1. สเตโกซอรัสมีสมองที่สองอยู่ที่สะโพก
สเตโกซอรัส เป็นอีกหนึ่งไดโนเสาร์ที่เป็นที่รู้จักจากกระโดงบนหลังและหนามที่หาง มันมีความยาวประมาณ 8-10 เมตร มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคจูแรสสิกตอนปลาย เดิมมีความเชื่อว่ามันมีสมองที่เล็กมาก ทำให้ในช่วงศตวรรษที่ 19 นักชีววิทยาชาวอเมริกัน Othniel C.Marsh เชื่อว่าสเตโกซอรัสมีสมองที่สองที่สะโพกเพื่อช่วยในการควบคุมร่างกายส่วนหลัง
ปัจจุบันไม่ใครเชื่อแล้วว่าสเตโกซอรัส และไดโนเสาร์อย่างพวกซอโรพอด มีสมองที่สอง นอกจากนี้ยังเคยมีความเชื่อว่าสเตโกซอรัสกักเก็บอาหารที่หางของมันอีกด้วย แนวคิดสมองที่สองนั้นยังส่งผลไปยังการออกแบบสัตว์ประหลาดที่โด่งดังอย่างก็อตซิล่าอีกด้วย นั้นก็เพราะก็อตซิล่าของญี่ปุ่นนั้นออกแบบให้มีสมองที่สอง ซึ่งอยู่ที่สะโพก มันช่วยในการควบคุมร่างกายส่วนล่างของก็อตซิล่า
2. พวกซอโรพอดเป็นสัตว์น้ำ
เมื่อมีการขุดพวกซากไดโนเสาร์ที่มีคอยาวถึง 40 ฟุต และพบว่าบนกะโหลกของมันมีช่องเหมือนจมูก ทำให้สงสัยว่ามันอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน?
นานมาแล้วนักบรรพชีววิทยาเชื่อว่าพวกไดโนเสาร์คอยาวใช้เวลาส่วนมากในน้ำ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวของมัน โดยใช้จมูกบนหัวเหมือนท่อหายใจ แต่ภายหลังพบว่ามันไม่สามารถอยู่ในน้ำเต็มที่แบบนั้นได้เนื่องจากแรงกดของน้ำ และจากการค้นพบภัยหลัง จริงๆ แล้วพวกซอโรพอดอยู่บนที่แห้งตลอด
3. อีลาโมซอรัส กับการวางหัวผิดตำแหน่ง
ในปี 1868 ได้มีการค้นพบฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานทะเลคอยาวที่มีชื่อว่า อีลาโมซอรัส ซึ่งอยู่ในพวกเพลซิโอซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่ช่วงเวลานั้นทีมประกอบซากได้ทำผิดพลาดอย่างมากโดยเอาหัวของมันไปอยู่ที่หางทำให้มันมีคอที่สั้นและหางที่ยาวมาก แต่สุดท้ายนับว่าโชคดีที่มีการค้นพบเพลซิโอซอร์ชนิดอื่น ทำให้รู้ว่าพวกเค้าทำผิดพลาดอย่างมาก จึงรีบประกอบมันกลับมาใหม่
4. โอวิแรปเตอร์ ไม่ใช่จอมขโมยไข่
ย้อนกลับไปในปี 1923 ทีมนักสำรวจได้ไปยังทะเลทรายโกบีในมองโกเลีย พวกเขาได้พบซากไดโนเสาร์หลายชนิด ทั้งโปรโตเซอราทอป บรรพบุรุษพวกไดโนเสาร์มีเขา นักล่าที่โด่งดังเวโลซิแรปเตอร์ และเจ้าโอวิแรปเตอร์จอมขโมยไข่ เนื่องจากว่าพบซากมันอยู่บนกองไข่ และบริเวณนั้นพบซากโปรโตเซอราทอป ทำให้เชื่อว่าจอมขโมยไข่ตัวนี้ไปด้อมๆ มองๆ รังพวกมีเขา แล้วกำลังไปขโมยไข่แต่เจอพายุทรายพัดกลบจนตาย
แต่อีกหลายปีต่อมาได้มีการนำฟอสซิลไข่มาสแกน พบว่าตัวอ่อนนั้นกลับเป็นลูกโอวิแรปเตอร์ สรุปคือตัวแม่มันนั่งกกไข่ ซึ่งพายุทรายได้พัดมาแต่มันก็ไม่ยอมทิ้งรังของมันไปจนต้องแลกด้วยชีวิต สุดท้ายจอมขโมยไข่กลับกลายเป็นพ่อแม่ที่ปกป้องลูกของมันแม้ต้องแลกด้วยชีวิต
