อหรือเปล่าครับ เหยื่อใหญ่งานแคสทะเลกลับเหมาะกับสปินเท่านั้น..!! ..แน่นอนว่าที่พูดมาย่อหน้านี้ ผมอยากจะบอกว่าไม่ว่าจะเป็นสปินหรือเบท ถ้าจะใช้มันก็ใช้ได้ เพียงแต่อะไรง่ายหรือยาก อะไรใช้ดีอะไรใช้ดีกว่าเท่านั้นเอง

น้าๆ สามารถอ่านเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับรอกเพิ่มเติมได้จากลิงค์

พื้นฐานตกปลา รอบของรอก ช้าเร็วแค่ไหน ถึงจะเหมาะกับเหยื่อที่ใช้
9 เหตุผลทำไม นักตกปลามือใหม่ งบน้อย จึงควรลองเล่น Spinning
ABU REVO BLACK10 รอบ 10! ตัวใหม่อีกตัวจากอาบู
พระเจ้าช่วย Daiwa ZILLION 10 DEBUT รอบ 10