ทำสีเหยื่อด้วยแอร์บรัช : ตอนเรื่องของปั้มลม

เรื่องนี้ขอเขียนเพื่อทบทวนและสรุปสิ่งที่ผมเจอมาในการทำสีเหยื่อ ตกปลา ด้วยแอร์บรัช และก็หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับน้าๆ ที่กำลังคิดทำสีเหยื่อปลอมด้วยแอร์บรัชนะครับ เนื่องด้วยจากที่ผ่านมา ผมก็มือใหม่สุดๆ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับแอร์บรัชเลยแม้แต่น้อย (ตอนนี้ก็มือใหม่อยู่ดี) แล้วได้เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่ก็ได้พบว่าวงการแอร์บรัชในไทย ข้อมูลน้อยสุดๆ น้อยชนิดที่ว่าแทบจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากการล้างแอร์บรัช กับประเภทของแอร์บรัช ยิ่งถ้าเป็นแอร์บรัชเพื่อเหยื่อตกปลาด้วย ยิ่งมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน และในตอนแรกนี้ผมจะพูดถึงปั้มลม สิ่งที่เป็นหัวใจของการทำสีด้วยแอร์บรัชก่อนนะครับ เอาละยังไงก็มาเริ่มจากปั้มลมก่อนครับ

อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับงานสีแอร์บรัช เพื่อทำเหยื่อปลอม.?

Advertisements

ผมจะเขียนตามความเข้าใจของผมนะครับ ซึ่งออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมมือใหม่ด้านนี้ด้วย แต่ก็คิดจะเขียนเรื่องพวกนี้ออกมาเรื่อยๆ ถือเป็นการศึกษาหาความรู้ไปในตัว ส่วนนี้ก็เป็นเรื่องเริ่มต้นที่ต้องเข้าใจด้วย โดยอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับงานสีแอร์บรัชหลักๆ ที่ไงก็ต้องมี จะมีอยู่ 3 อย่าง

  1. ปั้มลม (Compressors) / ตัวกรองไอน้ำ Regulator Filter
  2. แอร์บรัช (Airbrush)
  3. สี

ขอพูดถึงปั้มลมก่อนเลย

“เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” คำๆ นี่ตรงกับประสบการณ์เลือกซื้อปั้มลมของผมเลย (เจ็บหนัก ของแพงแต่ไม่เหมาะกับงาน) ผมเลยมาขอแชร์ประสบการณ์ส่วนนี้ก่อนเลย เพราะปั้มลมแพงมาก..!!

สิ่งที่น้าๆ ต้องทราบคือ

  1. งานเหยื่อปลอม ใช้งานปั้มลมมากกว่าการทำโมเดลพวกกันพลามาก (นอกจากน้าจะทำอาทิตย์ละตัว)
  2. ปั้มลมที่คลิปในต่างประเทศใช้งานได้ดี อาจจะใช้ไม่ดีเลยกับประเทศไทย เนื่องจากต่างประเทศอย่างอเมริกา เยอรมัน ประเทศเขาความชื่นต่ำ (คงเคยได้ยินนะครับประเทศไทยเป็นประเทศร้อนชื่น ความชื่นในอากาศสูงมาก)

แรกเริ่มน้าที่คิดจะซื้อแอร์บรัช สิ่งที่ควรซื้อก่อนและให้ความสำคัญที่สุดจริงๆ กับงานนี้ไม่ใช่ตัวแอร์บรัช แต่เป็นปั้มลมนะครับ ซึ่งตัวผมได้ทำผิดพลาดไป และเสียเงินไปเยอะกับเรื่องนี้

pum001

คือถ้าน้าจะซื้อปั้มลม อย่าซื้อ “ตัวเล็ก ที่ไม่มีถังพักลม” ถามว่าทำไม..? เพราะมันแพงครับ ยกตัวอย่างในกรณีผม ที่ซื้อปั้มลม Puma แบบเสียงเงียบตัวเล็กสุด 1/8 แรงม้า ราคาประมาณ 5000 บาท ซึ่งในความเป็นจริง “มันไม่จบที่ราคานี้แน่นอน” เพราะสิ่งที่น้าจะเจอต่อไปคือ