5. การเชื่อมต่อระหว่างนกและไดโนเสาร์ที่ขาดหายไป เป็นเรื่องที่หลอกลวง
National Geographic Society ไม่ได้ทิ้งการค้นหาไดโนเสาร์ของพวกเขาเอง ในปัจจุบันยังมีการแข่งกันหาไดโนเสาร์อยู่ ในปี 1999 ได้มีการจัดแสดงไดโนเสาร์ชนิดใหม่ที่ตั้งชื่อว่า Archaeoraptor พบในประเทศจีน โดยอ้างว่ามันคือรอยต่อระหว่างไดโนเสาร์และนก สุดท้ายพบว่ามันคือการเอาซากไก่และกิ้งก่ามาผสมกัน
6. อิกัวโนดอน มีนอที่จมูก
อิกัวโนดอนเป็นไดโนเสาร์ชนิดแรกที่ถูกค้นพบและตั้งชื่อ แต่ในช่วงเวลานั้นคนยังมองไดโนเสาร์เป็นกิ้งก่ายักษ์ทำให้ภาพของอิกัวโนดอนตอนนั้นไม่ต่างจากอิกัวน่ายักษ์ แถมยังมีนออีก ซึ่งนออันนั้นจริงๆคือหัวแม่โป้งของมัน แต่ภายหลังก็ได้ปรับให้มันยืนสองขา
7. ไดโนเสาร์จิ๋วบนต้นไม้
ไฮปซิโลโฟดอน เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็กที่มีชื่อชีวิตอยู่ในช่วงต้นยุคครีเทเชียส เดิมคิดว่าจากที่มันมีขนาดเล็กและหางที่ยาว เป็นไปได้ว่ามันอาจจะใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้เป็นหลัก แต่พอปี 1974 ได้พบว่าร่างกายมันไม่เหมาะกับการปีนต้นไม้ มันเหมาะกับการใช้ชีวิตบนพื้นดิน และยังเป็นนักวิ่งลมกรดอีก
8. Hydrarchos เจ้าแห่งคลื่น
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ในช่วงการแข่งขันล่าฟอสซิล ได้มีการค้นพบซากสัตว์เลื้อยคลานทะเลชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า Hydrarchos หรือ เจ้าแห่งคลื่น แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นแค่การยำรวมฟอสซิลของบาซิโลซอรัสที่เป็นปลาวาฬดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งกับสัตว์ชนิดอื่นๆ นับว่าเป็นการหลอกลวงครั้งสำคัญ
9. เพลซิโอซอร์ที่ซุ่มซ่อนในทะเลสาบล็อคเนส
ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อคเนส แสดงให้เห็นถึงภาพสัตว์เลื้อยคลานที่มีคอยาว ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพวกเพลซิโอซอร์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ปัจจุบันเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ซุ่มซ่อนอยู่ในทะเลสาบ
10. หนอนผีเสื้อฆ่าไดโนเสาร์
ผีเสื้อได้วิวัฒนาการมาในช่วงปลายยุคครีเทเชียส ก่อนไดโนเสาร์สูญพันธุ์ มีนักวิทยาศาสตร์บางคนตั้งทฤษฏีว่าอาจจะเป็นเพราะหนอนผีเสื้อกินพืชจำนวนมากทำให้ไดโนเสาร์ดินพืชขาดแคลนอาหาร
แต่ก็โดนปัดตกไปว่า ถ้าอย่างงั้นแล้วพวกสัตว์เลื้อคลานในทะเลละ? ซึ่งทฤษฏีที่น่าเชื่อถือสุดคืออุกกาบาตพุ่งชนที่คาบสมุทรยูคาตันเมื่อ 65 ล้านปีก่อน
