ถ้ำโมโว (Movile Cave)
ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศโรมาเนีย ถูกค้นพบในช่วงปี 1986 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวโรมาเนียชื่อ Stefan Sarbu si Radu Popa จากนั้นก็เป็นถ้ำที่ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์เนื่องจากระบบนิเวศที่แปลกประหลาดของมัน
(ภาพบน) เนื่องจากเป็นถ้ำที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ทางเข้าถ้ำเกิดจากการขุดโดยมนุษย์ และเนื่องจากอันตรายจึงถูกปิดเอาไว้
จากการศึกษาพบว่าถ้ำแห่งนี้มีอายุอย่างน้อย 5.5 ล้านปี โดยในปี 1990 ได้มีนักวิทยาศาสตร์จากนาซ่า (NASA) ได้เข้าไปศึกษาถ้ำแห่งนี้อย่างจริงจัง จนได้ข้อสรุปว่าสภาพแวดล้อมใต้ดินของถ้ำแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับดาวอังคาร
เป็นถ้ำที่มีบรรยากาศที่เป็นพิษและไม่มีแสงส่องเข้าไปในถ้ำได้ มีการพัฒนาแมงมุมชนิดต่างๆ ที่คล้ายมนุษย์ต่างดาวแมงป่อง ตะขาบ หรือแม้แต่แบคทีเรีย
Movile Cave เป็นถ้ำที่อยู่ใต้ดินลึกประมาณ 20 เมตร และถึงแม้จะไม่ลึกนัก แต่สภาพแวดล้อมของถ้ำมีความพิเศษ มันมีออกซิเจนต่ำมาก (บางช่วงต่ำกว่า 7% เมื่อเทียบกับภายนอก) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณหนึ่งร้อยเท่า และยังประกอบด้วยก๊าซมีเทน และทั้งอากาศและน้ำที่เป็นกรดซัลฟูริก ไฮโดรเจนซัลไฟด์ – แอมโมเนีย ที่มีความเข้มข้นสูง
แม้ว่าอุณหภูมิของอากาศจะค่อนข้างสบาย 21 องศาเซลเซียส แต่ความชื้นสัมพัทธ์กลับอยู่ที่ 100% และการไหลเวียนของอากาศใกล้เคียงกับศูนย์
จากการสำรวจพบว่า ในอาณาจักรที่มืดมิดและโดดเดี่ยวเต็มไปด้วยพิษแห่งนี้ มีสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอาศัยอยู่ประมาณ 51 โดย 34 ชนิดนี้พบได้เฉพาะใน Movile Cave เท่านั้น
สิ่งมีชีวิตระดับบนในถ้ำที่ค้นพบคือ “ตะขาบ” มันถูกเรียกว่า “king of the cave” และถูกตั้งชื่อว่า “Cryptops speleorex” มันเป็นตะขาบที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่มืดมิดมานานกว่า 5.5 ล้านปี และแม้ว่าตะขาบชนิดนี้จะมีความยาวไม่เกิน 2 นิ้ว แต่มันก็เป็นสัตว์ขาปล้องกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในถ้ำแห่งนี้
Cryptops speleorex มีลำตัวสีน้ำตาล – เหลือง มีหนวดสีเหลืองอ่อนและขาสีเหลือง มี “ฟันเลื่อย” 13 – 17 ซี่ ในฐานะนักล่าไม่มีกระดูกสันหลังที่ใหญ่ที่สุดในระบบนิเวศแห่งนี้ ตะขาบตัวนี้ยืนอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ก่อนหน้านี้นักวิจัยคนอื่นๆ สังเกตเห็น C. Speleorex กินแมลงดึกดำบรรพ์แมงมุมด้วงและไอโซพอด
จากคำอธิบายตะขาบ Cryptops speleorex มีความคล้ายตะขาบภายนอก อย่างไรก็ตาม มันมีข้อแตกต่างหลายอย่าง แม้จะมองด้วยตา เช่น หนวดที่ยาวกว่ามาก มีฟันที่มองเห็นได้ชัดเจน ดูเหมือนมันจะมีความเชี่ยวชาญทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใครเพื่อช่วยให้มันอยู่รอดในถ้ำที่ไม่มีแสงได้
การค้นพบนี้เผยให้เห็นตะขาบที่มีลักษณะทางสัณฐานวิทยาและแตกต่างกันทางพันธุกรรม จากลูกพี่ลูกน้องของมันที่อยู่บนบก และสิ่งนี้ยังต้องการเวลาในการศึกษาอีกมาก รวมทั้งเรายังสำรวจถ้ำไปได้เพียงเล็กน้อย ต่อไปอาจพบสิ่งที่น่าประหลาดใจเพิ่มเติมอีกมาก
