กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออเบิร์น ได้ตีพิมพ์บทความนี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยระบุรายละเอียดความพยายามในการดัดแปลงพันธุกรรมปลาดุกด้วยยีนที่เรียกว่า Cathelicidin ของอัลลิเกเตอร์
โดย Cathelicidin ที่พบในลำไส้เป็นเปปไทด์ต้านจุลชีพ ที่มีหน้าที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตต่อสู้กับโรคต่างๆ แล้วยีนที่เพิ่งเข้ามานี้ จะทำให้ปลาดุกมีความต้านทานต่อโรคสูงขึ้น นักวิจัยอ้างว่าเมื่อเทียบกับปลาดุกในธรรมชาติ จะเพิ่มอัตรารอดชีวิตสูงถึง 2 – 5 เท่า
และเนื่องจากนักวิจัยได้เพิ่ม Cathelicidin ลงในยีนสำหรับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ จึงลดความสามารถในการสืบพันธุ์ของปลาดุกลง ซึ่งพวกเขากล่าวว่าเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการปนเปื้อนทางพันธุกรรมในปลาลูกผสมกับปลาดุกธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยหวังว่าการตัดต่อยีนอัลลิเกเตอร์และปลาดุก จะใช้ควบคู่กับเทคนิคการเพาะพันธุ์ปลาดุกชนิดอื่นๆ เพื่อช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่มากขึ้น
ซึ่งในปี 2021 มีการผลิตปลาดุกมีชีวิตประมาณ 307 ล้านปอนด์ในสหรัฐอเมริกา โดยส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้ ทั้งนี้คิดเป็นกว่า 50% ของความต้องการปลาที่เลี้ยงในฟาร์มของสหรัฐ …และเป็นที่รู้กันว่า ขั้นตอนการทำฟาร์มเลี้ยงปลานั้นใช้ทรัพยากรมาก โดยเฉพาะจะต้องเจอเข้ากับโรคระบาด ซึ่งการตายของปลาดุกจะเกิดจากโรคระบาดถึง 45%
แม้ว่าผู้บริโภคอาจไม่สบายใจกับแนวคิดที่ว่า ปลาดุกของพวกเขาได้แบ่งปันยีนกับอัลลิเกเตอร์ แต่นักวิจัยหลักของการศึกษานี้ก็บอกว่า เนื้อของปลาลูกผสมจะปลอดภัยอย่างสมบูรณ์