10 อันดับปรสิต ‘ในมนุษย์’ อันตรายที่สุดเท่าที่มนุษย์รู้จัก

สิ่งมีชีวิตมาในรูปแบบและรูปร่างที่แตกต่างกัน บางครั้งสิ่งมีชีวิตก็ใช้แสงแดดเพื่อผลิตพลังงานเหมือนพืช บางชนิดกินพืชหรือสัตว์อื่นๆ และบางชนิดก็ขโมยจากสิงมีชีวิตชนิดอื่น สิ่งมีชีวิตนี้เรียกว่าปรสิตและบางชนิดก็เป็นอันตรายถึงตาย .. ต่อไปนี้เป็น 10 ปรสิตในมนุษย์ ที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยพบมา

10 อันดับปรสิต

10. พยาธิใบไม้ในเลือด (Blood fluke)

Advertisements

แม้แต่นโปเลียนยังต้องเผชิญการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากพยาธิใบไม้ในเลือด ปรสิตที่ขึ้นชื่อนี้ทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า โรคพยาธิใบไม้ในเลือด (Schistosomiasis) เป็นโรคที่มีสาเหตุมาจาก หนอนพยาธิ ชนิด ชิสโตโซมา เป็นตัวที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ใน ทางเดินปัสสาวะ หรือ ลำไส้

โรคดังกล่าวแพร่กระจายโดยทางการติดต่อสัมผัสกับแหล่งน้ำที่มีพยาธินั้น พยาธิเล่านี้จะถูกปล่อยออกมาจาก หอยทากน้ำจืดซึ่งติดเชื้อมาแล้ว โรคดังกล่าวมักพบทั่วไปโดยเฉพาะในเด็กที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา

พยาธิใบไม้ในเลือด




โรคพยาธิใบไม้ในเลือดส่งผลให้กับคนทั่วโลกเป็นจำนวนเกือบ 210 ล้านคน และประมาณการณ์ว่าในแต่ละปีราว 12,000 – 200,000 คนที่เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าว ..โชคดีที่การติดเชื้อนี้สามารถรักษาได้ง่ายโดยใช้ยาต้านปรสิตที่เรียกว่าพราซิควอนเทล (Praziquantel) แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา การติดเชื้ออาจเจ็บปวดและไม่เป็นที่พอใจมาก

9. หนอนกีนี (Dracunculus)

Dracunculus บางชนิดจะถูกเรียกว่า หนอนกีนี (Guinea worms) มันเป็นปรสิตที่มีลักษณะไส้เดือนฝอยคล้าสปาเก็ตตี้ที่ดูไม่เป็นอันตราย ปรสิตชนิดนี้ทำให้เกิดโรคหนอนกินี (GWD) ในมนุษย์ โดยแพร่เมื่อมีคนดื่มน้ำที่ปนเปื้อนด้วยหมัดน้ำที่มีตัวอ่อนหนอนชนิดนี้

หนอนกีนี




อาการของโรคจะเริ่มปรากฏขึ้นค่อนข้างช้า ราวๆ หนึ่งปีหลังจากการติดเชื้อเมื่อตัวอ่อนกลายเป็นตัวเต็มวัย และสิ่งต่างๆ จะแย่ลงอย่างรวดเร็ว หนอนที่โตเต็มวัยจะปล่อยตัวอ่อนออกมา และจะเริ่มออกมาจากผิวหนังของผู้ป่วยโดยทำให้เกิดแผลพุพอง

ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดและแสบร้อนที่ตุ่มเหล่านี้ และต้องล้างด้วยน้ำบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้แผลพุพองแตกออกและปล่อยตัวอ่อนออกมา

ส่วนตัวเต็มวัยจะเริ่มปรากฏออกมาจากแผลพุพองหลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์ และสามารถดึงออกมาได้โดยใช้แท่งเล็กๆ กระบวนการที่น่ากลัวนี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้ ..โรคที่เกิดจากหนอนชนิดนี้ เคยเป็นโรคเฉพาะถิ่นในแถบแอฟริกาและยูเรเซีย แต่ปัจจุบันพบระบาดในอีกหลายประเทศโดยเฉพาะใน ชาด เอธิโอเปีย มาลี ซูดานใต้ และแองโกลา

8. พยาธิตัวตืด (The tapeworm)

