จากหลักฐานฟอสซิลแสดงให้เห็นว่าสปีชีส์นี้ ได้ทำกิจกรรมนองเลือดแบบนี้มาเกือบ 5 ล้านปี โดยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าเครื่องจักรสังหารชนิดนี้ มีประสิทธิภาพเพียงใด ความจริงพวกมันใกล้เคียงกับไดโนเสาร์มากที่สุด
หลักฐานฟอสซิลที่เก่าแก่ที่สุด ที่เรามีเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้มีอายุย้อนไปถึงยุคไพลโอซีน (Pliocene) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ 5.3 – 2.6 ล้านปีก่อน
แต่ตระกูลจระเข้นั้นแก่กว่ามาก พวกมันมีรากฐานมาจากยุคมีโซโซอิก (Mesozoic Era) เมื่อราว 250 ล้านปีก่อน เมื่อพวกมันแตกแขนงออกจากอาร์คซอรัส (archosaurs) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษร่วมกัน ที่พวกมันมีร่วมกับนกสมัยใหม่ และในช่วงแรกๆ พวกมันอาศัยอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์
เมื่อเวลาผ่านไป จระเข้เริ่มกลายเป็นตัวของมันอย่างแท้จริงเมื่อประมาณ 55 ล้านปีก่อน โดยพัฒนาเป็นสายพันธุ์ของพวกมันเอง ในรูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน พวกมันแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยนับแต่นั้นมา นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกมันปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีเพียงใด
“ทำให้ตระกูลจระเข้และจระเข้น้ำเค็มเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลจระเข้ กลายเป็นหนึ่งในสายเลือดที่เก่าแก่ที่สุดในโลกปัจจุบัน”
จระเข้น้ำเค็ม (saltwater crocodile) ตัวผู้ที่โตเต็มวัยจะยาวได้ถึง 6 – 7 เมตร (ประมาณ 20 – 23 ฟุต) สายพันธุ์นี้เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้ โดยทั่วไปมีความยาวไม่เกิน 3 เมตร (10 ฟุต) 2.5 เมตรถือว่าใหญ่สำหรับผู้หญิงเหล่านี้
โดยจระเข้น้ำเค็มขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่เคยถูกบันทึกเอาไว้อย่างเป็นทางการคือ “โลลอง (Lolong)” มีความยาว 6.17 เมตร (20 ft 3 in) และมีน้ำหนักตัว 1,075 กก. (2,370 ปอนด์) แต่น่าเสียดายที่มันตายไปแล้ว .. และในธรรมชาติยังมีตัวที่ใหญ่กว่านี้ เพียงแต่ยังไม่เคยถูกจับ และวัดขนาดอย่างถูกต้องเท่านั้น
