10. ถ้ำผาผึ้ง (ยาว 4,750 เมตร) จ.น่าน
เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ เดิมชาวบ้านใช้เป็นที่หลบภัย ที่มาของชื่อถ้ำมาจากการที่เคยมีผึ้งมาทำรังที่ต้นไม้และบริเวณหน้าผาปากถ้ำเป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่าถ้ำผาผึ้ง ตลอดทางเข้าถ้ำเป็นป่าที่สมบูรณ์
ปากถ้ำกว้าง 40 เมตร สูง 20 เมตร ต้องเดินลงไปอีก 25 เมตรจึงจะถึงพื้นถ้ำ ภายในถ้ำเป็นโถงขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยและน้ำตกเล็กๆ นักท่องเที่ยวควรติดต่อเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านในพื้นที่ก่อนเข้าชมและใช้ความระมัดระวังในการเที่ยวชม
9. ถ้ำเชียงดาว (ยาว 5,170 เมตร) จ.เชียงใหม่
ถ้ำอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว ตั้งอยู่เชิงเขาของดอยหลวงเชียงดาว เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่งดงามตระการตา ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของดอยหลวงเชียงดาว ยอดดอยที่สูงเป็นลำดับสามของประเทศไทย และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกับป่าไม้ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ถ้ำมีเส้นทางให้เดินสำรวจ 3 เส้นทาง และหน้าถ้ำมีธารน้ำไหลผ่านเต็มไปด้วยปลาหลายชนิด นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้
8. ถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช (ยาว 5,200 เมตร) จ.นครศรีธรรมราช
เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีการค้นพบวัตถุโบราณภายในถ้ำเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และด้านในของถ้ำก็ยังมีน้ำตกอยู่ภายใน
วัตถุโบราณที่ค้นพบภายในถ้ำ บางส่วนถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ตำบลขุนทะเล ใกล้กับศาลาตาขุนพล หรืออนุสาวรีย์หมื่นไกรพลขันธ์ (ตาขุนพล) แม่ทัพของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช โดยศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากทางเข้าถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราชมากนัก
7. ถ้ำกระแชง (ยาว 5,633 เมตร) จ.ยะลา
ห่างจากจังหวัดยะลาประมาณ 50 กิโลเมตร มีทัศนียภาพของภูเขา ธารน้ำและถ้ำลอดที่สวยงาม มีหินงอกหินย้อยมาจากที่ยื่นลงมาจากเพดานถ้ำ ในช่วงที่น้ำน้อยสามารถเดินเลาะเลียบตามลำธารลอดถ้ำไปทะลุอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โล่ง โอบล้อมด้วยภูเขาและแมกไม้เขียวขจี มีทัศนียภาพสวยงาม
6. ถ้ำตะโค๊ะบิ (ยาว 7,346 เมตร) จ.ตาก
เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของวนอุทยานถ้ำตะโค๊ะบิ บริเวณตำบลแม่กลอง ลักษณะถ้ำนั้นมีทางเดินกว้างลงไปเป็นชั้นๆ ข้างในมีทางแยกหลายทาง ถ้ำตะโค๊ะบิ เป็นถ้ำขนาดใหญ่เพดานถ้ำสูง มีหินงอก หินย้อยสวยงาม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังความเก่าแก่ของถ้ำตะโค๊ะบิ
5. ถ้ำน้ำลาง (ยาว 8,550 เมตร) จ.แม่ฮ่องสอน
จุดเด่นของถ้ำนี้อยู่ในคูหาถ้ำขนาดใหญ่ที่เรียกว่า วังเมขลา มีสระน้ำและหินงอกหินย้อยแบบ Flow Stone ลดหลั่นกันเป็นชั้นงดงาม เกิดจากผลิึกแร่แคลไซต์เกาะตัวเป็นชั้นๆ ส่องประกายพราวระยับทั้วทั้งถ้ำ นอกจากนี้ยังมีเสาหินหลายต้นสูงเทียบเท่าตึกสิบชั้นเลยทีเดียว
4. ถ้ำหลวง (ยาว 10,316 เมตร) จ.เชียงราย
ถ้ำหลวง ตั้งอยู่ในพื้นที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ภายในถ้ำจะพบกับความงามของ เกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด ด้วยอุปสรรคมากมายภายในถ้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้าไปสำรวจ ยังไม่ถึงจุดหมายที่ลึกสุดก็ต้องล่าถอยแทบทุกราย (ภารกิจช่วย 13 หมูป่าที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็ถ้ำแห่งนี้)
3. ถ้ำใหญ่น้ำหนาว (ยาว 10,631 เมตร) จ.เพชรบูรณ์
ถ้ำใหญ่น้ำหนาว หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าภูน้ำริน เป็นถ้ำใหญ่ที่มีความงามวิจิตรพิศดารโดยธรรมชาติ มีหินงอกหินย้อย และที่แปลกที่สุดคือ มีน้ำไหลหรือน้ำรินออกจากปากถ้ำ ภายในถ้ำยังเป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนมากอีกด้วย
2. ถ้ำแม่ละนา (ยาว 12,720 เมตร) จ.แม่ฮ่องสอน
ถ้ำนี้เราต้องลุยไปตามลำธารน้ำตลอดเส้นทางเข้าถ้ำ ตั้งแต่น้ำระดับเข่า จนถึงระดับเอว ต้องปีนป่ายโขดหิน และลอดผ่านช่องแคบๆอีกทั้งในถ้ำยังมืดสนิด ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้นักท่องเที่ยว
ภายในถ้ำตื่นตะลึงไปกับม่านหินขนาดใหญ่ เสาหิน และหินงอกหินย้อยที่สองแสงแวววับสะดุดตา โดยการเดินทางจากปากถ้ำทะลุถึงปลายถ้ำ แบบไม่หยุดพัก ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 ชม. และสามารถเที่ยวได้เฉพาะหน้าหนาวถึงหน้าแล้งเท่านั้น เพราะฤดูฝนน้ำจะท่วมสูงมาก
1. ถ้ำพระวังแดง (ยาว 13,761 เมตร) จ.พิษณุโลก
ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จัดว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย ลักษณะเป็นถ้ำที่มีลำธารน้ำไหลตลอดปี ด้านในแบ่งเป็นถ้ำย่อยหลายถ้ำ ประดับประดาด้วยหินงอกหินย้อยสวยงาม และยังเป็นที่อาศัยของค้างคาว รวมถึงปลาหลากชนิดจำนวนมาก เมื่อเดินไปถึงปลายสุดของถ้ำ จะไปโผล่ทะลุอีกเขาลูกหนึ่ง ซึ่งก็คือ “เขาสัญญา”
ครบ 10 อันดับแล้วนะครับ ความจริงยังมีถ้ำที่ถูกเรียกว่า “ถ้ำลม/ถ้ำน้ำ/ถ้ำงาม” อยู่จังหวัดเชียงใหม่อีกแห่ง โดยถ้ำนี้จากข้อมูลของ thailandcaves มันมีความยาวเกือบเท่าถ้ำพระวังแดง แต่ผมหาข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับถ้ำนี้ไม่เจอเลยขอตัดไปออกไปก่อน