การศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่า การปรับตัวที่พิเศษของปลาในสกุลปลาช่อน ได้ถูกพัฒนาขึ้นในปลาช่อนเมื่อประมาณ 12 ล้านปีก่อน พฤติกรรมนี้อาจทำให้ปลาสามารถเอาชนะสภาพแวดล้อมใหม่ๆ และนำไปสู่ความหลากหลายของสายพันธุ์ที่พบในกลุ่มปลาช่อนโดยเฉพาะ
แม้ว่าสายพันธุ์ปลา 20-25% ของโลก จะดูแลลูกของมัน แต่การดูแลโดยพ่อแม่มักจะจำกัดอยู่แค่การปกป้องหรือดูแลไข่และลูกปลาเท่านั้น เฉพาะในกรณีที่หายากเท่านั้น ที่พ่อแม่จะจัดเตรียมอาหารให้ลูกโดยตรง
ทั้งนี้มีปลาจำนวนหนึ่งสามารถสร้างเมือกที่ผิวหนัง ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร เพื่อให้ลูกปลากินเป็นอาหารเสริมในช่วงสองสามสัปดาห์แรก ซึ่งจนถึงตอนนี้ ปลาดุกกัมปางโก (Kampango catfish) ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบมาลาวี ดูเหมือนจะเป็นชนิดเดียวในบรรดาปลากระดูก (Bony fish) เกือบ 30,000 ชนิด ที่นักวิจัยรู้จักว่ามันจะผลิตไข่ที่ไม่ได้รับการปฏิสนธิเพื่อใช้เป็นอาหารให้แก่ลูกของมัน
แล้วจากการศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์ พวกเขาพบว่าปลาช่อนบางชนิดที่อยู่ในสกุลชานนา ยังให้อาหารลูกด้วยไข่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย ซึ่งปลาช่อนพวกนี้มีอย่างน้อย 35 ชนิดที่อาศัยอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย แน่นอนว่าพวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์กินเนื้อ และบางชนิดสามารถยาวได้ถึง 120 เซนติเมตร
โดยการใช้ไข่ให้อาหารเป็นรูปแบบของการจัดหาสารอาหารของผู้ปกครอง ซึ่งพบได้บ่อยในแมลง แมงมุมและกบมากกว่าในปลา ตัวอย่างเช่น ในกบ การใช้ไข่โภชนาการมีวิวัฒนาการอย่างอิสระหลายครั้ง ซึ่งมักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดสารอาหาร
ไข่โภชนาการ อาจสร้างโอกาสทางนิเวศวิทยาใหม่ได้
การศึกษานี้ใช้การทดลองในตู้ปลา เพื่อจำกัดให้แคบลงว่าปลาช่อนชนิดใด ที่มีการจัดหาไข่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนแผนภูมิต้นไม้ของสกุลปลาช่อนนั้นมีอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ทำแผนที่พฤติกรรมบนต้นไม้ต้นนี้
ผลการวิจัยพบว่าพฤติกรรมดังกล่าว พบว่าปลาในสกุลปลาช่อนส่วนใหญ่จะสืบพันธุ์แล้วออกไข่ที่ลอยน้ำอยู่ในรังที่สร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ หลังจากนั้นตัวพ่อหรือทั้งพ่อและแม่ปลา จะดูแลลูกเป็นระยะเวลาหนึ่งจนกว่าลูกปลาจะโตมากพอ และมันก็ยังผลิตไข่ที่ไม่ได้การปฏิสนธิ เพื่อใช้เลี้ยงดูลูกๆ ของพวกมัน
และดูเหมือนพวกมันจะทำแบบนี้มาได้ประมาณ 12 ล้านปีมาแล้ว และการเลี้ยงลูกแบบนี้มีแนวโน้มมากที่สุดในปลาช่อน 20 ชนิดที่มีชีวิตในปัจจุบัน
และเพราะความสามารถในการให้อาหารลูกอ่อนของพวกมัน ทำให้ปลาเหล่านี้สามารถแพร่กระจายไปยังสภาพแวดล้อมที่ขาดอาหารที่เหมาะสมสำหรับลูกปลา ทำให้พวกมันขยายไปยังภูมิภาคใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
จากนี้เดี๋ยวมาลองดูการพัฒนาของลูกปลาช่อนตั้งแต่วันแรก ซึ่งปลาเหล่านี้ได้รับเพียงไข่โภชนาการจากพ่อแม่เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างคือ จากตัวอย่างลูกปลาก้าง (Channa gachua) และลูกปลาช่อนแอนดริว (Channa andrao) ที่อายุน้อยกว่า 7 วัน นักวิจัยได้แยกลูกปลาออกจากพ่อแม่ ผลคือพวกมันอดตาย แม้จะมีการให้อาหารที่คิดว่าเหมาะสมอย่าง “อาร์ทีเมีย” ที่มีชีวิต สิ่งนี้ทำให้รู้ว่า ลูกปลาเหล่านี้ล้มเหลวในการรับรู้แหล่งอาหารอื่น และพวกมันจำเป็นต้องได้รับการเลี้ยงดูโดยพ่อแม่อย่างน้อยก็สัปดาห์แรกของชีวิต
ในกรณีของปลาช่อนพัลชรา (Channa pulchra) ค่อนข้างแตกต่าง เมื่อเทียบกับปลาก้างและปลาช่อนแอนดริว ..ไข่ของปลาช่อนพัลชราค่อนข้างใหญ่กว่า และจากการเฝ้าติดตามก็พบว่า พวกมันไม่มีไข่โภชนาการ แถมยังวางไข่อย่างต่อเนื่องเป็นชุดๆ ซึ่งห่างกันประมาณสัปดาห์ละครั้ง และมันก็ทำแบบนี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ลูกปลาจึงมีพี่น้องที่มีอายุและขนาดที่ต่างกัน แต่ก็ไม่พบการกินกันเอง และเมื่อแยกลูกปลาอายุน้อยกว่า 7 วันไปเลี้ยง พวกมันยอมรับอาร์ทีเมีย และมันก็เติบโตได้โดยไม่มีพ่อแม่
แต่! คุณต้องไม่ลืมว่า นี่เป็นการทดลองในสภาพกักขัง ความเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นในสภาพธรรมชาติ และอย่างไรก็ตามเนื่องจากเรายังรู้ชีวิตของปลาเหล่านี้ไม่มากพอ โดยเฉพาะในแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของพวกมัน นี่ถือเป็นศึกษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเราต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมในหัวข้อนี้ต่อไป
ทำไมปลาที่จัดเตรียมอาหารให้ลูกจึงหายาก?
เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า ..เหตุใดการจัดเตรียมอาหารสำหรับลูกปลาจึงหาได้ยากนัก? ในเมื่อดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในบางสถานการณ์?
นั้นเพราะการผลิตไข่โภชนาการ ต้องใช้พลังงานอย่างมาก หากตัวพ่อไม่คอยช่วยเหลือตัวแม่ด้วยการเฝ้าดูลูก ตัวแม่ก็อาจจะไม่สามารถหาอาหารให้มากพอสำหรับใช้พลังงานเพิ่มเติมนี้ได้
และปัจจัยจำกัดอาจเป็นเพราะลูกหลานต้องการช่องว่างขนาดใหญ่พอที่จะกลืนไข่ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการทั้งหมด ซึ่งใหญ่พอๆ กับหัวของลูกปลาที่เพิ่งฟักออกมา ด้วยเหตุนี้ปลาช่อนที่มีหัวโต จึงมีคุณสมบัติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวสำหรับพฤติกรรมดังกล่าว …จบ