อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับงานสีแอร์บรัช เพื่อทำเหยื่อปลอม.?
ผมจะเขียนตามความเข้าใจของผมนะครับ ซึ่งออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมมือใหม่ด้านนี้ด้วย แต่ก็คิดจะเขียนเรื่องพวกนี้ออกมาเรื่อยๆ ถือเป็นการศึกษาหาความรู้ไปในตัว ส่วนนี้ก็เป็นเรื่องเริ่มต้นที่ต้องเข้าใจด้วย โดยอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับงานสีแอร์บรัชหลักๆ ที่ไงก็ต้องมี จะมีอยู่ 3 อย่าง
- ปั้มลม (Compressors) / ตัวกรองไอน้ำ Regulator Filter
- แอร์บรัช (Airbrush)
- สี
ขอพูดถึงปั้มลมก่อนเลย
“เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” คำๆ นี่ตรงกับประสบการณ์เลือกซื้อปั้มลมของผมเลย (เจ็บหนัก ของแพงแต่ไม่เหมาะกับงาน) ผมเลยมาขอแชร์ประสบการณ์ส่วนนี้ก่อนเลย เพราะปั้มลมแพงมาก..!!
สิ่งที่น้าๆ ต้องทราบคือ
- งานเหยื่อปลอม ใช้งานปั้มลมมากกว่าการทำโมเดลพวกกันพลามาก (นอกจากน้าจะทำอาทิตย์ละตัว)
- ปั้มลมที่คลิปในต่างประเทศใช้งานได้ดี อาจจะใช้ไม่ดีเลยกับประเทศไทย เนื่องจากต่างประเทศอย่างอเมริกา เยอรมัน ประเทศเขาความชื่นต่ำ (คงเคยได้ยินนะครับประเทศไทยเป็นประเทศร้อนชื่น ความชื่นในอากาศสูงมาก)
แรกเริ่มน้าที่คิดจะซื้อแอร์บรัช สิ่งที่ควรซื้อก่อนและให้ความสำคัญที่สุดจริงๆ กับงานนี้ไม่ใช่ตัวแอร์บรัช แต่เป็นปั้มลมนะครับ ซึ่งตัวผมได้ทำผิดพลาดไป และเสียเงินไปเยอะกับเรื่องนี้
คือถ้าน้าจะซื้อปั้มลม อย่าซื้อ “ตัวเล็ก ที่ไม่มีถังพักลม” ถามว่าทำไม..? เพราะมันแพงครับ ยกตัวอย่างในกรณีผม ที่ซื้อปั้มลม Puma แบบเสียงเงียบตัวเล็กสุด 1/8 แรงม้า ราคาประมาณ 5000 บาท ซึ่งในความเป็นจริง “มันไม่จบที่ราคานี้แน่นอน” เพราะสิ่งที่น้าจะเจอต่อไปคือ
- ปั้มลมไม่สามารถพ่นสีต่อเนื่องได้เกิน 10 นาที (พ่นแบบไม่หยุดพ่นเลย) เพราะเครื่องจะร้อนมาก
- เมื่อเครื่องร้อน ถึงแม้จะมีความชื่นในอากาศที่ต่ำ อากาศที่ปั้มออกมาจะร้อนตาม และเมื่อผ่านเข้าตัวกรองไอน้ำ มันจะเกิดการกลั่นตัวเพราะความเย็น ผลที่ได้คือน้ำมาเต็ม
- อันนี้สำคัญต้องเสียค่าตัวกรองไอน้ำ (Regulator Filter) ราคาแพง..!! ในกรณี่ที่ใช้ของดีแบบอาจจะดีที่สุดที่หาได้ในไทยอย่างเช่น SMC แบบติด Regulator 2 ตัว ก็ต้องโดนไปอีกเกือบ 4000 บาท นั้นหมายความว่าโดนค่าปั้มลมไป 9000 แล้ว แต่บอกได้เลยว่าเอาไม่อยู่ครับ หากไปเจอความชื่นสูงก็กลายเป็นเครื่องพ่นน้ำได้เช่นกัน (อันนี้เจอมากับตัว)
- ปั้มเล็กไม่สามารถใช้งานกับแอร์บรัชกรวยล่างได้ หรือใช้ได้บ้าง แต่ไม่ดีเลย และที่สำคัญคือไม่สามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีก
ถามว่าปั้มลมแบบไหนดี..? กรณีที่ต้องการปั้มลมเสียงเงียบ
พอผ่านความผิดพลาดแบบเจ็บตัวไปครั้งแรก มาปั้มตัวที่สอง ตัดสินใจซื้อตัวใหญ่เลย แล้วก็ช็อค..!! เพราะราคามันถูกกว่าตัวเล็กซะอีก (แบบตัวเปล่าๆ) คือตัวเล็กผมซื้อ 5000 แต่ตัวใหญ่ที่มีถังพักลมถึง 25 ลิตร ราคาไม่ถึง 5000 ด้วยซ้ำ เป็น PUMA ถังสีขาว ปั้มลมแบบเสียงเงียบ ให้แรงลมแบบเหลือๆ แบบใช้กับแอร์บรัช 3 ตัวพร้อมกันยังได้ และหากได้ถูกกว่านี้ราคาไม่ถึง 4000 ก็มีนะครับ เป็นของ TIGER เหมือน PUMA ทุกอย่างเลย แต่เรื่องประกัน กับคุณภาพยาวๆ เป็นยังไงไม่รู้นะ แต่ผมว่าทนมากอยู่ดี ผมเคยไปถามที่ “เวิ้งนครเกษม” ราคาประมาณ 3700 บาท (เฉพาะปั้มลม) น่าจะต่อราคาได้อีก ส่วนสิ่งที่ได้เจอเมื่อใช้ปั้มลม PUMA ที่ผมใช้ตอนนี้
- ด้วยตัวกรองไอน้ำ ราคาเกือบ 3000 ที่ผมมีอยู่ (ราคารวม 2 ตัว) มันไม่เคยมีน้ำหลุดมาถึงตัวกรองไอน้ำ ตัวที่ 2 เลย แม้จะทำงานตอนฝนตกก็ตาม (ผมใช้ 2 ตัว) ผมเลยคิดว่าใช้ Regulator ตัวละ 2000 ตัวเดียวก็น่าจะเอาอยู่เหมือนกัน
- แม้ปั้มลมตัวใหญ่กว่าตัวแรกที่ผมใช้มาก แต่เรื่องเสียงดังกว่านิดหน่อยนะครับ คือประมาณว่าห้องปูน ปิดประตู คนข้างนอกก็แทบไม่ได้ยินเสียงแล้ว
- ถึงจะเงียบรับได้ แต่ปั้มลมจะมีแรงสั่นสะเทือนค่อนข้างมาก ห้องชั้นล่างอาจจะรู้สึกได้นิดหน่อย แต่หากหาผ้าหนาๆ หรือโฟมมารองจะก็นิ่งครับ
- แม้จะทำงานเงียบ แต่เสียงตอนตัดลมตอนที่ลมเต็มถัง ก็เล่นเอาตกใจไปเลยทีเดียว และหากไม่อยากให้คนรอบข้างหรือตัวเองตกใจ น้ามีทางเลือกสามทาง
– ทนใช้ ซึ่งผมก็ทนได้นะครับ มันนานๆ จะดังสักทีไม่ได้ถือว่าตกใจเท่าไร
– เปลี่ยนชุดตัดลมแบบลดเสียง (ต้องมีความรู้ และต้นทุมเพิ่มขึ้น)
– ไปซื้อปั้มลมที่ได้รับการปรับแต่งมาแล้ว เท่าที่ผมรู้จักก็มีของร้าน bbboyair เจ้านี่จะแต่งปั้มให้ทำงานดีกว่าทั่วไป ซื้อมาจบเลยไม่ต้องแต่ง แต่ก็แพงกว่า - หากใช้แบบ 25 ลิตร น้าสามารถนำมันไปทำอย่างอื่นได้ เช่นเติมลม, ต่อกับกาพ่นสี, ปืนยิงตะปู หรืออุปกรณ์ลมอื่นๆ ได้
ตัวผมเองค้นข้อมูลอยู่พอสมควร ถ้าน้าอยู่ไกลอยากได้ปั้มลมถูก ค่าส่งฟรีให้ไปดูที่เว็บ Thaicarpenter เป็นเว็บรวบรวมเครื่องมือช่างไม้ ชอบตรงส่งฟรี (พันบาทขึ้นไป) และของถูกดีครับ
พูดถึงตัวกรองไอน้ำบ้าง
ตัวกรองไอน้ำหรือ Regulator Filter ถือเป็นหัวใจสำคัญของปั้มลมเพื่องานพ่นสีเหยื่อปลอมเลยก็ว่าได้ ซึ่งปกติแล้ว ถ้าน้าซื้อปั้มลมแอร์บรัชเดิมๆ มา มันจะมีติดตัวกรองราคาถูกมาให้ด้วย แบบไม่มีติดมาก็เยอะ ..ถามว่าใช้งานได้หรือเปล่า..? ตอบได้เลยว่าใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง (ผมตอบในกรณีปั้มลมแบบมีถังพักลม 25 ลิตร) โดยตัวกรองที่แถมมาให้จะเป็นแบบที่มีเกจวัดแรงดัน รวมตั้งตัวปรับแรงดันมาด้วย แต่บอกไว้ก่อนว่าแม้ตัวกรองไอน้ำจะพอทำงานได้ แต่ก็มีโอกาสที่น้ำจะหลุดเข้าไปถึงแอร์บรัชและพ่นน้ำออกไปจนทำให้งานที่เราทำอยู่เสียได้นะครับ ถ้ามีงบแนะนำให้ปลอดภัยไว้ก่อน ด้วยการเพิ่มตัวกรองไอน้ำคุณภาพดีๆ อีกสักตัว
การเลือกซื้อตัวกรองไอน้ำ
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า ตัวกรองไอน้ำหรือ Regulator Filter จะมีหลายยี้ห้อมากนะครับ แต่ผมจะพูดถึงยี้ห้อที่ผมใช้อยู่ ซึ่งก็คือ SMC เป็นของญี่ปุ่น (แต่คงทำที่จีน) ที่น้าต้องมีแน่ๆ แล้วคือ 1 ตัว ซึ่งตัวแรกจะเป็นแบบที่มีตัวปรับแรงดันอากาศ
ถามว่าจำเป็นต้องซื้อตัวดีๆ หรือเปล่า หากมีติดปั้มลมมาอยู่แล้ว..? ก็คงตอบได้ว่ายังไม่จำเป็นครับ เพราะเท่าที่ใช้มาตัวที่แถมมา น่าจะใช้ปรับลมได้เป็นปีกว่าจะพัง ให้เอาเงินประมาณ 1,000 ซื้อตัวกรองแบบไม่มีตัวปรับแรงดันเพิ่มก็ได้จะได้ประหยัดเงิน หรือหากงบเยอะหน่อย ให้จัดตัวกรองแบบไม่มีตัวปรับแรงดันชนิด “ดักน้ำ” ราคาน่าจะ 2000 กว่าๆ หรืออาจจะมีถูกกว่าครับ ให้ลองถามตามร้านขายแอร์บรัช หรือร้านขายอุปกรณ์นิวเมติก
สายลม ข้อต่อลม
ข้อนี้เหมือนจะธรรมดา แต่บอกเลยว่าทำผมเสียงบประมาณไปเยอะ..!! สำหรับสายลมจะมีอยู่หลายประเภทหลายราคา แต่ที่ผมแนะนำให้ใช้คือ สาย PU ครับ เพราะถูกมาก แต่..! หากไม่จำเป็นอย่าซื้อที่ร้านขายแอร์บรัช เพราะแพง..!!
ก่อนไปพูดถึงสาย PU น้าต้องเข้าใจก่อนว่า Regulator มีจุดเชื่อมต่อด้วยข้อต่อลมขนาด 1/8 และ 1/4 นะครับ ซึ่งขนาดจะเปลี่ยนไปตามรุ่นของ Regulator เองด้วย
และสำหรับสาย PU ที่ขายร้านแอร์บรัชผมลองมาหลายขนาดหลายแบบแล้ว แบบ 6mm ที่ชอบเอามาขายกัน ใช้งานได้ไม่ดีเลย เพราะมันแข็งครับ (เหมาะเอาไว้ต่อลาก Regulator ระยะไกล แบบลากไปวางไกลจากปั้มลมจะเหมาะกว่า) หากใช้ต่อกับแอร์บรัชให้เลือกใช้แบบ 4mm อุปกรณ์ครบสุดรวมข้อต่อ กับสาย PU 4mm ยาว 5 เมตร ผมทำได้ในราคาไม่ถึงร้อย
สายแอร์บรัชแบบสายถัก ผมก็ซื้อมาครับ ถามว่าดีหรือเปล่า..?
ดีครับ ส่วนใหญ่จะมีพร้อมข้อต่อแบบสวมเร็ว ซึ่งแพงมาก ชุดละประมาณ 450 บาท ถามว่าจำเป็นหรือเปล่าข้อต่อสวมเร็ว..? เอาจริงๆ นะ ไม่จำเป็นเลย เพราะชุดสาย PU ที่ผมไปซื้อมาทำเองไม่ถึงร้อยก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันครับ (ดูได้จากภาพ) แถมสายเบาและยาวกว่าสายถักด้วย
สายลมแบบสปริง..?
ใช้ได้ครับ ถ้าไม่คิดอะไร แต่ผมว่าแพงกว่าสายที่ผมใช้อยู่ดี แถมไม่เหมาะกับงานเหยื่อปลอม รวมทั้งโมเดลด้วย เพราะสายแบบสปริงจะแข็ง และยังมีแรงดึงกลับอีกด้วย แต่หากเอาทนทำงานกลางแดดทุกวัน ก็ซื้อได้เลย
สรุป
คือสาย PU 4mm + ข้อต่อ 2 ตัว กับโอริงยาง 5 บาท อีกอันก็เพียงพอสำหรับต่อแอร์บรัชเช้ากับตัวกรองไอน้ำ ไม่ถึงร้อย
สรุปว่าปั้มลมแบบจบราคาเท่าไร..? (พวกประกอบเองหมดไม่นับนะ)
ถ้าเอาแบบปั้มลมคุณภาพดีถังขาวของ PUMA ติด Regulator Filter คู่แบบที่ผมใช้ รวมสายตัวดัดแปลงข้อต่อต่างๆ ก็ประมาณ 8000 บาท (ผมดัดแปลงต่อตัวกรองตัวเล็กที่ถัง และสามารถลากตัวใหญ่ที่มีตัวปรับแรงดันออกมาทำงานไกลจากถังได้ 5 เมตรด้วย)
..แน่นอนว่าปั้มลมราคาถูกกว่า ในคุณภาพที่ใกล้เคียงกันกับ PUMA ก็มีเยอะครับ อย่าง TIGER ก็ถูกกว่าเป็นพัน แต่สิ่งที่น้าควรทราบคือ ถ้าจะซื้อปั้มลมเพื่องานแอร์บรัชอย่าให้เกิน 1 แรงม้า เพราะถ้าเกิน 1 แรงม้า ราคาของตัวกรองไอน้ำจะแพงขึ้นอีกเป็นพัน หรือมากกว่านั้น (1 แรงม้าจะทำงานเหลือๆ กับการพ่นแอร์บรัชสองสามตัวพร้อมกัน)
**ปั้มลมเงียบ Puma ตัวเล็กระดับเสียงประมาณ 35db หรือประมาณว่าห้องปูนปกติ ถ้าปิดประตูแล้ว ยืนอยู่หน้าห้องก็แทบไม่ได้ยินเสียง
** ปั้มลมแบบเสียงดัง ราคาจะถูกกว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับแรงม้า แต่ปั้มลมพวกนี้มักจะเติมลมเต็มเร็วกว่าครับ
** สามารถหาซื้ออุปกรณ์ลมได้ตามร้านขายอุปกรณ์นิวเมติก (หากซื้อร้านค้าทั่วไปจะแพงกว่า)
** หากหาไม่ได้ ซื้อไม่ถูกสอบถามผมได้ทาง inbox ในเพจ แมวบ้าตกปลา
เอาละก็ขอจบเรื่องปั้มลมเอาไว้ก่อนนะครับ ก็อย่างที่เห็น ผมไม่ได้แนะนำปั้มลมหลายๆ ประเภท แต่แนะนำปั้มลมที่ผมคิดว่าคุ้มค่าสำหรับผม แน่นอนว่าหากน้ามีงบน้อยหน่อย ก็เลือกปั้มเสียงดังที่ถูกกว่าหน่อยมาได้ แต่อย่าลืมเรื่องกฎ 1 แรงม้านะ ถ้าเกินน้าจะต้องใช้ตัวกรองที่แพงขึ้นด้วย หรือน้ามีงบเยอะจะให้ปั้มเทพๆ ก็ได้เช่นกันครับ หรือประกอบเองได้ก็ดีไป ^ ^ เดี๋ยวตอนหน้าจะมาพูดถึงเรื่องของแอร์บรัชนะครับ
อ่านเรื่องอื่น ทำสีเหยื่อด้วยแอร์บรัช : ตอนแอร์บรัช