ปัจจุบันยุโรปนับว่าเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฏหมาย ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านยูโรต่อปี (ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาทต่อปี) นอกจากการค้างาช้างและนอแรดแล้ว องค์กรอาชญากรรมข้ามประเทศยังมีธุรกิจอย่างลักลอบส่งออกปลาไหล 350 ล้านตัวจากยุโรปไปยังเอเซียอีกด้วย
ปลาไหลยุโรปที่กำลังใกล้สูญพันธุ์
ธุรกิจนี้กำลังส่งผลกระทบร้ายแรงกับพวกมัน นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 80 เป็นต้นมา ประชากรปลาไหลยุโรปลดลงถึง 96% ทั้งจากเส้นทางอพยพที่เปลี่ยนไป มลภาวะและความต้องการปลาไหลที่มากขึ้นทำให้มันเสี่ยงกับการสูญพันธุ์
“ปลาไหลยุโรปได้รับการขึ้นทะเทียบจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต”
ดร. Matthew Gollock ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์ทางทะเลและน้ำจืดของสถาบัน Zoological Society of London และยังเป็นประธานของผู้เชี่ยวชาญปลาไหลที่ IUCN
“เมื่อพูดถึงการค้าปลาไหล คนมักจะคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่จริงๆ แล้วพวกมันกำลังเจอวิกฤตอย่างมาก และยังเป็นเรื่องผิดกฏหมายอย่างหนักด้วย พวกมันจะถูกส่งไปยังเอเซียตะวันออกเพื่อเพาะเลี้ยงจนโต จากนั้นปลาไหลสดและปลาไหลที่แปรรูปจะถูกส่งไปทั่วโลกเพื่อการบริโภค”
เงินทุนขององค์กรอาชญากรรม
เนื่องจากความนิยมของซูซิที่มีทั่วโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้เป็นการเปิดตลาดของปลาไหลที่เพาะเลี้ยงในฟาร์ม
Florian Stein ผอ.ของฝ่ายปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของกลุ่มการศึกษาปลาไหลแบบยั่งยืน อธิบายว่าผู้เลี้ยงปลาไหลชาวจีนเริ่มเลี้ยงปลาไหลท้องถิ่นในเขตนั้นมากขึ้น เช่นปลาไหลญี่ปุ่น เคยมีการค้าปลาไหลแบบถูกกฏหมายระหว่างยุโรปและจีนแต่ในปี 2010 จนสหภาพยุโรปได้ยกเลิกข้อสัญญานี้
“ก่อนปี 2010 มีการส่งปลาไหลจำนวนมากไปยังจีน เมื่อรวมกับที่ว่าจำนวนปลาไหลลดลงอย่างมาก จนทำให้สหภาพยุโรปตัดสินใจหยุดการส่งออกปลาไหล” แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้การค้ายังไม่หยุด ถึงแม้ตลาดที่ญี่ปุ่นจะตกลงแต่ความต้องการยังมีสูงอยู่ดี
ด้วยความนิยมของอาหารญี่ปุ่นทั่วโลก ตลาดได้ขยายตัวและพวกกลุ่มอาชญากรได้ลักลอบนำปลาไหลจากญี่ปุ่นไปจีน ซึ่งทำเงินได้หลายพันล้านเหรียญ
ร้านอาหารญี่ปุ่นมักขายปลาไหลสองแบบ ได้แก่ข้าวหน้าปลาไหล และซูชิ ในหลายประเทศทางตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ ลูกค้าสามารถสนับสนุนกลุ่มอาชญากรโดยไม่รู้ตัว ด้วยการรับประทานปลาไหลที่นำเข้าอย่างผิดกฏหมาย ทุกประเทศที่ขายปลาไหลพวกนี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นปลาไหลเถื่อน
