วันที่ 9 พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2513 มีวาฬหัวทุยตัวหนึ่ง เกยตื้นที่ชายหาดใกล้เมืองฟลอเรนซ์ ในรัฐออริกอน ตามรายงานระบุว่า หลังการเกยตื้น 3 วัน พบว่าวาฬหัวทุยที่ยาวเกือบ 14 เมตร หนัก 8 ตัน ได้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว และเนื่องจากในสมัยนั้นแทบจะไม่เคยมีเหตุการณ์วาฬตัวใหญ่ขนาดนี้เกยตื้น เจ้าหน้าที่จึงไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร และหากนำไปฝังทั้งตัวก็กลัวที่จะมีคนไปขุดขึ้นมาอีก ด้วยขนาดที่ตัวที่ใหญ่ของมันบวกความเหม็น ก็เลยไม่อยากที่จะตัดชิ้นส่วนของวาฬออกเป็นชิ้นเล็กๆ และนำไปฝัง
สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจที่จะจัดการซากวาฬหัวทุย โดยการระเบิดมันด้วย “ระเบิดไดนาไมต์” พวกเขาคิดว่าซากที่เน่าเปื่อย ถ้าโดนระเบิดแรงๆ ก็น่าจะแหลกเป็นจุณ หรืออย่างน้อยก็กลายเป็นชิ้นเนื้อเล็กๆ ที่ง่ายต่อการเก็บกวาดลงทะเล และหากชิ้นเนื้อที่เหลืออยู่บนบก เดี๋ยวก็ต้องโดนนกนางนวล หรือสัตว์กินซากอื่นจัดการจนหมด
และในวันนั้นเองก็ได้เกิดเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้ขึ้น ระเบิดไดนาไมต์มากกว่า 20 กล่อง ซึ่งมีน้ำหนักรวมกว่าครึ่งตัน ถูกนำไปฝังไว้ข้างใต้ซากวาฬเพื่อทำภารกิจระเบิด โดยมีชาวบ้านมาเฝ้าดูเหตุการณ์ครั้งนี้ แน่นอนว่านักข่าวก็มีเช่นกัน
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผน เมื่อเกิดการระเบิดขึ้น เศษเนื้อชิ้นใหญ่ก็กระจายไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านและนักข่าวต่างวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด มีเนื้อชิ้นใหญ่หลายชิ้นตกลงบนรถทำให้รถที่จอดอยู่แถวนั้นเสียหายอย่างหนัก แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็กลับเข้ามาในพื้นที่ และฝังเศษซากขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่บนชายหาด ความจริงมันอาจเป็นงานที่หนักกว่าเดิม เนื่องจากเศษเนื้อบางชิ้นหนักเกินร้อยกิโล และมีหลายชิ้นที่หนักหลายสิบกิโล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันปลิวไปไกลแค่ไหน และความเสียหายที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงก็มาก เนื่องจากเศษเนื้อปริวไปไกลมากกว่าที่พวกเขาคาดคิด
“สรุปได้ว่าหากเกิดมีซากวาฬเกยตื้นที่นี่อีกครั้ง ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบไม่เพียงแต่จะต้องจดจำว่าควรทำอะไร? แต่จะต้องจดจำด้วยว่าการใช้ระเบิดไม่ใช่ความคิดที่ดีเอาซะเลย”