  1. ปั้มลมไม่สามารถพ่นสีต่อเนื่องได้เกิน 10 นาที (พ่นแบบไม่หยุดพ่นเลย) เพราะเครื่องจะร้อนมาก
  2. เมื่อเครื่องร้อน ถึงแม้จะมีความชื่นในอากาศที่ต่ำ อากาศที่ปั้มออกมาจะร้อนตาม และเมื่อผ่านเข้าตัวกรองไอน้ำ มันจะเกิดการกลั่นตัวเพราะความเย็น ผลที่ได้คือน้ำมาเต็ม
  3. อันนี้สำคัญต้องเสียค่าตัวกรองไอน้ำ (Regulator Filter) ราคาแพง..!! ในกรณี่ที่ใช้ของดีแบบอาจจะดีที่สุดที่หาได้ในไทยอย่างเช่น SMC แบบติด Regulator 2 ตัว ก็ต้องโดนไปอีกเกือบ 4000 บาท นั้นหมายความว่าโดนค่าปั้มลมไป 9000 แล้ว แต่บอกได้เลยว่าเอาไม่อยู่ครับ หากไปเจอความชื่นสูงก็กลายเป็นเครื่องพ่นน้ำได้เช่นกัน (อันนี้เจอมากับตัว)
  4. ปั้มเล็กไม่สามารถใช้งานกับแอร์บรัชกรวยล่างได้ หรือใช้ได้บ้าง แต่ไม่ดีเลย และที่สำคัญคือไม่สามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีก

ถามว่าปั้มลมแบบไหนดี..? กรณีที่ต้องการปั้มลมเสียงเงียบ

พอผ่านความผิดพลาดแบบเจ็บตัวไปครั้งแรก มาปั้มตัวที่สอง ตัดสินใจซื้อตัวใหญ่เลย แล้วก็ช็อค..!! เพราะราคามันถูกกว่าตัวเล็กซะอีก (แบบตัวเปล่าๆ) คือตัวเล็กผมซื้อ 5000 แต่ตัวใหญ่ที่มีถังพักลมถึง 25 ลิตร ราคาไม่ถึง 5000 ด้วยซ้ำ เป็น PUMA ถังสีขาว ปั้มลมแบบเสียงเงียบ ให้แรงลมแบบเหลือๆ แบบใช้กับแอร์บรัช 3 ตัวพร้อมกันยังได้ และหากได้ถูกกว่านี้ราคาไม่ถึง 4000 ก็มีนะครับ เป็นของ TIGER เหมือน PUMA ทุกอย่างเลย แต่เรื่องประกัน กับคุณภาพยาวๆ เป็นยังไงไม่รู้นะ แต่ผมว่าทนมากอยู่ดี ผมเคยไปถามที่ “เวิ้งนครเกษม” ราคาประมาณ 3700 บาท (เฉพาะปั้มลม) น่าจะต่อราคาได้อีก ส่วนสิ่งที่ได้เจอเมื่อใช้ปั้มลม PUMA ที่ผมใช้ตอนนี้

  1. ด้วยตัวกรองไอน้ำ ราคาเกือบ 3000 ที่ผมมีอยู่ (ราคารวม 2 ตัว) มันไม่เคยมีน้ำหลุดมาถึงตัวกรองไอน้ำ ตัวที่ 2 เลย แม้จะทำงานตอนฝนตกก็ตาม (ผมใช้ 2 ตัว) ผมเลยคิดว่าใช้ Regulator ตัวละ 2000 ตัวเดียวก็น่าจะเอาอยู่เหมือนกัน
  2. แม้ปั้มลมตัวใหญ่กว่าตัวแรกที่ผมใช้มาก แต่เรื่องเสียงดังกว่านิดหน่อยนะครับ คือประมาณว่าห้องปูน ปิดประตู คนข้างนอกก็แทบไม่ได้ยินเสียงแล้ว
  3. ถึงจะเงียบรับได้ แต่ปั้มลมจะมีแรงสั่นสะเทือนค่อนข้างมาก ห้องชั้นล่างอาจจะรู้สึกได้นิดหน่อย แต่หากหาผ้าหนาๆ หรือโฟมมารองจะก็นิ่งครับ
  4. แม้จะทำงานเงียบ แต่เสียงตอนตัดลมตอนที่ลมเต็มถัง ก็เล่นเอาตกใจไปเลยทีเดียว และหากไม่อยากให้คนรอบข้างหรือตัวเองตกใจ น้ามีทางเลือกสามทาง
    – ทนใช้ ซึ่งผมก็ทนได้นะครับ มันนานๆ จะดังสักทีไม่ได้ถือว่าตกใจเท่าไร
    – เปลี่ยนชุดตัดลมแบบลดเสียง (ต้องมีความรู้ และต้นทุมเพิ่มขึ้น)
    – ไปซื้อปั้มลมที่ได้รับการปรับแต่งมาแล้ว เท่าที่ผมรู้จักก็มีของร้าน bbboyair เจ้านี่จะแต่งปั้มให้ทำงานดีกว่าทั่วไป ซื้อมาจบเลยไม่ต้องแต่ง แต่ก็แพงกว่า
  5. หากใช้แบบ 25 ลิตร น้าสามารถนำมันไปทำอย่างอื่นได้ เช่นเติมลม, ต่อกับกาพ่นสี, ปืนยิงตะปู หรืออุปกรณ์ลมอื่นๆ ได้

pum003

ตัวผมเองค้นข้อมูลอยู่พอสมควร ถ้าน้าอยู่ไกลอยากได้ปั้มลมถูก ค่าส่งฟรีให้ไปดูที่เว็บ Thaicarpenter เป็นเว็บรวบรวมเครื่องมือช่างไม้ ชอบตรงส่งฟรี (พันบาทขึ้นไป) และของถูกดีครับ

