เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน บริษัทได้เปิดโรงงานขนาดใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีขนาดถึง 16,154 ตารางเมตร โรงงานนี้เต็มไปด้วยถังและท่อพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ชื่อง่าศูนย์วิศวกรรม การผลิต และนวัตกรรมหรือ “EPIC” บริษัทกล่าวว่าพร้อมที่จะเริ่มผลิตเนื้อสัตว์ที่เพาะในห้องทดลองได้ 22,680 กิโลกรัม (50,000 ปอนด์) เพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ทันทีที่กฎหมายอนุมัติและให้จำหน่ายได้
“วิธีการผลิตเนื้อของเราได้รับแรงบันดาลใจจากหลักการพื้นฐานของธรรมชาติ ซึ่งเริ่มต้นด้วยเซลล์และให้สารอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้มันเติบโตและขยายจำนวน” ในเว็บไซต์ของ Upside Foods เรียกว่า “เนื้อเพาะเลี้ยง” หรือ “เนื้อสังเคราะห์” ไม่ก็ “เนื้อเทียม” อย่างที่คุณอาจทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีการใช้คำฟุ่มเฟือยในอุตสาหกรรมนี้
อย่างไรก็ตาม การเพิ่ม “หลักการพื้นฐานทางธรรมชาติ” แนวคิดนี้ได้มาจาก Uma Valeti ผู้เป็น CEO ของบริษัทในฐานะที่ตัวเองเป็นแพทย์โรคหัวใจ Upside บอกกับ The Economist “แนวคิดในการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่หัวใจมนุษย์” เพื่อช่วยรักษา หลังจากหัวใจวาย และยังให้แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเนื้อสังเคราะห์พวกนี้ด้วย
“เรามุ่งมั่นที่จะแยกกระบวนการผลิตของเราออกจากการฆ่าสัตว์โดยสิ้นเชิง” บริษัทกล่าว “เป้าหมายของเราคือการนำผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากส่วนประกอบจากสัตว์ออกสู่ตลาดโดยเร็วที่สุด”
“จุดสนใจในช่วงห้าปีที่ผ่านมาสำหรับอุตสาหกรรมนี้คือการแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์ใช้งานได้จริง” Valeti กล่าวกับ Fast Company “ขั้นต่อไปคือวิธีการนำผลิตภัณฑ์ออกจากห้องปฏิบัติการไปสู่ระดับอุตสาหกรรม”
แต่ ณ ปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้ยังไม่สามารถขายเนื้อเทียมได้จริง จนกว่ากระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาและองค์การอาหารและยาจะอนุมัติตามกฎข้อบังคับ แต่ทางโรงงานเปิดให้เยี่ยมชมและทดสอบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เดือนมกราคม ..ผู้เยี่ยมชมห้องผลิตหลักของ EPIC จะพบว่าห้องนี้เรียงรายไปด้วยถังขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพ ซึ่งเซลล์ที่เก็บเกี่ยวจากสัตว์ที่มีชีวิตจะถูกแช่ด้วยส่วนผสมของสารอาหารที่ให้ขนาดที่เหมาะสมสำหรับมื้ออาหารมื้อหนึ่ง
“เรายังคาดหวังด้วยว่าเซลล์ของเราจะสามารถสร้างตัวเองใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องกลับไปหาสัตว์เพื่อเก็บตัวอย่างในภายหลัง” บริษัทกล่าวเสริม
ทาง Upside Foods ยังรับรองว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในเว็บไซต์ตั้งข้อสังเกตว่า “เนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงเซลล์อาจใช้ดินและน้ำน้อยลงถึง 90% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงมากถึง 90%” ประโยชน์ของเนื้อเทียมนั้น “มหาศาล” การวิเคราะห์หนึ่งเมื่อเดือนเมษายน 2021 ยังระบุว่าการเปลี่ยนไปใช้เนื้อสัตว์ที่เพาะในห้องทดลองจะทำให้ “การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลงมากถึง 78-96% การใช้ที่ดินลดลง 99% การใช้น้ำลดลง 82-96% และการใช้พลังงานลดลง 7-45% เมื่อเทียบกับ ปศุสัตว์แบบเดิมและยังขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์ด้วย ยิ่งพวกวัวจะยิ่งปล่อยของเสียเยอะมาก”
ไม่เพียงแต่เนื้อเทียมในห้องทดลองสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ แต่ยังช่วยให้เกิดการใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์สูงสุด “แทนที่จะใช้ที่ดินขนาดใหญ่สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ พื้นที่ขนาดใหญ่อาจเใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นเช่นการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ หรือสร้างพลังงานทางเลือก”
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของ Upside ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เราทุกคนต้องทำความคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องโรคจากสัตว์สู่คนในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เชื้อโรคที่สามารถถ่ายทอดจากสัตว์สู่คนได้และนักระบาดวิทยาได้เตือนว่าปศุสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งเพิ่มโอกาสที่โรคใหม่จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการเกษตรได้เร่งการเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคที่ดื้อยาปฏิชีวนะ ทำให้เกิดวิกฤตทางการแพทย์ครั้งใหม่ได้
แต่ด้วยเนื้อเทียม ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เช่นเดียวกับปัญหาการทารุณสัตว์และการใช้แรงงานหนัก คนงานในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์กสูญเสียอวัยวะหรือจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบทุกวัน
แต่น่าเสียดายสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองเนื้อเทียม ขณะนี้มีที่เดียวในโลกที่คุณสามารถกินเนื้อเทียมได้คือที่สิงคโปร์ เมื่อทาง Upside ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบแล้ว มันจะเป็นเมนูเนื้อสัตว์ชิ้นแรกในเมนูของ Atelier Crenn ร้านอาหารวีแกนในซานฟรานซิสโก ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2018
หลังจากนั้น Valeti มองเห็นว่าการผลิตเนื้อสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้าถึงสิบปี เขาบอกกับ Fast Company ว่าเนื้อเทียมอาจมีราคาถูกกว่าเนื้อที่มาจากสัตว์จริงๆ
“สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอาหาร” Valeti กล่าว “มีบริษัทเกือบ 100 แห่งทั่วโลก ในเกือบทุกประเทศที่ผลิตเนื้อสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว์ ได้มีความพยายามที่จะทำเนื้อสัตว์เทียมที่ขึ้นมา”
“การเร่งความเร็วแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในวงการอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสิ่งใหม่ๆ นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม”
