ถ้ำแมมมอธอยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำแมมมอธ (Mammoth Cave National Park) ใกล้เมืองบราวน์สวิลล์ สหรัฐอเมริกา ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1941 และได้เป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1981 และยังเป็นเขตสงวนชีวมณฑลระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1990
อุทยานแห่งชาติถ้ำแมมมอธมีเนื้อที่ 52,830 เอเคอร์ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ของ Edmonson County มันเป็นที่ตั้งของ “ถ้ำแมมมอธ” เป็นระบบถ้ำที่ยาวที่สุดในโลก มันมีความยาวมากกว่า 400 ไมล์ (640 กม.) มันไม่ใช่ความยาวที่แท้จริง เพราะจนถึงตอนนี้ถ้ำยังไม่ได้รับการสำรวจทั้งหมด
ถ้ำแมมมอธ ประกอบด้วยชั้นหินปูนที่มีอายุเก่าแก่ของรัฐมิสซิสซิปปี้ มันมีความหนาและปกคลุมด้วยชั้นหินทรายซึ่งทำให้ระบบถ้ำมีความเสถียรอย่างน่าทึ่ง เป็นถ้ำที่มีทางเดินยาวกว่า 400 ไมล์ (640 กม.) แต่เพราะการค้นพบใหม่ๆ จากการสำรวจ ทำให้ระยะทางเพิ่มขึ้นหลายไมล์ในแต่ละปี “อุทยานแห่งชาติถ้ำแมมมอธก่อตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ระบบถ้ำแห่งนี้”
ถ้ำแห่งนี้มีระบบถ้ำที่หลากหลาย มีหินงอกหินย้อยที่สวยงามรวมทั้งยังมีแม่น้ำเอโคซึ่งอยู่ลึกลงไป 110 เมตร เป็นที่อยู่ของปลาและกุ้งอีกหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นสัตว์ตาบอดและไม่มีสีเนื่องจากอยู่ภายในถ้ำมืดมาอย่างยาวนาน
ถ้ำแมมมอธเคยถูกขายด้วยราคา 1 หมื่นดอลลาร์
รู้หรือไม่ว่าในปี 1839 จอห์น โครแกน ชาวเมืองลุยวิลล์ รัฐเคนทักกี แพทย์ผู้เป็นเจ้าของทาส และหลานชายของ จอร์จ โรเจอร์ส คลาร์กได้ซื้อถ้ำแมมมอธ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ชาวยุโรปค้นพบครั้งแรกเมื่อราวปี 1790 ในราคา 10,000 ดอลลาร์ นั้นเพราะเขาคิดว่ามันจะบำบัดรักษาโรคได้ ซึ่งในตอนนั้นเป้าหมายคือผู้ป่วยวัณโรคที่กำลังระบาดอยู่
และผู้ป่วยรายแรกของโครแกน คือ วิลเลียม มิทเชลล์ ปลายฤดูใบไม้ผลิปี 1842 เมื่อมิทเชลล์เข้ารับการรักษาตามวิธีของโครแกน อาการของมิทเชลล์เริ่มดีขึ้น หลังจากนั้นรายงานจากมิทเชลล์ก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ โดยกล่าวถึงวิธีการรักษานี้ไปในเชิงบวก อย่างไรก็ตามแพทย์คนอื่นๆ เห็นแย้งเรื่องประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยวัณโรคด้วยวิธีนี้
ตั้งแต่ปี 1842 – 1843 มีผู้ป่วยราย 16-20 รายเข้าไปอาศัยในถ้ำอันมืดมิด แต่เชื่อกันว่ายังมีผู้ป่วยบางรายไม่ได้อยู่ในบันทึก แต่มีรายงานว่าคนส่วนใหญ่เสียชีวิต จนในปี 1843 เขาก็ยุติการทดลอง และในช่วงปี 1940 ถ้ำแมมมอธ (ส่วนที่โครแกนเป็นเจ้าของ) ถูกอุทิศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