พูดถึงตัวกรองไอน้ำบ้าง

Advertisements

ตัวกรองไอน้ำหรือ Regulator Filter ถือเป็นหัวใจสำคัญของปั้มลมเพื่องานพ่นสีเหยื่อปลอมเลยก็ว่าได้ ซึ่งปกติแล้ว ถ้าน้าซื้อปั้มลมแอร์บรัชเดิมๆ มา มันจะมีติดตัวกรองราคาถูกมาให้ด้วย แบบไม่มีติดมาก็เยอะ ..ถามว่าใช้งานได้หรือเปล่า..? ตอบได้เลยว่าใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง (ผมตอบในกรณีปั้มลมแบบมีถังพักลม 25 ลิตร) โดยตัวกรองที่แถมมาให้จะเป็นแบบที่มีเกจวัดแรงดัน รวมตั้งตัวปรับแรงดันมาด้วย แต่บอกไว้ก่อนว่าแม้ตัวกรองไอน้ำจะพอทำงานได้ แต่ก็มีโอกาสที่น้ำจะหลุดเข้าไปถึงแอร์บรัชและพ่นน้ำออกไปจนทำให้งานที่เราทำอยู่เสียได้นะครับ ถ้ามีงบแนะนำให้ปลอดภัยไว้ก่อน ด้วยการเพิ่มตัวกรองไอน้ำคุณภาพดีๆ อีกสักตัว

การเลือกซื้อตัวกรองไอน้ำ

ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า ตัวกรองไอน้ำหรือ Regulator Filter จะมีหลายยี้ห้อมากนะครับ แต่ผมจะพูดถึงยี้ห้อที่ผมใช้อยู่ ซึ่งก็คือ SMC เป็นของญี่ปุ่น (แต่คงทำที่จีน) ที่น้าต้องมีแน่ๆ แล้วคือ 1 ตัว ซึ่งตัวแรกจะเป็นแบบที่มีตัวปรับแรงดันอากาศ

pum004

Advertisements

ถามว่าจำเป็นต้องซื้อตัวดีๆ หรือเปล่า หากมีติดปั้มลมมาอยู่แล้ว..? ก็คงตอบได้ว่ายังไม่จำเป็นครับ เพราะเท่าที่ใช้มาตัวที่แถมมา น่าจะใช้ปรับลมได้เป็นปีกว่าจะพัง ให้เอาเงินประมาณ 1,000 ซื้อตัวกรองแบบไม่มีตัวปรับแรงดันเพิ่มก็ได้จะได้ประหยัดเงิน หรือหากงบเยอะหน่อย ให้จัดตัวกรองแบบไม่มีตัวปรับแรงดันชนิด “ดักน้ำ” ราคาน่าจะ 2000 กว่าๆ หรืออาจจะมีถูกกว่าครับ ให้ลองถามตามร้านขายแอร์บรัช หรือร้านขายอุปกรณ์นิวเมติก

สายลม ข้อต่อลม

ข้อนี้เหมือนจะธรรมดา แต่บอกเลยว่าทำผมเสียงบประมาณไปเยอะ..!! สำหรับสายลมจะมีอยู่หลายประเภทหลายราคา แต่ที่ผมแนะนำให้ใช้คือ สาย PU ครับ เพราะถูกมาก แต่..! หากไม่จำเป็นอย่าซื้อที่ร้านขายแอร์บรัช เพราะแพง..!!

ก่อนไปพูดถึงสาย PU น้าต้องเข้าใจก่อนว่า Regulator มีจุดเชื่อมต่อด้วยข้อต่อลมขนาด 1/8 และ 1/4 นะครับ ซึ่งขนาดจะเปลี่ยนไปตามรุ่นของ Regulator เองด้วย

และสำหรับสาย PU ที่ขายร้านแอร์บรัชผมลองมาหลายขนาดหลายแบบแล้ว แบบ 6mm ที่ชอบเอามาขายกัน ใช้งานได้ไม่ดีเลย เพราะมันแข็งครับ (เหมาะเอาไว้ต่อลาก Regulator ระยะไกล แบบลากไปวางไกลจากปั้มลมจะเหมาะกว่า) หากใช้ต่อกับแอร์บรัชให้เลือกใช้แบบ 4mm อุปกรณ์ครบสุดรวมข้อต่อ กับสาย PU 4mm ยาว 5 เมตร ผมทำได้ในราคาไม่ถึงร้อย

สายแอร์บรัชแบบสายถัก ผมก็ซื้อมาครับ ถามว่าดีหรือเปล่า..?