หนอนรูปริบบิ้นนี้สามารถทำให้เกิดอาการชักได้ หากมันสร้างซีสต์ในสมองของคุณได้สำเร็จ แต่โดยทั่วไปแล้วจะพบพวกมันหลบภัยในลำไส้ของมนุษย์ (หรือสัตว์เลี้ยง) โดยตัวอ่อนของพยาธิตัวตืด อาจเข้าสู่ร่างกายของคนได้เมื่อดื่มน้ำที่ปนเปื้อน หรือกินเนื้อหมูหรือเนื้อวัวที่ปรุงไม่สุกซึ่งมีซีสต์หรือไข่ของพยาธิตัวตืด

พยาธิตัวตืด

Advertisements
โดยปกติมันจะส่งผลกระทบต่อลำไส้เล็กและทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องร่วง ปวดท้อง ฯลฯ ในกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่อาการชักจากลมบ้าหมู ตาบอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และปัญหาทางระบบประสาทอื่นๆ อีกมากมาย …พยาธิตัวตืดเป็นหนึ่งในปรสิตที่อันตรายที่สุด ประมาณว่า 5% ของชาวอเมริกันมีพยาธิตัวตืด แต่ส่วนใหญ่ไม่ทราบเรื่องนี้




7. พยาธิใบไม้ตับ (Liver fluke)

Advertisements

การติดเชื้อนี้เรียกว่า fascioliasis และเกิดขึ้นเมื่อการกินพืชน้ำดิบหรือหญ้าน้ำที่มีตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับ และพยาธิใบไม้ตับชนิด Fasciola gigantica ถือเป็นพยาธิใบไม้ตับที่พบบ่อยที่สุดที่พบในมนุษย์ ส่วนใหญ่ติดเชื้อในท่อน้ำดีและตับ

ในบางกรณีที่พบได้ยากคือใน สมอง ตับอ่อนและดวงตาก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน งานวิจัยเผยพยาธิใบไม้ในตับคุกคามสุขภาพผู้คนกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก

พยาธิใบไม้ตับ

แม้ว่าโรค fascioliasis ไม่ใช่การติดเชื้อที่ร้ายแรงในมนุษย์ และมักพบในแกะ แต่หากละเลย ปรสิตสามารถอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ได้นานถึง 30 ปี และอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพทางเดินอาหารเป็นประจำ อาการของการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับมีตั้งแต่ไข้ คลื่นไส้ไปจนถึงถุงน้ำดีอักเสบและการอุดตันของท่อน้ำดี

6.Leishmania chagasi และ Leishmania donovani

โปรโตซัวทั้งสองชนิดนี้ สามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงที่เรียกว่า visceral leishmaniasis ในมนุษย์ (เรียกอีกอย่างว่าไข้ดำหรือ kala-azar) โดยระหว่างการติดเชื้อ ม้าม ไขกระดูกและตับจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเกิดอาการบวม ดังนั้นผู้ติดเชื้อจะมีภูมิคุ้มกันลดลง และจำนวนเม็ดเลือดจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง น้ำหนักลดลง มีไข้เป็นเวลานาน และปัญหาอื่นๆ ก็ตามมา

Advertisements




จากข้อมูลของ WHO 95% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคลิชมาเนียที่เกี่ยวกับอวัยวะภายใน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังมีโรคลิชมาเนียอีก 2 ชนิดที่พบในมนุษย์ที่เรียกว่า ลิชมานิเอซิสจากเยื่อเมือกและลิชมาเนียที่ผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อในเยื่อเมือกและแผลที่ผิวหนังตามลำดับ อย่างไรก็ตามการติดเชื้อทั้งสองนี้ไม่ถือว่าร้ายแรง

5. ไส้เดือนฝอย (Filarial worm)

ไส้เดือนฝอย ( Wuchereria bancrofti) หากเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการกัดของยุงที่ติดเชื้อ หนอนที่มีลักษณะเป็นเกลียวนี้จะโจมตีระบบน้ำเหลืองของมนุษย์

ทำให้เกิดอาการบวมที่ขา อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก แขนและหน้าอก โดยภาวะนี้เรียกว่าโรคเท้าช้างหรือเท้าช้าง ในหลายกรณีผู้ติดเชื้อจะทุพพลภาพอย่างถาวร เนื่องจากร่างกายมีความผิดปกติบางส่วนหรือทั้งหมดเนื่องจากการกระจายน้ำเหลืองที่ผิดปกติในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ

ไส้เดือนฝอย ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) นับจนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิต มากกว่า 120 ล้านคน เนื่องจากโรคเท้าช้างในส่วนต่างๆ ของเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ ผู้คนประมาณ 40 ล้านคนต้องพิการอย่างถาวรเนื่องจากการติดเชื้อนี้

4. ปรสิตพลาสโมเดียม (Plasmodium parasite)

Advertisements

พลาสโมเดียม เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมาลาเรีย ยูนิเซฟอ้างว่าทุกๆ สองนาที เด็กคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรีย โรคชนิดนี้คิดเป็น 2-5 % ของการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทั้งหมด นี่แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของปรสิตชนิดนี้

ปรสิตพลาสโมเดียม




แม้ว่าโรคมาลาเรียจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นโรคที่รักษาได้ และผู้ป่วยสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะและยาลดไข้ อย่างไรก็ตาม หากคุณอาศัยหรือเดินทางไปในที่ที่มียุงอาศัยอยู่ วิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อมาลาเรียคือการใช้มุ้งหรือใช้ยาฆ่าแมลง

3. ปรสิตอะมีบา (Acanthamoeba)

ปรสิตอะมีบา ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบจากอะมีบาที่เป็นเม็ดเลือด (GAE) ซึ่งเป็นโรคที่นำไปสู่อาการบวมในสมอง โดยผู้ป่วยประมาณ 95% ที่เป็นโรค GAE จะตาย อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่า ผู้ติดเชื้ออะมีบาทุกคนต้องทนทุกข์ทรมานจาก GAE เพราะมีผู้ป่วยบางรายที่ไม่แสดงอาการใดๆ เลย

ปรสิตอะมีบา

Advertisements
ปรสิตชนิดนี้สามารถพบได้ในดิน สระว่ายน้ำคลอรีน น้ำประปา บนพื้นผิวของคอนแทคเลนส์ น้ำขวด เครื่องปรับอากาศ และอาจเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทางตา แผล บาดแผลและโพรงจมูก เมื่อติดเชื้อต้องเผชิญกับอาการปวดตาอย่างรุนแรง ตาพร่ามัว ตาแดง แผลที่กระจกตา และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดวงตา




2. Toxoplasma gondii

แพทย์แนะนำให้สตรีมีครรภ์อยู่ห่างจากแมว เพราะสัตว์ที่มีขนเหล่านี้มักพบว่าเป็นพาหะของ Toxoplasma gondii ซึ่งเป็นปรสิตที่พบในอุจจาระแมว กระบะทรายแมว และบางครั้งอาจพบในเนื้อดิบด้วยเช่นกัน แม้ว่าผู้ใหญ่ที่ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการใดๆ หลังจาก การติดเชื้อ แต่ยังถือว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับตัวอ่อนมนุษย์และทารก

ปรสิตชนิดนี้ทำให้เกิด toxoplasmosis แต่กำเนิดในทารกในครรภ์ เนื่องจากทารกอาจเกิดมาพร้อมกับโรคลมบ้าหมู ความผิดปกติทางจิต ตาบอด ฯลฯ ในกรณีร้ายแรง มันสามารถนำไปสู่การแท้งบุตรได้ ทุกปีโดยเฉลี่ยแล้วเด็ก 190,000 คน เกิดมาพร้อมกับโรคทอกโซพลาสโมซิสที่มีมาแต่กำเนิด และเด็กหลายร้อยคนเสียชีวิตจากการติดเชื้อ

1. อะมีบากินสมอง (Brain-eating amoeba)

การติดเชื้อจาก Naegleria fowleri (อะมีบากินสมอง) มีทั้งอันตรายถึงตายและหาได้ยาก ในช่วงระหว่างปี 1962-2019 มีรายงานเพียง 148 คนเท่านั้นที่ติดเชื้อปรสิตนี้ในสหรัฐอเมริกา แต่ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเพียง 4 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยตัวอ่อนของ Naegleria fowleri พบได้ในดินและแหล่งน้ำอุ่น เช่น ทะเลสาบ สระว่ายน้ำและน้ำพุร้อน




อะมีบากินสมอง ปรสิตนี้จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางโพรงจมูก ไปถึงสมองและเริ่มทำลายเนื้อเยื่อสมอง ทำให้เกิดโรคร้ายแรงที่เรียกว่าโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (primary Amebic Meningoencephalitis – PAM) ด้วยเหตุนี้ ผู้ติดเชื้อจึงเสียชีวิตภายในห้าถึงเจ็ดวันเท่านั้น

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements