อันดับ 9. Least weasel (น้ำหนัก : 29.5g)
เพียงพอนน้อย มีรูปร่างเพรียวยาว ว่องไวปราดเปรียว มีลักษณะเด่นคือ มีสีขนแบ่งแยกกันชัดเจน โดยสีขนด้านบนลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนด้านล่างซึ่งเป็นด้านท้องจะเป็นสีขาว ในฤดูหนาวสีขนด้านบนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งลำตัว แต่ถึงแม้ตัวจะเล็ก แต่พวกมันมีนิสัยที่ดุร้ายจึงมีส่วนสำคัญในนิทานและตำนานของวัฒนธรรมต่างๆ
อันดับ 8. Pygmy possum (น้ำหนัก : 10g)
เป็นสัตว์หายากในประเทศออสเตรเลีย ที่มีการพบเมื่อปี 1966 ทั้งนี้ ต้องใช้อุโมงค์สำหรับเดินข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งของสวนอนุรักษ์สัตว์ เพราะว่าเมื่อมีการสร้างถนนตัดผ่านสวนอนุรักษ์สัตว์แห่งนี้
พวกตัวพิกมี่พอสซัมที่เป็นเพศผู้จะถูกรถชนตายในตอนที่พวกมันวิ่งข้ามถนนเพื่อไปหาพิกมีพอสซัมที่เป็นเพศเมียอยู่เสมอ จึงได้มีการสร้างอุโมงค์ลอดถนน ปัจจุบันสัตว์หายากเหล่านี้สามารถใช้อุโมงค์นี้เดินลอดไปมาหากันได้อย่างปลอดภัย
อันดับ 7. American shrew mole (น้ำหนัก : 10g)
เป็นสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดของตุ่น ถูกพบในชื้นป่าหรือพื้นที่ที่เป็นป่าลึกดินหลวมในตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกาและตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ที่อาศัยของมันอยู่ตามลำธารหรือป่าทึบชื้น ถูกพบในพื้นที่แอ่งน้ำที่มีรกหรือพุ่มไม้
อันดับ 6. Long-tailed planigale (น้ำหนัก : 4.3g)
เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุด เป็นสัตว์ที่พบได้ไม่ค่อยบ่อย พบได้ป่าดงดิบและน้ำท่วมตามฤดูกาลทุ่งหญ้าของออสเตรเลีย
อันดับ 5. African pygmy mouse (น้ำหนัก : 3g )
แอฟริกัน ปิ๊กมี่ จัดเป็นหนูที่มีขนาดเล็กที่สุด พบมากในเขตทะเลทรายของแอฟริกา ลำตัวมีสีเทาไปจนถึงสีน้ำตาลอิฐ เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดลำตัวประมาณ 3-8 เซนติเมตรเท่านั้น โดยมีอายุเฉลี่ย 2 ปี และยังมีผู้คนบางส่วนที่นิยมนำไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
อันดับ 4. Pygmy jerboa (น้ำหนัก : 3g )
หนูเจอร์บัว (Jerbor) เป็นสัตว์ทะเลทรายทนแล้ง หากินกลางคืน หน้าตาดูๆไปก็คล้ายกับหนูไมค์ (Mice) ผสมจิงโจ้ แต่ตัวมันเล็กมากๆเป็นหนูทะเลทรายชนิดหนึ่ง มีขาหลังยาวกว่าขาหน้าใช้ในการเคลื่อนที่ กระโดดได้ไกล ส่วนขาหน้าที่สั้นจะใช้ในการหยิบจับอาหาร มีใบหูยาวใหญ่ใช้ในการรับฟังเสียง
อันดับ 3. หนูผีจิ๋ว (น้ำหนัก : 1.8g)
หนูผีจิ๋ว หรือ หนูผีอีทรัสแคน (Etruscan shrew) หนูผีจิ๋ว มีเท้าหลังสั้นมากและมีสีคล้ำในตัวเต็มวัย กะโหลกลาดแบน จมูกแหลมยาวมาก ตามีขนาดเล็กมาก ใบหูมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดลำตัว มีความจากหลายจมูกถึงรูทวารเพียง 4–5.6 เซนติเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.8 กรัม เท่านั้น
ครั้งหนึ่งเคยถูกจัดให้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกมาแล้ว ก่อนจะถูกแทนที่ตำแหน่งนี้ด้วยการค้นพบค้างคาวคุณกิตติในเวลาต่อมา
อันดับ 2. ค้างคาวคุณกิตติ (น้ำหนัก : 1.5g )
ค้างคาวคุณกิตติ, ค้างคาวกิตติ หรือ ค้างคาวหน้าหมู (Kitti’s hog-nosed bat) เป็นค้างคาวที่จัดอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ พบได้ทางตะวันตกของประเทศไทย และทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศพม่า อาศัยอยู่ตามถ้ำหินปูนริมแม่น้ำ
ค้างคาวคุณกิตติเป็นค้างคาวและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีสีน้ำตาลปนแดงเรื่อๆ หรือสีเทา มีจมูกคล้ายจมูกหมู มีอุปนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เฉลี่ยแล้วกลุ่มละ 100 ตัวต่อถ้ำ ออกหากินเป็นช่วงสั้นๆในตอนเย็นและเช้ามืด หากินไม่ไกลจากถ้ำที่พักอาศัย กินแมลงเป็นอาหาร ตกลูกปีละหนึ่งตัว
อันดับ 1. Batodonoides vanhouteni (น้ำหนัก : 1.3g) – สูญพันธุ์แล้ว
เป็นสัตว์เลี้ยงลูกนมที่อาจมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีชีวิตอยู่ โดยจากการประเมินฟันกรามคาดว่า Batodonoides vanhouteni มีน้ำหนักมากที่สุด 1.3 กรัม พวกมันมีชีวิตอยู่ในช่วง 53 ล้านปีก่อน ซากฟอสซิลที่ประกอบด้วยขากรรไกรล่างและฟันบางซี่ ถูกค้นพบในปี 1998 ในไวโอมิง จากหินอายุ 53 ล้านปี
“หากตัดตัวที่สูญพันธุ์ไปแล้วออกไป “ค้างคาวคุณกิตติ” จึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเล็กที่สุดในโลก” กดเพื่ออ่านเรื่องของค้างคาวคุณกิตติ