Advertisements

ดีครับ ส่วนใหญ่จะมีพร้อมข้อต่อแบบสวมเร็ว ซึ่งแพงมาก ชุดละประมาณ 450 บาท ถามว่าจำเป็นหรือเปล่าข้อต่อสวมเร็ว..? เอาจริงๆ นะ ไม่จำเป็นเลย เพราะชุดสาย PU ที่ผมไปซื้อมาทำเองไม่ถึงร้อยก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันครับ (ดูได้จากภาพ) แถมสายเบาและยาวกว่าสายถักด้วย

สายลมแบบสปริง..?

ใช้ได้ครับ ถ้าไม่คิดอะไร แต่ผมว่าแพงกว่าสายที่ผมใช้อยู่ดี แถมไม่เหมาะกับงานเหยื่อปลอม รวมทั้งโมเดลด้วย เพราะสายแบบสปริงจะแข็ง และยังมีแรงดึงกลับอีกด้วย แต่หากเอาทนทำงานกลางแดดทุกวัน ก็ซื้อได้เลย

สรุป

คือสาย PU 4mm + ข้อต่อ 2 ตัว กับโอริงยาง 5 บาท อีกอันก็เพียงพอสำหรับต่อแอร์บรัชเช้ากับตัวกรองไอน้ำ ไม่ถึงร้อย

pum006

pum007

Advertisements

สรุปว่าปั้มลมแบบจบราคาเท่าไร..? (พวกประกอบเองหมดไม่นับนะ)

ถ้าเอาแบบปั้มลมคุณภาพดีถังขาวของ PUMA ติด Regulator Filter คู่แบบที่ผมใช้ รวมสายตัวดัดแปลงข้อต่อต่างๆ ก็ประมาณ 8000 บาท (ผมดัดแปลงต่อตัวกรองตัวเล็กที่ถัง และสามารถลากตัวใหญ่ที่มีตัวปรับแรงดันออกมาทำงานไกลจากถังได้ 5 เมตรด้วย)

..แน่นอนว่าปั้มลมราคาถูกกว่า ในคุณภาพที่ใกล้เคียงกันกับ PUMA ก็มีเยอะครับ อย่าง TIGER ก็ถูกกว่าเป็นพัน แต่สิ่งที่น้าควรทราบคือ ถ้าจะซื้อปั้มลมเพื่องานแอร์บรัชอย่าให้เกิน 1 แรงม้า เพราะถ้าเกิน 1 แรงม้า ราคาของตัวกรองไอน้ำจะแพงขึ้นอีกเป็นพัน หรือมากกว่านั้น (1 แรงม้าจะทำงานเหลือๆ กับการพ่นแอร์บรัชสองสามตัวพร้อมกัน)

pum005

**ปั้มลมเงียบ Puma ตัวเล็กระดับเสียงประมาณ 35db หรือประมาณว่าห้องปูนปกติ ถ้าปิดประตูแล้ว ยืนอยู่หน้าห้องก็แทบไม่ได้ยินเสียง
** ปั้มลมแบบเสียงดัง ราคาจะถูกกว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับแรงม้า แต่ปั้มลมพวกนี้มักจะเติมลมเต็มเร็วกว่าครับ
** สามารถหาซื้ออุปกรณ์ลมได้ตามร้านขายอุปกรณ์นิวเมติก (หากซื้อร้านค้าทั่วไปจะแพงกว่า)
** หากหาไม่ได้ ซื้อไม่ถูกสอบถามผมได้ทาง inbox ในเพจ แมวบ้าตกปลา

เอาละก็ขอจบเรื่องปั้มลมเอาไว้ก่อนนะครับ ก็อย่างที่เห็น ผมไม่ได้แนะนำปั้มลมหลายๆ ประเภท แต่แนะนำปั้มลมที่ผมคิดว่าคุ้มค่าสำหรับผม แน่นอนว่าหากน้ามีงบน้อยหน่อย ก็เลือกปั้มเสียงดังที่ถูกกว่าหน่อยมาได้ แต่อย่าลืมเรื่องกฎ 1 แรงม้านะ ถ้าเกินน้าจะต้องใช้ตัวกรองที่แพงขึ้นด้วย หรือน้ามีงบเยอะจะให้ปั้มเทพๆ ก็ได้เช่นกันครับ หรือประกอบเองได้ก็ดีไป ^ ^ เดี๋ยวตอนหน้าจะมาพูดถึงเรื่องของแอร์บรัชนะครับ

อ่านเรื่องอื่น ทำสีเหยื่อด้วยแอร์บรัช : ตอนแอร์บรัช

Advertisements