มูนฟิชคืออะไร?
มูนฟิช หรือ ปลาพระจันทร์ (Moon fish, Opah) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lampris guttatus (แลมปริส กัตทาตุส) เป็นปลาทะเลกระดูกแข็งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลามูนฟิช (Lampridae) ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6 ชนิด แต่บางแหล่งข้อมูลก็บอกมีเพียง 2 ชนิด
มูนฟิชเป็นปลาที่มีรูปร่างกลม แบนข้างมาก ตามผิวหนังจะมีจุดกลมสีขาวที่เมื่อสะท้อนกับแสง จะมีความแวววาวดุจแสงจันทร์ จึงเป็นที่มาของชื่อสามัญ ครีบทุกครีบเป็นสีแดงสด มีขนาดใหญ่สุดได้ถึง 2 เมตร และมีน้ำหนักกว่า 270 กิโลกรัม
แต่ขนาดโดยทั่วไปจะมีน้ำหนักประมาณ 40–80 กิโลกรัม เป็นปลาน้ำลึกที่อาศัยอยู่ที่ระดับ 300 – 1,500 เมตร พบในมหาสมุทรและทะเลเปิดเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก
การค้นพบปลาเลือดอุ่นชนิดแรกของโลก
ตามข้อมูลปลาชนิดนี้เป็น “ปลาเลือดอุ่นชนิดแรกของโลก” มันได้รับการยืนยันจากทีมนักวิทยาศาสตร์จากสำนักงานสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) พวกเขาได้ค้นพบว่ามูนฟิช เป็นปลาเลือดอุ่นสายพันธุ์แรกของโลก มันเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์จำพวกนก
หากถามว่าเป็นปลาเลือดอุ่นแล้วมันดียังไง? ในฐานะปลา การที่เลือดอุ่นย่อมดีกว่าเลือดเย็น เพราะมันจะสามารถรักษาอุณภูมิของร่างกายได้ดีกว่า โดยปลาชนิดนี้จะรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อบอุ่นกว่าสภาพแวดล้อมในน้ำลึกประมาณ 5 องศาเซลเซียส
ตัวอย่างเช่น ถ้าน้ำเย็น 5 องศาเซลเซียส ร่างกายของปลาจะอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยทำให้สามารถว่ายลงไปได้ลึกกว่าปลาทั่วไปและอยู่ใต้ทะเลลึกได้นานกว่า
ที่ความลึกในสภาพเย็น มูนฟิชจะมีวิธีการพิเศษที่จะ “แลกเปลี่ยนความร้อน” โดยอาศัยกล้ามเนื้อพิเศษบริเวณอก ผ่านการโบกครีบอกด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง ความร้อนที่เกิดขึ้นจะคงอยู่ในร่างกายของมัน …แต่กระบวนการนี้มีมากกว่าที่เห็น
จากผลการวิจัยที่เคยถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ระบุว่า เนื้อเยื่อในเหงือกของปลาจะนำเลือดแดง ซึ่งเป็นเลือดที่ยังไม่ใช้งาน ที่มีอุณหภูมิต่ำเข้าสู่ร่างกาย ไหลเวียนผ่านกล้ามเนื้อที่สร้างความร้อน จากนั้นเลือดที่ใช้งานแล้วซึ่งเป็นเลือดดำ จะนำความร้อนและคาร์บอนไดออกไซด์ จากร่างกายมาเข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนที่เหงือกอีกครั้ง
ผลที่ได้รับจากกระบวนการนี้คือ เลือดแดงชุดใหม่ที่จะกลับเข้าสู่ร่างกาย จะได้รับการถ่ายเทความร้อนจากเลือดดำที่ไหลเวียนออกมา ทำให้ความร้อนในร่างกายไม่หายไปไหน นักวิจัยเรียกกระบวนการนี้ว่าการแลกเปลี่ยนความร้อนแบบสวนทางกัน (Counter-current heat exchange)
ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีปลาหรือสัตว์น้ำหลายชนิดที่ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนแบบสวนทางกันได้ Counter-current exchange) แต่ถึงอย่างงั้นก็เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนแก๊สเท่านั้น ไม่เหมือนกับมูนฟิชที่แลกเปลี่ยนความร้อนด้วย แถมมูนฟิชยังมีระบบไหลเวียนโลหิตแบบพิเศษ “Rete mirabile” ซึ่งจะไปเลี้ยงสมองและดวงตา มันจะช่วยดักจับความร้อนและเพิ่มอุณหภูมิบริเวณกระโหลกศีรษะให้สูงกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ความจริงก็คล้ายกับการทำงานของตู้เย็น แต่แทนที่จะดึงความร้อนออกจากตู้เย็น มันกลับดึงความเย็นออกจากตู้แทน และด้วยกระบวนการนี้มูนฟิชจึงรักษาความร้อนให้กับร่างกายได้ตลอดเวลา จึงไม่ต้องกลัวเรื่องแข็งตายเท่าไร
ความโชคไม่ดีของมูนฟิช
ซันฟิสได้ชื่อว่าปลาที่ดวงซวยที่สุดในโลก แต่อย่างน้อยมันก็ยังโชคดีที่ไม่อร่อย จึงไม่ตกเป็นเป้าหมายของมนุษย์ หากซันฟิชโดนจับโดยบังเอิญ มันก็จะโดนปล่อย แต่มูนฟิชดันเป็นปลาที่อร่อย
และเพราะมันเป็นปลาน้ำลึก พวกมันจะเคลื่อนที่ช้ามาก ด้วยความความเร็วสูงสุดที่ประมาณ 25 เซนติเมตรต่อวินาที หรือถ้าจำเป็นมันใช้ความเร็วแบบหนีตายก็จะว่ายได้เร็วขึ้นอีกประมาณ 5-10 เท่า แต่ก็ได้ไม่นาน จึงไม่แปลกที่มันจะโดนจับได้อย่างง่ายดาย
ปลาชนิดนี้ถูกระบุว่า เป็นปลาที่มีเนื้อแน่นสีแดงสด มีรสชาติอร่อย อุดมด้วยคุณค่าทางอาหาร มีทั้ง โอเมกา 3, โปรตีน, ไนอาซิน, วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 แต่มีโซเดียมต่ำ
แต่ปลาทั้งตัวจะมีส่วนที่รับประทานได้เพียงร้อยละ 35 เท่านั้น ที่เหลือจะเป็นส่วนเนื้อที่แข็งและก้าง แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังเป็นเป้าหมายของมนุษย์อยู่ดี …สุดท้ายสถานะการอนุรักษ์ของมูนฟิชคือไม่เคยได้รับการประเมิน จึงไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายส่วนใหญ่