ถ้ำที่ถูกพบโดยบังเอิญ
ถ้ำพิษโบราณที่ถูกปิดตายมา 5.5 ล้านปีแห่งนี้ มีสัตว์และแมลงที่น่าขนลุกอย่างน้อย 33 สายพันธุ์ ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถพบได้บนโลกภายนอก ทางเข้าถ้ำแห่งนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโรมาเนีย ครั้งแรกที่ถ้ำถูกเปิด มันเต็มไปด้วยพิษ และนักสำรวจก็ไม่แน่ใจว่าหากลงไปสำรวจ พวกเขาจะได้เจอกันอะไร
ความจริงแล้ว ถ้ำแห่งนี้ไม่เคยมีทางเข้าออกสู่โลกภายนอก มันเป็นถ้ำปิดตายโดยสมบรูณ์ แต่แล้วมันก็ถูกพบเมื่อคนงานชาวโรมาเนีย พยายามเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างโรงไฟฟ้าซึ่งเป็นช่วงปี พ.ศ. 2529 (1986)
หลังจากที่พวกเขาขุดดินเพื่อตรวจสอบพื้นที่ พวกเขาก็พบเข้ากับถ้ำแปลกๆ ..จากนั้นนักวิจัยชาวโรมาเนีย คริสเตียน ลาสคู (Cristian Lascu) ก็เป็นคนแรกที่เข้าไปในถ้ำ ซึ่งต้องลงไปในแนวดิ่งที่ความสูง 20 เมตร ในตอนนั้นเขามีเพียงไฟฉายที่ติดอยู่บนหมวกของเขาเท่านั้น
หลังจากพยายามค้นหาเส้นทางในถ้ำหินปูนแคบๆ เพื่อให้ได้ไปต่อ ในที่สุดเขาก็มาถึงบ่อน้ำใต้ดินที่อยู่ในถ้ำใต้ดิน และที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบมาก่อน …จากการสำรวจพวกเขาพบว่า ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด และเนื่องจากสภาพแวดล้อมของถ้ำที่ยากลำบาก การรวบรวมสิ่งมีชีวิตพวกนี้จึงทำได้อย่างเชื่องช้า
สัตว์ที่แปลกประหลาดภายในถ้ำ
หลังการค้นพบถ้ำ ก็มีการส่งทีมสำรวจเข้ามาอีกหลายครั้ง จนในปี พ.ศ. 2558 (2015) นักวิจัยก็เก็บตัวอย่างมาได้ 48 สายพันธุ์ และหลังจากใช้เวลาตรวจสอบอยู่หลายปี พวกเขาก็ยืนยันได้ว่า เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนถึง 33 สายพันธุ์ มันเป็นการวิวัฒนาการในโลกที่มีสภาพแวดล้อมที่จำกัดอย่างแท้จริง
สัตว์ที่อยู่ในถ้ำโมโว ส่วนใหญ่เกิดมาโดยที่ไม่มีตา พวกมันเกือบโปร่งแสง อวัยวะและหนวดของพวกมันจะยาวเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้พวกมันเคลื่อนที่ไปมาในโลกที่มืดสนิทนี้ได้
แต่เนื่องจากถ้ำโมโวเป็นถ้ำพิษ จึงมีเพียงพื้นที่บางส่วนที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร ก็ยิ่งหายใจลำบาก อากาศด้านล่างมีออกซิเจนต่ำมาก บางช่วงต่ำกว่า 7% มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณหนึ่งร้อยเท่า ทั้งยังประกอบด้วยก๊าซมีเทน ในบางช่วงของถ้ำอากาศและน้ำยังเป็นกรดซัลฟูริก ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และ แอมโมเนีย ที่มีความเข้มข้นสูง
แม้ว่าอุณหภูมิของอากาศจะค่อนข้างสบาย เพราะอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส แต่ความชื้นสัมพัทธ์กลับอยู่ที่ 100% และการไหลเวียนของอากาศเกือบเป็นศูนย์ … และนับตั้งแต่ถ้ำแห่งนี้ถูกเปิด มีนักวิจัยเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาติให้ลงไปสำรวจได้ เนื่องจากต้องการรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนของระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์และเปราะบางนี้
สำหรับสัตว์ที่อยู่ระดับบนของถ้ำแหล่งนี้ ดูเหมือนจะเป็น “ตะขาบ” มันถูกเรียกว่า “king of the cave” และถูกตั้งชื่อว่า คริปท๊อปส สเปลโอเร็กซ์ (Cryptops speleorex) มันเป็นตะขาบที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่มืดมิดมานาน มันมีลำตัวสีน้ำตาล – เหลือง มีหนวดสีเหลืองอ่อนและขาสีเหลือง แม้ว่าตะขาบชนิดนี้จะมีความยาวไม่เกิน 2 นิ้ว แต่มันก็เป็นสัตว์ขาปล้องกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในถ้ำแห่งนี้
คำถามที่นักวิจัยสงสัยคือ พวกมันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง? ด้วยสายพันธุ์ต่างๆ มากมายในถ้ำเพียงแห่งเดียว เป็นการยากที่จะบอกว่าพวกมันทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกันได้อย่างไร?
โดยนักวิจัยบางคนคิดว่า อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในซีกโลกเหนือ จนทำให้ทะเลเมดิเตอเรเนียนแห้ง ผลักดันให้สัตว์ต่างๆ แสวงหาที่อยู่อาศัยที่มีกำมะถันมากขึ้น หรือเป็นไปได้ว่าพวกมันเพิ่งตกลงมาในถ้ำโมโว และไม่เคยออกมาได้ แต่หากคิดแบบนี้ ก็จะเกิดคำถามที่ว่า พวกมันตกลงมายังไง?
ถ้ำโมโวเกิดขึ้นจากแบคทีเรียหรือไม่?
สำหรับแนวคิดที่เป็นไปได้ที่สุดเกี่ยวกับสิ่งที่สร้างถ้ำโมโวขึ้นมา ก็คือแบคทีเรีย ซึ่งไม่ธรรมดาเลย และหากเป็นเช่นนี้จริง ก็จะสามารถตอบได้ว่า สัตว์แปลกๆ พวกนี้เข้ามาอยู่ในถ้ำได้อย่างไร
แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นแนวคิดนี้ถือว่าเป็นไปได้มาก มันให้คำตอบการกำเนิดของถ้ำ ทั้งทำไมถ้ำจึงเป็นพิษ และวิธีที่สัตว์เข้ามาในถ้ำ แต่ยังไงก็ตาม คำตอบของคำถามทั้งหมด ยังคงต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหลายปี และสุดท้ายถ้ำแห่งนี้อาจช่วยให้พวกเรา ค้นพบวิธีดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมสุดขั้วอื่นๆ เช่นบนดาวอังคาร