แมวตีนดำ (black-footed cat) หรือ เสือจอมปลวก (Anthill Tiger) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เฟร์ริต -ไนกริปส์ (Felis nigripes) มันเป็นแมวในสกุลเฟร์ริต (Felis) ซึ่งเป็นสกุลของแมวขนาดเล็ก รวมถึงแมวบ้านด้วย แมวชนิดนี้มีขนาดประมาณ 0.9 – 2.7 กิโลกรัม และมีลำตัวยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เป็นแมวที่ตัวเล็กกว่าสิงโต 200 เท่า
แมวตัวเล็กๆ ชนิดนี้ จะมีขนหนานุ่ม สีมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ไปจนถึงน้ำตาลแดง มีลายเป็นจุดกลมสีเข้มตามลำตัวและบางจุดก็เชื่อมต่อกัน มีหัวที่โตและกว้างเมื่อเทียบสัดส่วนกับลำตัว ขามีเส้นสีดำพาดตามแนวนอน มีแถบเข้มที่แก้มก้น อุ้งตีนดำและมีขนยาวสีดำปกคลุมอันเป็นที่มาของชื่อ
ทั้งนี้มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า “แมวตีนดำ” เป็นนักล่าที่อันตรายที่สุดในบรรดาแมวทั้งหมดบนโลก ส่วนสาเหตุที่แมวชนิดนี้ถูกเรียกว่า เสือจอมปลวก (Anthill Tiger) ก็เพราะหากคุณต้องการพบแมวชนิดนี้ตอนกลางวัน ก็ต้องขุดหาเอาตามจอมปลวก เพราะมันจะนอนอยู่ในนั้น และยังเป็นแมวถิ่นเดียวที่พบในเขตแห้งแล้งทางตะวันตกเฉียงใต้ทวีปแอฟริกา
มาดูวิธีที่ทำให้มันได้ชื่อว่าเป็นแมวที่อันตราย
สิ่งแรกเลยคือมันเป็นแมวที่มีอัตราการล่าสำเร็จสูงที่สุดในสัตว์ตระกูลแมว มีรายงานจากการทดสอบและเฝ้าดูการล่าของแมวตีนดำในธรรมชาติ และสัตว์นักล่าอีกหลายชนิด นักวิจัยพบว่า แมวตีนดำ มีอัตราการล่าสำเร็จสูงถึง 60% และรู้หรือไม่ว่าสิงโต มีอัตราการล่าสำเร็จเพียง 20-25% แม้มันจะล่าเป็นฝูงก็ตาม ส่วนแมวบ้านที่คิดว่าล่าเก่งก็มีความสำเร็จเพียง 31% เท่านั้น และเสือดาวจะมีความสำเร็จอยู่ที่ 38%
แมวตีนดำนอกจากมันจะเป็นแมวที่ล่าเก่งแล้ว ยังกระหายที่จะล่าอย่างมาก มันต้องออกล่าทุกคืน เนื่องจากพวกมันมีเมตาบอลิซึม (Metabolism) ที่สูงมาก จึงทำให้มีความต้องการอาหารที่สูงมากเช่นกัน มันต้องออกล่าเหยื่อแม้ในคืนฝนตก และยังต้องกินเหยื่อ 8 – 16 ตัว ทุกคืน …หากให้เปรียบเทียบคือ แมวตีนดำล่า 1 คืน จะฆ่าเหยื่อมากกว่าที่เสือดาวทำตลอด 6 เดือน
และแม้กลยุทธ์การล่าของมันจะดูธรรมดา ไม่ได้ต่างอะไรจากแมวบ้านที่จะใช้การย่อง -กระโดด-ตะครุบ ที่เรียบง่าย แต่มันเงียบ โดดได้สูง แม่นยำและยังมีสายตาดีมาก ..ความจริงมันเป็นแมวที่สามารถกระโดดจับนกในขณะที่บินได้
ชื่อของแมวอันตรายที่สุดในโลก ไม่ได้หมายถึงอันตรายกับมนุษย์ แต่มันเป็นภัยพิบัติสำหรับสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในรัศมีหลายสิบกิโลเมตร นั้นเพราะแมวตัวนี้จะเดินทางประมาณ 20 – 30 กิโลเมตรทุกคืน เพื่อให้ได้อาหารที่เพียงพอ และดูเหมือนว่ามันโชคดีที่มีความแม่นยำมากเพียงพอที่จะล่าได้
แม้แมวตีนดำจะตัวเล็กและดูน่ารัก แต่ความจริงพวกมันดุร้ายมาก เหยื่อของมันส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ฟันแทะ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 และนก ร้อยละ 20 แต่ดูเหมือนว่ามันจะชอบล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวมัน แม้จะไม่ค่อยพบในพื้นที่แถวนั้นก็ตาม
นานๆ มันอาจเดินไปเจอกระต่ายที่หนักกว่ามัน 2 – 3 เท่า ที่เดินเตร็ดเตร่กลางคืน มันจะกลายเป็นคืนที่โชคดีของแมวตีนดำ เพราะมันไม่ต้องเดินไกลเพื่อหาเหยื่อจำนวนมากในคืนนั้น กระต่ายเพียงตัวเดียว ก็อาจทำให้มันอิ่มและเดินกลับไปนอนในรังปลวกได้
สรุปคือ “แมวตีนดำ” สมควรได้ฉายาว่าแมวที่อันตรายที่สุดในโลกหรือไม่? ถ้ามองในมุมของสัตว์ถิ่นแถวนั้น คงต้องบอกว่ามันสมควรกับฉายาแล้ว ด้วยความสำเร็จในการล่าสูงลิบลิ่ว และความจริงที่ว่ามันเป็นนักล่าอันดับ 2 ของโลก ในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในเรื่องความสำเร็จในการล่า มันแพ้เพียง “ไวด์ด็อก” ที่มีความสำเร็จถึง 85% แต่! ต้องไม่ลืมว่าไวด์ด็อกเป็นสัตว์ที่ล่าเหยื่อเป็นฝูง แต่แมวตีนดำเป็นแบบเดี่ยว