ป่าชายเลนบนเกาะรามรี ของพม่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เกาะรามรี เป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สอง ใกล้จะสิ้นสุด ทหารญี่ปุ่นหลายร้อยนายเสียชีวิตเนื่องจากการโจมตีของจระเข้ที่เกาะรามรี และประวัติศาสตร์ที่บันทึกเรื่องนี่เอาไว้
เกาะรามรี (Ramree Island) เป็นเกาะนอกชายฝั่งรัฐอาระกัน (Arakan State) ของพม่า ตัวเกาะมีคลองกว้างประมาณ 150 เมตร กั้นแยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ และมีพื้นที่เกาะประมาณ 1,350 ตารางกิโลเมตร
ช่วงปี พ.ศ.2485 ซึ่งเป็นช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาวางกำลังและยึดพื้นที่เกาะนี้เอาไว โดยมีทหารราว 1 พันนายอยู่ที่นั้น
จากนั้นอังกฤษเคลื่อนกำลังเข้าโจมตีทหารญี่ปุ่น เพื่อยึดจะเกาะรามรี โดยใช้กำลังตีโอบ 2 ปีก ระดมยิง เพื่อขับไล่ทหารญี่ปุ่นออกจากเกาะ
ทหารญี่ปุ่นราว 1,000 นาย บนเกาะถูกโจมตีด้วยกำลังของอังกฤษ จึงตัดสินใจถอย ซึ่งทางเดียวที่จะหนีไปได้ คือลุยน้ำทะเล ซึ่งลึกประมาณอก และต้องเดินผ่านป่าชายเลน และนำกำลังไปสมทบกลุ่มอื่น ทหารญี่ปุ่นตัดสินใจหนีลงน้ำเข้าป่าพรุไป
อ่าน : เปิดแฟ้มลับ เหตุการณ์ฉลามจู่โจมครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
ค่ำคืนที่ต้องจดจำ
คืนวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2488 ที่โลกต้องจดจำ ทหารญีปุ่นเกือบ 1 พันนาย ที่ไม่คุ้นกับภูมิประเทศบริเวณนั้นมาก่อน ขณะเข้าไปในพรุพวกเขาถูกยุงในป่าพรุกัดแสนสาหัส หนีตายเข้าไปในป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยป่าโกงกาง
ทหารอังกฤษได้ติดตามไปอย่างช้าๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รีบ เพราะรู้ดีว่าข้างหน้ามีอะไร มันคือกับดักแห่งความตายตามธรรมชาติ นั่นก็คือจระเข้
จระเข้น้ำเค็มเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันดุร้ายและมีพลังกัดมากที่สุดในโลกเช่นกัน และในบริเวณที่ทหารญีปุ่นกำลังมุ่งไป เป็นหนองน้ำที่อาศัยของฝูงจรเข้น้ำเค็ม
ถึงแม้ทหารญี่ปุ่นจะรู้ดีว่า จระเข้น้ำเค็มมีชื่อเสียงในการกินมนุษย์ แต่พวกเขาก็ต้องเข้าไปในหนองน้ำป่าโกงกางอยู่ดี จระเข้ปรากฏตัวเมื่อทหารญี่ปุ่นลึกเข้าไปในหนองน้ำ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ จระเข้น้ำเค็มออกหากินเวลากลางคืนและจับเหยื่อในที่มืดได้ดี
ทหารอังกฤษหลายคนกล่าวว่า จระเข้ล่าเหยื่อที่เป็นทหารญี่ปุ่นในหนองน้ำ และการบอกเล่าต่อไปนี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น จากประสบการณ์ตรงที่สุด และมาจากนักธรรมชาติวิทยาผู้เข้าร่วมการรบที่เกาะรามรีและเขียนบันทึกเรื่องราวนี้ไว้
“คืนนั้น [วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2488] เป็นคืนที่น่ากลัวที่สุดที่สมาชิกในทีม ML [motor Launch] เคยประสบมา จระเข้ที่กำลังตืนตัวจากการสู้รบ และกลิ่นเลือดรวมตัวกัน ท่ามกลางป่าโกงกาง พวกมันนอนอยู่เหนือผิวน้ำและเฝ้ามองอาหารมื้อต่อไป เมื่อกระแสน้ำลดลงจระเข้ได้เคลื่อนตัวเข้ามาทับคนที่ตาย บาดเจ็บ หรือแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งพวกเขาติดอยู่ในโคลน …
เสียงปืนไรเฟิลที่กระจัดกระจายในหนองน้ำสีดำ มันเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้บาดเจ็บ ที่แหลกละเอียดอยู่ในขากรรไกรของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ เสียงจระเข้ที่หมุนวนอย่างน่ากลัว มันเหมือนเสียงสะท้อนของนรกที่แทบไม่เคยมีใครได้ยิน จนรุ่งเช้านกแร้งก็มาเพื่อทำความสะอาดสิ่งที่จระเข้ทิ้งไว้”
ตามรายงาน จากกองกำลัง 1,000 นายที่เข้าไปในหนองน้ำบนเกาะรามรี มีเพียง 520 นาย ที่รอดชีวิต โดยเหตุการณ์นี้ หนังสือกินเนสส์บุ๊คยกเหตุการณ์สยองครั้งนั้นให้เป็น “โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากจระเข้”