ตัวเล็กแต่ทรงพลัง
ปลาไหลยุโรปมีวงจรชีวิตที่น่าสนใจมากในบรรดาสัตว์ทั้งหลายบนโลก มันต่างจากพวกแซลมอน ตัวอ่อนจะเกิดในทะเลก่อนจะเข้าไปยังในแหล่งน้ำจืดเพื่อเติบโต บางตัวสามารถไปถึงลำธารบนภูเขา
เมื่อพวกมันพร้อมผสมพันธุ์ตัวที่โตเต็มวัยจะเดินทางไปตามแม่น้ำก่อนออกสู่ทะเล และว่ายน้ำข้ามทะเลประมาณ 5,000 กิโลเมตรข้ามแอตแลนติกไปยังบริเวณทุ่งสาหร่ายนอกชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่าทะเลซาร์กัสโซ ที่ซึ่งพวกมันจะวางไข่ก่อนจะตาย
จากนั้นไข่จะฟักออกเป็นตัวอ่อนขนาดเล็ก ซึ่งจะลอยตามกระแสน้ำกลับไปยังยุโรป มันต้องใช้เวลาถึงสองปี และอาจจะมีเพียง 1 ใน 500 ที่รอดไปได้ เมื่อมันไปถึงน่านน้ำบริเวณชายฝั่งของยุโรปแล้วพวกมันจะเติบโตขึ้นจนมีความยาวประมาณ 6 เซนติเมตร และจะเริ่มค้นหาแม่น้ำที่เหมาะสมกับพวกมัน
จากนั้นจะว่ายทวนน้ำขึ้นไปเพื่อหาแหล่งที่เหมาะสม แล้วมันจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นออกเหลืองและใช้เวลาในน้ำจืดจนกระทั้งช่วงที่พร้อมผสมพันธุ์ ตัวจะเปลี่ยนเป็นสีเงิน และพวกมันสามารถมีอายุได้ถึง 20ปี “นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจสาเหตุของการเปลี่ยนสี แต่คาดว่าเป็นการบ่งบอกถึงการเริ่มต้นวัฏจักรใหม่ของพวกมัน”
ธุรกิจรายได้มหาศาล
มีปลาไหลขนาด 6 เซนติเมตร มากถึง 60 ตันถูกจับอย่างถูกกฏหมาย ส่วนใหญ่จับในฝรั่งเศสในอ่าวบิสเคย์ แต่ยังน้อยกว่าในสเปนและอังกฤษ จำนวนปลาที่จับได้หนึ่งกิโลกรัมนั้นมีปลาหลายพันตัว “แต่มีเพียงครึ่งเดียวของปลาไหลที่จับได้ ถูกขายในตลาดยุโรป ส่วนอีกครึ่งหายไปอย่างปริศนา?”
“เห็นได้ชัดว่ามีการแอบลักลอบซื้อขายปลาผิดกฏหมายอย่างมากขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา” แต่การที่จะได้ข้อมูลนั้นยากมาก มีรายงานการจับกุมการลักลอบขนปลาไหลมากถึง 8 ตัน ซึ่งมีคนพยายามจะลักลอบนำปลาไหลพวกนี้ออกจากยุโรป การจับกุมพวกนี้นับว่าเป็นเพียง 10% ซึ่งหมายความว่าจำนวนที่แท้จริงอาจจะมากถึง 100 ตันต่อปี ยิ่งจำนวนเงินมากก็จะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดผิดกฏหมายนี้อย่างมาก
มีสองวิธีในการลักลอบนำปลาไหลเข้าเอเซีย ส่วนใหญ่พวกกลุ่มอาชญากรเอเซีย จะลักลอบใส่ในกระเป๋าเดินทาง อีกวิธีคือซ่อนมันใต้อาหารทะเลอื่นๆ อาชญากรพวกนี้มีการวางแผนอย่างดีเพื่อรับมือการโดนจับ ทำให้เห็นว่าธุรกิจพวกนี้สร้างรายได้อย่างมหาศาล
ในตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดในการช่วยปลาไหล คือการบังคับใช้กฏหมายและการตรวจเช็คปลาที่รัดกุมมากขึ้น รวมถึงการตรวจสอบย้อนหลังการค้าปลาไหลที่ผ่านมา และยุโรปยอมรับปัญหานี้และกำหนดนโยบายที่ถูกต้อง